วันศุกร์, สิงหาคม 01, 2568

ว้าว เปิดทีเด็ดเจรจาภาษีทรั้มพ์ ไทยได้ ๑๙% ขุนคลัง ‘พิชัย’ เผยใช้กลยุทธ์กะล่อน แจ้งรายการสินค้าเยอะๆ เป็นหมื่น อย่างเช่นลำไย “เค้าไม่มี...เราก็เสนอ”

ถามกันใหญ่ว่าไทยทำอีท่าไหนถึงได้อัตราภาษีนำเข้าของทรั้มพ์แค่ ๑๙% เท่ากับอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และกัมพูชา น้อยกว่าเวียตนาม เมียนมาและลาว

บ้างตอบว่าก็เสนอเก็บภาษีจากเขาศูนย์เปอร์เซ็นต์ไง กี่รายการไม่รู้ เห็นทั่นรองฯ ควบคลังว่าเสนอไปเป็นหมื่นรายการน่ะ อาจไม่ใช่ ๐% ทั้งหมด แต่ก็น่าจะเยอะอยู่นะ

พิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คุยนอกจอกับสรยุทธ์ออกรายการ กรรมกรข่าว เมื่อเช้านี้ (๑ สิงหา) ว้าว มีทีเด็ดไม่เบา เกี่ยวกับรายการสินค้าที่ยื่นไปให้สหรัฐดู ว่าอะไรบ้างที่เราจะไม่เก็บภาษีขาเข้า

“จริงๆ มีประเภทที่สาม ประเภทแรกคือเราไม่มี ประเภทที่สองคือเราผลิตได้ไม่เพียงพอ ประเภทที่สามก็คือว่า ประเภทที่เรามีรายการซื้อจากประเทศอื่นๆ ทั่วโลก แต่อเมริกาเค้าไม่มี เค้าไม่มีการผลิตเราก็เสนอให้เค้า

ทั้งๆ ที่เรารู้ว่าเสนอไปแล้วเค้าก็ไม่ส่งมา ทำให้เค้าเกิดความรู้สึกไงครับว่าเราเสนอเค้าในรายการที่มากขึ้น บางรายการเค้าไม่มีเลยครับ ของไม่มีเราก็เสนอให้เช่นอย่างเงี๊ยนะครับ

สมมติมีลำไยอย่างเงี๊ยเค้าไม่ปลูกลำไย ไม่มีลำไย มาเสนอไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรก็เสนอไป หมื่นรายการก็ดูเหมือนเราเสนอเยอะดี” @WatcharaR1112 บอก “ทีมประเทศไทยเราก็แสบไม่ใช่เล่นเลย”

ใช้กลยุทธ์กะล่อน ทำให้อเมริกาตายใจสนิท

(https://x.com/WatcharaR1112/status/1951109648389644715 และ https://www.thaipbs.or.th/news/content/354924BR4WHM27eg)


 

ครบสัปดาห์เหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ฟังเสียงคนชายแดน บางคนยัง "กลับบ้านไม่ได้" บางคน "ไม่เหลือบ้านให้กลับอีกแล้ว"

https://www.facebook.com/watch/?v=2266308317140596


บีบีซีไทย - BBC Thai
8 hours ago
·
"อายุมากแล้วไม่เหมือนตอนเป็นหนุ่มเป็นสาว ตอนนี้ก็หมดแรงแล้ว ไม่มีแรงไปหาอะไรอีกหรอก ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจะช่วยยายแค่ไหน ก็รับแค่นั้นได้แหละ" เจ้าของบ้านที่ถูกโจมตีกล่าว

อ่านเพิ่มเติม https://bbc.in/4l2cXGd
https://www.bbc.com/thai/articles/cj9w01xrxy1o


“สิ่งแรกที่ถูกฆ่าตายในสงครามคือ ‘ความจริง’” ดังนั้นแล้ว ‘การค้นหาความจริง’ จึงต้องเป็นสิ่งที่มาคู่กันในยามเกิดสงคราม ชวนอ่าน 101 คุยกับ Truth Hounds องค์กรสืบสวนอาชญากรรมสงครามยูเครน


