วันอังคาร, พฤษภาคม 27, 2568

ทบทวนความเห็นนานาชาติต่อกรณี “พอล แชมเบอร์ส” หลังถูกแจ้ง ม.112 ตกอยู่สถานะสูญญากาศทางกฎหมาย กลับบ้านไม่ได้ – ไม่มีงานทำ



26/05/2568
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน

ถึงแม้ว่าเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2568 อธิบดีอัยการภาค 6 จะมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีของ ดร.พอล แชมเบอร์ส นักวิชาการสัญชาติอเมริกัน ฐานหมิ่นประมาทกษัตริย์ ตามมาตรา 112 แห่งประมวลกฏหมายอาญา และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ แต่คดียังต้องรอผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 6 พิจารณาว่าจะมีความเห็นแย้งในคำสั่งไม่ฟ้องหรือไม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145/1 ด้วยเหตุผลนี้ ดร.พอล จึงตกอยู่ในภาวะสุญญากาศทางกฎหมาย โดยที่เขาไม่สามารถเดินทางกลับสหรัฐอเมริกาได้ เนื่องจากถูกเพิกถอนวีซ่า ยึดหนังสือเดินทาง ห้ามออกนอกประเทศโดยมิได้รับอนุญาต และยังทำให้ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ ไม่เพียงเท่านี้ มหาวิทยาลัยนเรศวรได้มีคำสั่งเลิกการจ้างงาน ดร.พอล โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. 2568

ความเห็นไม่ฟ้องของพนักงานอัยการดังกล่าว เกิดขึ้นในช่วงที่คดี ดร.พอล ได้รับความสนใจจากสังคมนานาชาติ โดยเฉพาะรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลต่อการดำเนินคดีต่อ ดร.พอล ในขณะที่รัฐบาลไทยอยู่ระหว่างการดำเนินการพูดคุยเจรจากำแพงภาษีกับรัฐบาลสหรัฐฯ

.
แถลงการณ์จากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ

เมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2568 แทมมี่ บรูซ (Tammy Bruce) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกแถลงการณ์แสดงความ “ตกใจ” ต่อการจับกุม ดร.พอล โดยระบุว่า

“สหรัฐอเมริการู้สึกตกใจต่อการจับกุม นายพอล แชมเบอร์ส พลเมืองอเมริกัน ในประเทศไทย ด้วยข้อหาความผิดทางอาญาฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และเรากำลังติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือพลเมืองอเมริกันในต่างประเทศอย่างจริงจัง และเรากำลังติดต่อกับทางการไทยเกี่ยวกับกรณีนี้

กรณีนี้ตอกย้ำถึงความกังวลที่มีมาอย่างยาวนานที่เรามีต่อการใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในประเทศไทย เราขอเรียกร้องให้ทางการไทยเคารพเสรีภาพในการแสดงออก และให้แน่ใจว่ากฎหมายจะไม่ถูกใช้เพื่อปิดกั้นการแสดงออกที่ได้รับอนุญาต ในฐานะพันธมิตรของประเทศไทยตามสนธิสัญญา เราจะติดตามประเด็นนี้อย่างใกล้ชิดและสนับสนุนการปฏิบัติที่เป็นธรรมต่อนายพอล แชมเบอร์ส

เจ้าหน้าที่กงสุลของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ในกรุงเทพฯ กำลังให้ความช่วยเหลือด้านกงสุลที่เหมาะสมทั้งหมดแก่นายพอล แชมเบอร์ส เราได้ร้องขอให้สามารถเข้าพบนายพอล แชมเบอร์ส เพื่อให้แน่ใจว่าเขามีความเป็นอยู่ที่ดีและเพื่อให้การสนับสนุนที่จำเป็น


รูปจาก https://th.usembassy.gov/th/on-the-thai-authorities-arrest-of-paul-chambers-th/


รูปจาก https://x.com/statedeptspox/status/1909913427893706850

นับเป็นแถลงการณ์ฉบับที่สามในปี 2568 จากรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย โดยก่อนหน้านี้ ในวันที่ 27 ก.พ. 2568 นายมาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ออกแถลงการณ์ “ประณามอย่างถึงที่สุดต่อกรณีที่ไทยผลักดันชาวอุยกูร์อย่างน้อย 40 คนกลับประเทศจีน”

ก่อนที่นายมาร์โค รูบิโอ จะออกแถลงการณ์อีกครั้งเมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2568 เพื่อประกาศดำเนินการกำหนดข้อจำกัดเกี่ยวกับวีซ่ากับเจ้าหน้าที่ไทยที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลักดันชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน

.
การเรียกร้องจากสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ

ได้แก่ เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2568 วุฒิสมาชิก ฌานน์ ชาฮีน (Jeanne Shaheen) ได้โพสต์ผ่านบัญชี X ของคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ต่างประเทศ วุฒิสภาสหรัฐฯ (Senate Foreign Relations Committee) ว่า

