วันอังคาร, กันยายน 30, 2568

‘ทรั้มพ์’ เริ่มมีอาการ ‘Dementia’ หรือภาวะสมองเสื่อมออกมาแล้ว จากการโพสต์เรื่อง ‘MedBed’ เตียงคนไข้อัจฉริยะ ซึ่งเป็นเฟคนิวส์สร้างขึ้นด้วยเอไอ

ทรั้มพ์ เริ่มมีอาการ ‘Dementia’ หรือภาวะสมองเสื่อมออกมาแล้ว รอเบิร์ต ไร้ซ์ ศาสตราจารย์และนักวิจารณ์การเมือง อดีตรัฐมนตรีแรงงานสมัยประธานาธิบดีบิล คลินตัน เขียนในบทความประจำของเขาเมื่อวาน (๒๙ กันยา)

ไร้ซ์เอาข้อมูลมาจากเพจ Constitutional Federal Republic บนเฟชบุ๊ค ที่มองว่าอาการคล้ายคลั่งของทรั้มพ์ ออกมาโจมตีฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองอย่างสาดเสียบ่อยขึ้นในระยะหลังๆ นี่ ไม่ใช่การใช้วาทกรรมสุดโต่งเพื่อการหาเสียงอีกต่อไป

ไม่ถึงสองอาทิตย์ที่แล้ว ประธานาธิบดีคนที่ ๔๗ (สมัยที่ ๖๐) ของสหรัฐ สั่งให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินคดีต่อบุคคลที่เป็นคู่อริทางการเมืองของเขา ๓ คน คือ เจมส์ โคมี่ อดีตผู้อำนวยการเอฟบีไอ เลติเชีย เจมส์ อัยการสูงสุดนิวยอร์ค และแอดัม ชิฟท์ วุฒิสมาชิกจากแคลิฟอร์เนีย

ขณะนี้มีโคมี่คนเดียวที่ถูกดำเนินคดีแล้ว ด้วยข้อหาโกหกต่อคณะลูกขุนหลวง และขัดขวางกระบวนการยุติธรรม กระทรวงสามารถทำอย่างนี้ได้เมื่อทรั้มพ์กดดันอย่างหนักต่อ แพม บอนดิ อัยการสูงสุด แต่ก็ทำให้ แอริก ซีเบิร์ต อัยการเขตเวอร์จิเนียตะวันออกลาออก

ทรั้มพ์ตั้งทนายส่วนตัวของเขาเข้าดำรงตำแหน่งแทน เพื่อเร่งรัดฟ้องคดีต่อเลติเชียและแอดัม เขาบ่นกับผู้สื่อข่าวว่าอยากไล่ออกแอริก เพราะแอริกเห็นว่าคดีที่จะฟ้องโคมี่กับเลติเชียนั้นหลักฐานอ่อนมาก นักวิเคราะห์กฎหมายหลายคนก็เห็นอย่างนั้น

๒๐ กันยา หนึ่งวันหลังจากแอริกลาออก ทรั้มพ์เขียนบันทึกถึงแพม บอนดิว่า คดีต่อสามอริของเขาไม่คืบหน้าเลย เขาบอกกับลินซี่ ฮัลลิแกน ซึ่งเขาตั้งมาแทนแอริกว่า “เราจะปล่อยให้เชื่องช้าอย่งนี้ไม่ได้อีกแล้ว มันทำให้สื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของผมถูกกำจัดไป

“คนพวกนี้ impeached (ดำเนินคดีในสภาเพื่อถอดจากตำแหน่ง) ผมถึงสองครั้ง แท้จริงยังมีการแจ้งความดำเนินคดีอื่นๆ อีกถึง ๕ ครั้ง รวมทั้งคดีฉ้อโกงในนิวยอร์คอย่างน้อยสองคดี ที่ทำให้ทรั้มพ์โกรธเกลียดเลติเชียเหลือหลาย