The101.world
18 hours ago
·
"เมื่อเกิดสงครามขึ้น คู่ขัดแย้งแต่ละฝั่งก็มักจะแสดงภาพลักษณ์ของตนให้ดูดีที่สุด พร้อมกับสร้างภาพให้ฝั่งตรงข้ามดูแย่ และขณะเดียวกันก็พยายามปกปิดการกระทำที่เป็นการละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนหรือหลักกฎหมายระหว่างประเทศของตัวเอง เพราะฉะนั้น ท่ามกลางสถานการณ์แบบนี้จึงจำเป็นต้องมีกลุ่มคนที่ทำหน้าที่ค้นหาความจริงอันแท้จริง (real truth) คอยเฝ้าจับตาสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด และสืบสาวขึ้นไปให้ได้ว่าใครเป็นผู้กระทำ เพื่อจะนำไปสู่การนำตัวผู้ก่ออาชญากรรมมารับผิดชอบ"
.
นับตั้งแต่ที่ยูเครนต้องเผชิญการรุกรานจากรัสเซียในวิกฤตไครเมียปี 2014 มาจนถึงสงครามใหญ่ในปี 2022 ที่ยังยืดเยื้อถึงปัจจุบัน ภาคประชาสังคมในยูเครนก็ได้รวมกลุ่มกันในชื่อ Truth Hounds ที่มีภารกิจสืบสวนอาชญากรรมสงคราม พร้อมสาวหาตัวอาชญากรผู้ก่อเหตุทำร้ายพลเรือน เพื่อเปิดโปงความจริงให้โลกรู้ รวมถึงใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือเพื่อคืนความเป็นธรรมแก่เหยื่อ และดำเนินคดีต่อผู้กระทำ
.
การทำงานของ Truth Hounds ภายใต้สงครามรัสเซีย-ยูเครนเป็นอย่างไร เจอความยากลำบากขนาดไหน และช่วยกู้ความจริง คืนความยุติธรรมได้มากน้อยเพียงใด ชวนอ่านบทสนทนากับ Oksana Pokalchuk ผู้อำนวยการร่วม (co-director) ของ Truth Hounds ได้ที่ https://www.the101.world/truth-hounds-interview/
.
เรื่อง: วงศ์พันธ์ อมรินทร์เทวา
ภาพประกอบ: ธีรพัฒน์ แก้วชำนาญ

https://www.facebook.com/photo/?fbid=1293656395462497&set=a.523964959098315

https://www.the101.world/truth-hounds-interview/



คนดีชอบแก้ไข คนอะไรนะ ชอบแก้ตัว


วิวาทะ V2
5 hours ago
·
"ระดับ 'คณะทำงานนายกรัฐมนตรี'"
- มิตรฯ

https://www.facebook.com/photo?fbid=1181632507325843&set=a.465768305578937


อ่านเอาเองน่ะครับว่า สื่อสารคลาดเคลื่อน หรือพลาดไปแล้วจึงรีบแก้ตัว


Somrit Luechai
12 hours ago
·
อ่านเอาเองน่ะครับว่า
สื่อสารคลาดเคลื่อน
หรือพลาดไปแล้วจึงรีบแก้ตัว