“ดิฉันรู้สึกตกใจต่อการจับกุมนักวิชาการชาวอเมริกัน พอล แชมเบอร์ส ในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นการยกระดับการปราบปรามและเป็นการคุกคามเสรีภาพในการแสดงออกอย่างน่ากังวล ด้วยการดำเนินคดีกับชาวต่างชาติในข้อกล่าวหาที่มีข้อกังขา ดิฉันขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยปล่อยตัวนายแชมเบอร์ส และยุติการดำเนินคดีทั้งหมด”


รูปจาก https://x.com/SFRCdems/status/1910064252297043985

ก่อนที่ในวันที่ 22 เม.ย. 2568 วุฒิสมาชิก เจมส์ แลงฟอร์ด (James Lankford) จากรัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นรัฐบ้านเกิดของ ดร.พอล ได้โพสต์ข้อความผ่านบัญชี X ว่า:

“พอล แชมเบอร์ส สมควรได้กลับบ้าน ประธานาธิบดีทรัมป์มีบทบาทนำที่โดดเด่นอย่างยิ่งในการผลักดันให้ชาวอเมริกันกลับประเทศอย่างปลอดภัย ซึ่งไม่มีใครเทียบได้ ผมได้ติดต่อกับรัฐมนตรีรูบิโอ (Secretary Marco Rubio) เพื่อแสดงการสนับสนุนอย่างเต็มที่ในการผลักดันให้พอลได้กลับไปหาครอบครัวของเขาในรัฐโอคลาโฮมาอย่างปลอดภัย”



ต่อมาในวันที่ 17 พ.ค. 2568 วุฒิสมาชิกแลงฟอร์ดยังได้มีการโพสต์เพิ่มเติมอีกว่า:

“ประเทศไทยต้องปล่อยตัวพอล แชมเบอร์ส พลเมืองสหรัฐฯ ให้ได้กลับบ้านไปหาครอบครัวของเขา ข้อกล่าวหาทั้งหมดได้ถูกยกเลิกไปแล้ว จึงไม่มีเหตุผลใดที่เขาควรถูกควบคุมตัวต่อไป ผมจะยังคงผลักดันให้เขาได้รับการปล่อยตัวต่อไป”


รูปจาก https://x.com/SenatorLankford/status/1914389935122993586

ทางด้าน วุฒิสมาชิก จอห์น คอร์นิน (John Cornyn) จากรัฐเท็กซัส ได้โพสต์ลง X เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2568 ว่า:

“อัยการได้มีคำสั่งไม่ฟ้องแล้ว และถึงเวลาแล้วที่พอล แชมเบอร์สควรได้รับอนุญาตให้กลับไปหาครอบครัวของเขาที่รัฐเท็กซัส ผมจะยังคงทำงานร่วมกับประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯ รัฐมนตรีรูบิโอ และรัฐบาลทรัมป์ เพื่อผลักดันให้รัฐบาลไทยปล่อยตัวเขา”


รูปจาก https://x.com/JohnCornyn/status/1924572954559410557

กรณีของ ดร.พอล ยังคงเป็นประเด็นที่อยู่ระหว่างกระบวนการทางกฎหมายของไทย และยังไม่สิ้นสุดลง แม้จะมีคำสั่งไม่ฟ้องจากอธิบดีอัยการภาค 6 ก็ตาม ขณะเดียวกัน สังคมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ยังคงให้ความสนใจและจับตาอย่างใกล้ชิดต่อการปฏิบัติต่อพลเมืองชาวอเมริกันในประเทศไทย

.
การดำเนินคดีต่อ ดร.พอล แชมเบอร์ส และการเจรจาภาษีระหว่างไทยและสหรัฐฯ


ขณะที่คดีของ ดร.พอล แชมเบอร์ส ยังคงอยู่ในกระบวนการยุติธรรมของไทย ความกังวลจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาก็ดำเนินไปควบคู่กับกระบวนการเจรจากำแพงภาษีระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะในประเด็นภาษีนำเข้า หรือ tariff นักวิเคราะห์บางรายมองว่า คดีของ ดร.พอล อาจกลายเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อบรรยากาศของการเจรจา รวมไปถึงความเชื่อมั่นในระดับทวิภาคีระหว่างไทยกับสหรัฐฯ

อดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ยังได้ให้ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2568 โดยระบุว่า การดำเนินคดีกับ ดร.พอล อาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ของไทย และเป็นปัจจัยหนึ่งที่กระทบต่อการเจรจาการค้าหรือสิทธิประโยชน์ทางภาษีของไทย โดยเฉพาะในบริบทของความสัมพันธ์ระหว่างไทย-สหรัฐฯ ที่ต้องเผชิญกับความอ่อนไหวเรื่องจีนและความมั่นคง

ระหว่างที่การเจรจาเรื่องภาษีนำเข้าระหว่างไทย และสหรัฐฯ ยังไม่มีความชัดเจนในแง่ความคืบหน้าและลำดับการเจรจา สมาชิกรัฐสภา รวมถึง ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการเริ่มการเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ โดยเฉพาะเรื่องภาษีนำเข้า โดยระบุว่าการเจรจาครั้งแรกควรเกิดขึ้นโดยเร็วและมีความชัดเจน เพื่อให้ทราบถึงข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ

.
คำสั่งฝ่ายบริหาร 14078 หรือ Executive Order 14078 คืออะไร?