เช่นกันกับแอดัม ชิฟท์ซึ่งเป็นหัวหอกในการอภิปรายคดี ๖ มกรา ๒๐๒๑ ที่ทรั้มพ์กระตุ้นให้พลพรรค MAGA บุกตึกรัฐสภาไม่ยอมรับชัยชนะของโจ ไบเด็น ทำลายภายในอาคารเสียหาย มีคนนับร้อยถูกดำเนินคดีและลงโทษจำคุก

เกี่ยวกับคดี ๖ มกรานี่ จนป่านนี้ทรั้มพ์ยังละเมอเพ้อพกว่า ครั้งนั้นเอฟบีไอส่งสายลับ ๒๗๔ คนเข้าไปแทรกอยู่ในฝูงชนเพื่อเร่งเร้า ยุยงให้เกิดการโหมกระหน่ำรุนแรง ทั้งที่ คริสโตเฟอร์ เรย์ ผอ.ขณะนั้นปฏิเสธแล้วว่าไม่จริง แม้แต่คาสช์ พาเทล ผอ.คนปัจจุบันซึ่งเขาตั้งเอง ยังบอกว่าไม่ใช่

ช่วงสองวันที่ผ่านมา ทรั้มพ์โพสต์บน ทรุธโซเชียลสื่อสังคมที่เขาตั้งขึ้น แชร์วิดีโอเกี่ยวกับโรงพยาบาล MedBed’ นัยว่ามาจากฟ็อกซ์นิวส์แต่ไม่ใช่ แท้จริงเป็นเฟคนิวส์สร้างขึ้นด้วยเอไอ เป็นเรื่องเพ้อฝันที่มีเตียงคนไข้อัจฉริยะ พอขึ้นไปนอนจะตรวจรักษาโรคทุกอย่างได้หมด

เหล่านั้นเป็นอาการที่ทำให้นักวิจารณ์การเมืองเริ่มมองว่าทรั้มพ์ชักจะประสาทหลอนมากขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งการเพ้อพก (Paranoid) แบบ ขวาพิฆาตซ้าย ของเขา เขาบอกว่าจะต้องกวาดล้างคอมมิวนิสต์ ม้าร์กซิสต์ ฟ้าสซิสต์ และนักเลงฝ่ายซ้ายหัวรุนแรง ให้สิ้นซากจากอเมริกา

ทรั้มพ์สั่งหน่วย ไอ๊ซ์(ควบคุมคนต่างด้าว) ไปไล่จับคนผิวสีน้ำตาลใน แอล.เอ. นิวยอร์ค และบางเมือง จนเป็นข่าวจากการกระทำระห่ำ รุนแรง และน่าเกลียดของเจ้าหน้าที่ซึ่งใส่หมวกและปิดหน้ามิดชิด ที่เขาว่าจะส่งไปชิคาโกและพอร์ตแลนด์ก็ถูกต่อต้านอย่างแข็งขัน

การสั่งองค์การควบคุมสื่อสารมวลชนให้กดดันสถานีโทรทัศน์ใหญ่ ปลดนักจัดรายการสนทนาภาคดึกบางคน เช่นสตีเฟ็น โคลแบร์ และจิมมี่ คิมเมิล ก็เจอกับกระแสตีกลับหนักหน่วงเช่นกัน ตามมาด้วยการได้รับรางวัลเอ็มมี่ของโคลแบร์

และ ดิสนี่ย์เองหน้าแตก อีกสองวันให้หลังต้องสั่งสถานีเอบีซีเรียกคิมเมิลกลับไปจัดรายการต่อ

(https://www.facebook.com/ConstitutionalFederalRepublic/posts/md3ckhhqctx และ https://robertreich.substack.com/p/why-isnt-the-media-reporting-on-trumps-d1e แถมเพลง Black sabbath - Paranoid [แปลไทย] https://www.youtube.com/watch?v=bUggLQ4Ni3A)