https://www.facebook.com/somrit.luechai/posts/10234726048151401



Health as a bridge for peace บทเรียนจากชายแดนใต้ถึงชายแดนกัมพูชา


Supat Hasuwannakit
15 hours ago
·
Health as a bridge for peace บทเรียนจากชายแดนใต้ถึงชายแดนกัมพูชา
การแพทย์คือสะพานสู่สันติภาพเป็นหลักการสำคัญที่ตรงกับจรรยาบรรณทางการแพทย์ แต่บ่อยครั้งในอารมณ์กระแสสูงแห่งความขัดแย้ง เราก็มักจะลืมไป
ในฐานะแพทย์ชายแดนใต้ที่เผชิญเหตุความขัดแย้งฝ่ายไทยกับ BRN มาตลอด เรายึดหลักอะไร เรายึดหลัก“การแพทย์ต้องอยู่เหนือความขัดแย้ง เป็นกลาง เราดูแลช่วยชีวิตคนทุกคนทุกฝ่ายทุกเชื้อชาติทุกความเชื่ออย่างเท่าเทียม ภายใต้หลักคิด การแพทย์คือสะพานแห่งสันติภาพ” โรงพยาบาลในจังหวัดชายแดนใต้ ยืนในหลักนี้มาตลอดกว่า 20 ปี
หากมีฝ่ายกองกำลังหรือสงสัยว่าใช่ฝ่ายตรงข้าม เราบุคลากรทางการแพทย์ก็จะไม่มีอคติต่อเขา ดูแลรักษาเขา ญาติเขา ลูกเมียเขา อย่างเต็มกำลัง หมู่บ้านนี้แม้ถูกฝ่ายความมั่นคงระบุว่า ส่วนใหญ่เป็นแนวร่วมหรือฝักใฝ่ฝ่ายตรงข้าม เราก็ยังจะดูแลเยี่ยมบ้านฉีดวัคซีนให้เขาเช่นเดียวกับที่อื่น เพราะงานการแพทย์ถือหลักมนุษยธรรมเป็นธงนำ
สำหรับความขัดแย้งชายแดนกัมพูชา แม้อารมณ์ชาตินิยมจะพุ่งสูง แต่การแพทย์ต้องยืนมั่นในหลักการและจรรยาบรรณ ดูแลทุกคนที่เจ็บป่วยอย่างเสมอกัน อันนี้สำคัญที่สุด ผมเชื่อว่า ทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลต่างก็ยึดหลักการนี้
การดูแลความเจ็บป่วยแก่คนชายแดนทุกชาติทุกเผ่าอย่างเต็มที่ จะเป็นการสะสมสร้างเกลียวสัมพันธ์ชายแดนของชาวบ้านสองฟากฝั่งให้ผูกพันกัน เป็นสายใยที่สนับสนุนสันติภาพในระยะยาว
กรณีนี้ ขอให้โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ยกเลิกเอกสารชิ้นนี้ ประกาศจุดยืนใหม่ที่เหมาะสม ทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ให้เข้มแข็งในหลักจรรยาบรรณ
Health as a bridge for peace คือหลักที่บุคลากรการแพทย์ทุกคนต้องยึดมั่น โดยเฉพาะตามแนวชายแดนทุกฝั่งทั่วไทย

https://www.facebook.com/photo/?fbid=24622982090659393&set=a.541417972575808


ข่าวโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ที่งดรับผู้ป่วยชาวกัมพูชาและยกเลิกบริการบางอย่างให้กับชาวกัมพูชาในช่วงวันที่ 31 ก.ค.–10 ส.ค. 68 บอกเราว่า สงครามไม่ได้ฆ่าแค่คน แต่มันฆ่าความเป็นมนุษย์​ของเราด้วย


Pavin Chachavalpongpun
15 hours ago
·
เห็นข่าวนี้แล้วค่ะ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ที่งดรับผู้ป่วยชาวกัมพูชาและยกเลิกบริการบางอย่างให้กับชาวกัมพูชาในช่วงวันที่ 31 ก.ค.–10 ส.ค. 68 เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา ดิชั้นขอวิเคราะห์ว่าเหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความพยายามของไทยในการสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกทางการทูตในหลายมิติอย่างไรค่ะ

....ผลกระทบต่อภาพลักษณ์ทางการทูตของไทย

1) บ่อนทำลายภาพลักษณ์ด้านมนุษยธรรม: ที่ผ่านมา ไทยพยายามนำเสนอตัวเองว่าเป็นประเทศที่มีบทบาทด้านมนุษยธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการดูแลผู้ลี้ภัย แรงงานข้ามชาติ และผู้ป่วยจากประเทศเพื่อนบ้าน (และบางครั้งก็ล้มเหลว เช่น การส่งอุยกูร์กลับจีน) การจำกัดการเข้าถึงบริการทางการแพทย์สำหรับชาวกัมพูชา ย่อมถูกตีความว่าเป็นการละทิ้งหลักการด้านมนุษยธรรมพื้นฐาน แม้จะเป็นการชั่วคราวและมีเหตุผลด้านความมั่นคงรองรับ สิ่งนี้ขัดแย้งกับท่าทีของไทยในเวทีโลกที่มักเรียกร้องให้มีการคุ้มครองพลเรือนและการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในสถานการณ์ความขัดแย้ง (ดังที่เห็นในแถลงการณ์ของเอกอัครราชทูตไทยประจำสหประชาชาติก่อนหน้านี้ในประเด็นอิสราเอล-ปาเลสไตน์) นี่ทำให้การทูตไทยขาด consistency

2) ส่งผลต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีกับกัมพูชา: การกระทำดังกล่าวอาจถูกมองว่าเป็นการตอบโต้หรือลงโทษพลเมืองกัมพูชาจากความตึงเครียดทางการเมือง ซึ่งจะยิ่งเพิ่มความตึงเครียดและทำให้ความสัมพันธ์ทวิภาคีแย่ลงไปอีก แทนที่จะช่วยบรรเทาความขัดแย้ง การที่โรงพยาบาลเป็นหน่วยงานที่ให้บริการสาธารณะ การประกาศเช่นนี้จึงมีน้ำหนักและอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการโฆษณาชวนเชื่อจากฝ่ายกัมพูชา เพื่อสร้างเรื่องเล่าว่าไทยปฏิบัติต่อพลเมืองของตนอย่างไม่เป็นธรรม