อีกประเด็นที่ได้รับความสนใจ คือคำถามว่าการควบคุมตัว ดร.พอล อาจเข้าข่ายการบังคับควบคุมโดยมิชอบภายใต้คำสั่งฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ หรือไม่ กล่าวคือ Executive Order 14078 เรื่อง “การเสริมสร้างความพยายามในการนำตัวประกันและพลเมืองสหรัฐฯ ที่ถูกควบคุมตัวโดยมิชอบกลับประเทศ” (Bolstering Efforts to Bring Hostages and Wrongfully Detained United States Nationals Home) ซึ่งลงนามโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2565 โดยคำสั่งดังกล่าวมุ่งเน้นให้รัฐบาลสหรัฐฯ ดำเนินการอย่างแข็งขันต่อกรณีที่พลเมืองของตนถูกกักขังหรือควบคุมตัวโดยไม่เป็นธรรมในต่างประเทศ

ประธานาธิบดีโจ ไบเดนระบุใน คำสั่งฝ่ายบริหาร 14078 ว่า การควบคุมตัวโดยมิชอบโดยรัฐต่างประเทศ เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของระเบียบการเมืองระหว่างประเทศ และต่อความปลอดภัยของพลเมืองสหรัฐฯ รวมถึงบุคคลอื่นในต่างประเทศ จึงถือว่าเป็นภัยคุกคามที่ผิดปกติและร้ายแรงต่อความมั่นคงแห่งชาติ นโยบายต่างประเทศ และเศรษฐกิจของสหรัฐฯ (unusual and extraordinary threat to the national security, foreign policy, and economy of the United States) พร้อมทั้งประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินระดับชาติ (national emergency) เพื่อตอบสนองต่อภัยคุกคามดังกล่าวโดยตรง

ภายใต้คำสั่งบริหาร 14078 บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการควบคุมตัวพลเมืองสหรัฐฯ โดยมิชอบอาจต้องเผชิญกับมาตรการลงโทษ เพื่อเป็นการยับยั้งและสร้างบทลงโทษ เช่น

การเปิดเผยชื่อ (ภายใต้มาตรา 5) ซึ่งเป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ที่จะเปิดเผยชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมตัวโดยมิชอบ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยต่อสาธารณะหรือในลักษณะลับ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม และเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

การอายัดทรัพย์สิน (ภายใต้มาตรา 6) ตามคำสั่งฝ่ายบริหาร 14078 ทรัพย์สินและผลประโยชน์ในทรัพย์สินของบุคคลต่างชาติที่เกี่ยวข้องกับการจับตัวประกัน หรือการควบคุมตัวพลเมืองสหรัฐฯ โดยมิชอบ ไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อม อาจถูกอายัด และห้ามทำธุรกรรมใด ๆ กับทรัพย์สินเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการโอน ชำระเงิน ส่งออก ถอน หรือการดำเนินการใด ๆ ที่อยู่ภายใต้เขตอำนาจของสหรัฐฯ หรือบุคคลหรือนิติบุคคลสัญชาติอเมริกัน

ระงับการเดินทาง (ภายใต้มาตรา 7) บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องอาจถูกระงับสิทธิในการเดินทางเข้าสหรัฐฯ ทั้งในฐานะผู้ถือวีซ่าชั่วคราวและผู้ขอเข้าเมือง

แม้ขณะนี้ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่าการควบคุมตัว ดร.พอล เข้าข่ายการควบคุมตัวโดยมิชอบ (Wrongful Detention) ตามนิยามของรัฐบาลสหรัฐฯ หรือไม่ แต่หากมีการพิจารณาในอนาคต กระบวนการดังกล่าวจะอยู่ภายใต้อำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ (Secretary of State) ภายใต้ Robert Levinson Act ซึ่งจะประเมิน “ภาพรวมของสถานการณ์ทั้งหมด” โดยอาจคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความเป็นธรรมของกระบวนการยุติธรรม ความน่าเชื่อถือของข้อกล่าวหา รวมถึงแรงจูงใจหรือบริบทแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับการจับกุมหรือการควบคุมตัว ทั้งนี้ ปัจจัยเหล่านี้อาจมีบทบาทสำคัญในการตัดสินว่ากรณีของ ดร.พอล เข้าข่ายการควบคุมตัวโดยมิชอบหรือไม่

https://tlhr2014.com/archives/75612