3) ทำลายความน่าเชื่อถือในการทูตสาธารณะ: ในขณะที่ไทยพยายามต่อสู้กับ "ข่าวปลอม" และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับความขัดแย้งชายแดน การประกาศของโรงพยาบาลเช่นนี้อาจถูกนำไปบิดเบือนหรือขยายผล ทำให้ความพยายามในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและน่าเชื่อถือของไทยลดลง ประชาคมโลกหรือสื่อต่างชาติอาจมองว่าไทยกำลัง "ผสมโรง" ใช้มาตรการที่ไม่ใช่การทหารมาตอบโต้ในสถานการณ์ความขัดแย้ง ซึ่งอาจไม่เป็นไปตามหลักการสากล

4) สร้างความกังวลจากองค์กรระหว่างประเทศ: องค์กรระหว่างประเทศด้านมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชนอาจแสดงความกังวลหรือออกแถลงการณ์ประณามการกระทำดังกล่าว ซึ่งจะยิ่งสร้างแรงกดดันและภาพเชิงลบต่อประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ และไม่เป็นผลดีต่อความพยายามของไทยในการต่อสู้กับกัมพูชาในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ

5) อาจขัดแย้งกับนโยบายรวมของประเทศ: แม้จะมีเหตุผลด้านความมั่นคง แต่การตัดสินใจในระดับหน่วยงานท้องถิ่นเช่นนี้ หากไม่ได้รับการสื่อสารและบริหารจัดการอย่างระมัดระวังจากรัฐบาลกลาง อาจดูเหมือนเป็นการตัดสินใจที่ไม่ได้เป็นไปตามนโยบายต่างประเทศแบบองค์รวม และอาจทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับทิศทางและหลักการของไทยในการบริหารจัดการความสัมพันธ์ชายแดน

...โดยสรุปแล้ว แม้โรงพยาบาลอาจมีเหตุผลด้านความปลอดภัยและความมั่นคงเฉพาะหน้า แต่การตัดสินใจงดให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชาในช่วงเวลาที่อ่อนไหวนี้ มีความเสี่ยงสูงที่จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อภาพลักษณ์ทางการทูตของประเทศไทย โดยเฉพาะในด้านมนุษยธรรมและความน่าเชื่อถือในเวทีระหว่างประเทศ ซึ่งอาจบั่นทอนความพยายามในการสร้างภาพบวกและลดทอนความชอบธรรมในการสื่อสารประเด็นความขัดแย้งชายแดนของไทย เราต้องชั่งน้ำหนักนะคะ ระหว่าง "ความสะใจ" กับ "ชัยชนะในเวทีโลกในระยะยาว" เราจะเลือกอะไร?
 
https://www.facebook.com/photo?fbid=9745879945513681&set=a.104469196321519
.....


Wings of Wisdom
22 hours ago
·
“ความเมตตากรุณา เป็นภาษาที่
แม้แต่คนหูหนวกก็ยังได้ยิน
แม้แต่คนตาบอดก็ยังแลเห็น”
“Kindness is the language
which the deaf can hear
and the blind can see.”
 
- Mark Twain


ทหารขาดแคลนยุทโธปกรณ์ ถึงขั้นต้องให้อินฟลูขอบริจาคเลยเหรอ ?!? ทหารประเทศไหนวะ ต้องรอเงินบริจาคซื้อรถลำเลียงกระสุน ต้องอาศัยบังเกอร์จอมพลัง


“ขิง”เอะใจ หลัง“นักบุญคนดัง”ขอรับบริจาค ซื้อรถกะบะ ขนกระสุน-เสบียง ฉะมันคือความลับทหาร | TOP DARA

Jul 30, 2025 

”ขิง ชุติกาญจน์“ MUT จ.สุราษฎร์ธานี 2025 ยันแค่ตั้งคำถามไม่ได้ตัดสินว่าผิดหรือถูก หลังรู้สึกเอะใจเห็นโพสต์ของ“นักบุญคนดัง”บอกว่าจะนำเงินไปซื้อรถกระบะเพื่อที่จะลำเลียงกระสุนและเสบียงไปให้กับทหาร ชี้กระสุนมันถือว่าเป็นอาวุธสงคราม ซึ่งจะเป็นยุทโธปกรณ์และก็เป็นกลยุทธ์ในการทำสงครามในการรบ เพราะฉะนั้นแล้วมันจะเป็นความลับของชาติ เป็นความลับของกองทัพเป็นเรื่องของภัยความมั่นคงของชาติ มันเป็นไปไม่ได้ที่ประชาชนหรือพลเรือนจะเป็นตัวกลางในลำเลียง ถ้าอาวุธขาดมันไม่ใช่หน้าที่ของกองทัพหรือกระทรวงกลาโหมหรอ ทำไมประชาชนต้องมาเร่กันบริจาคกลายเป็นสงครามการบริจาคด่วน การช่วยเหลือเป็นสิ่งสวยงามขอแค่ทำบนพื้นฐานของความถูกต้อง

https://www.youtube.com/watch?v=q9jrl61sp7U


Atukkit Sawangsuk
11 hours ago
·
ทหารไม่ได้ขาดแคลนยุทโธปกรณ์
ถึงขั้นต้องให้อินฟลูขอบริจาค
ทหารประเทศไหนวะ ต้องรอเงินบริจาคซื้อรถลำเลียงกระสุน ต้องอาศัยบังเกอร์จอมพลัง
ขืนรอแบบนั้นก็รบแพ้
แต่ที่ทหารไฟเขียว ให้ท้าย
ก็เพื่อมัดยอดเอนเกจเมนท์ ทบคะแนนนิยมเข้าไปอีกชั้น
ให้ผู้บริจาคได้เนื้อนาบุญ ได้มีส่วนร่วม ได้มีอารมณ์ร่วม ปลาบปลื้ม ตื้นตัน ห่วงใย ฮึกเหิม ไปกับทหาร ผนึกพลังทหารนิยมให้แน่นเหนียว
มันเป็นปฏิบัติการจิตวิทยาที่ต่างฝ่ายต่างได้



‘#ขิงชุติกาญจน์ ’ ชวนสังคมตั้งคำถาม “การขอบริจาคของ #กันจอมพลัง ”


ตุ๊ดส์review
17 hours ago
·
#ขิงชุติกาญจน์ ’ ชวนสังคมตั้งคำถาม “การขอบริจาคของ #กันจอมพลัง

1) จากสถานการณ์ความไม่สงบ #ชายแดนไทยกัมพูชา ต้องชี้แจงว่า จริงๆกองทัพมีความตั้งใจปกป้องอธิปไตยอย่างเต็มที่ และก็ต้องยอมรับว่า "ความคลุมเครือของปัญหางบประมาณประเทศที่เป็นของกองทัพ" ควรถูกตั้งคำถามไปพร้อมกัน เราสามารถใช้สมองคิดวิเคราะห์ ไปพร้อมกับการให้กำลังใจการทำงานของทหารได้ โดยไม่จำเป็นต้องถอดสมองทิ้ง และตั้งคำถามได้ทุกเรื่องที่เราสงสัยในฐานะประชาชน มีความเห็นแตกต่างบนความสามัคคี ไม่ใช่ความแตกแยกครับ

2) อย่างแรก ต้องบอกก่อนว่า ค่อนข้างเข้าใจความรักชาติบ้านเมือง และอินในสถานการณ์สงครามของคุณกัน จอมพลัง ที่มีความตั้งใจดีจะช่วยเหลือกองทัพ มีเจตนาดีแน่นอน ถึงลงไปทำสิ่งต่างๆที่ยิ่งใหญ่ แต่การประกาศขอบริจาคสิ่งต่างๆช่วยทหารหลายๆครั้ง ทำให้เราต้องตั้งข้อสงสัยหลายข้อมากเลยครับ

3) ตามที่คุณขิงระบุไว้ คือ ปกติแล้ว ยุทโธปรณ์ และสิ่งจำเป็นทุกอย่างในกองทัพ คือ ข้อมูลความลับ ความมั่นคงของชาติ ที่รักษาไว้เป็นการภายในกองทัพ ไม่ใช่สิ่งที่ประชาชนเข้าถึงเพื่อจัดซื้อจัดหา หรือรู้ Specification ได้ว่าทหารใช้อะไรในการรบบ้าง ดังนั้น ตรงนี้ การที่ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วม หรือแทรกแซงกิจการทหาร จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ เพราะไม่ใช่หน้าที่เรา ในฐานะประชาชน แต่เป็นหน้าที่ของทหารโดยตรง ที่จะจัดสรรงับประมาณ และจัดซื้อจัดหาของจำเป็นทุกชนิดเพื่อให้ทหารใช้ในการรบ ด้วยความพร้อมที่สุด

4) ดังนั้น จึงมองว่าอาจจะไม่เหมาะสมที่พลเรือนเข้าไปอยู่ในจุดที่ทหารรบ และคอยจัดหาสิ่งจำเป็นใดๆให้ทหาร แม้กระทั่งอาหาร ก็ควรอยู่ในงบประมาณเสบียงรบ ที่พร้อมใช้อยู่แล้ว การเรี่ยรายทั้งจากเอกชนภายนอก และจากรัฐบาลประกาศบริจาค จึงเป็นเรื่องที่สะท้อนความอ่อนแอของประเทศ

5) ในมุมมองของความล่าช้าในการเบิกจ่ายช่วยเหลือ และสนับสนุนทหารในพื้นที่ ก็ยิ่งสะท้อนระบบรัฐราชการที่ซับซ้อน อุ้ยอ้าย และไม่คล่องตัว ซึ่งมันก็เป็นทั้งความอ่อนแอของกองทัพ ในความไม่พร้อมต่อการทำงานเพื่อปกป้องประเทศ และเป็นภาพลักษณ์ของกองทัพที่ออกไปยังทั่วโลก ว่าเรายังรับบริจาคจากประชาชน เพื่อแก้ปัญหาความล่าช้าของระบบกองทัพ ตรงนี้จึงควรแก้ไขให้ลดระยะเวลาการรอคอยสิ่งเบิกจ่าย เพื่อไปถึงมือทหารให้เร็วที่สุด

6) เป็นความจริงที่ว่างบประมาณของกระทรวงกลาโหม สูงถึงประมาณ 200,000 ล้านบาท เป็นอันดับที่ 4 ของประเทศ และสูงกว่ากระทรวงสาธารณสุข ประเด็นของเรื่องนี้คือ เราสนใจว่า ในเมื่องบประมาณน่าจะพอเพียง ทำไมยังต้องมีเอกชน influencers และรัฐบาลแจ้งการขอรับบริจาค ตรงนี้ "กองทัพไทย" ควรชี้แจงนะครับ เป็นภาพลักษณ์ของกองทัพโดยตรง และสร้างความเข้าใจต่อสังคม ไปจนถึงแสดงออกถึงความโปร่งใสเรื่องงบประมาณด้วยครับ ว่าติดขัดตรงไหน จึงได้มี action แบบนี้ ที่ต้องมีทหารในพื้นที่รบคอยกระซิบคนนอกว่าอยากได้อะไรบ้าง

7) หลายคนอาจจะยังมองเรื่องนี้ไม่เข้าใจว่า "ฉันเต็มใจบริจาค" "อยากช่วยเหลือทหารไทย" "เป็นการส่งกำลังใจที่ดี" ไม่เห็นจะมีปัญหา แต่จริงๆคุณแค่แยกแยะไม่ออกระหว่าง ความเต็มใจ กับ การไม่รู้จักบทบาทหน้าที่ เราเต็มใจนั่นเรื่องของเราครับ แต่การทำให้ถูกต้องตั้งแต่แรก คือหน้าที่รัฐ ดังนั้น ความช่วยเหลืออะไรก็ตามที่เกินจำเป็น มันต้องถูกตั้งคำถามจากสังคม จึงจะเกิดการแก้ไขที่ดี

8 ) ลองคิดตามง่ายๆว่า ถ้าคุณบอกว่าคุณเต็มใจ ฉันอยากบริจาค แต่นี่มันเป็น "ช่องว่าง" ให้เกิดการฉวยโอกาสหาผลประโยชน์กับประชาชนได้ ตามที่คุณขิงตั้งคำถาม คือ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าทุกบาทของเราไปถึงปลายทาง 100% และเรามั่นใจเหรอว่าเงินที่บริจาคไป ได้ช่วยทหารจริงๆ ถ้าเราปล่อยให้สถานการณ์การบริจาคเป็นเรื่องปกติ เท่ากับเรายอมรับความล้มเหลวของการบริหารของรัฐ ไปพร้อมๆกับยอมรับการแทรกตัวจากมิจฉาชีพในอนาคต ที่อาจจะเป็นมือที่ 3 4 5 มารับเงินของประชาชนไป ตรงนี้ต้องให้สมองตรองให้มากขึ้น ถึงความถูกต้องในสิ่งที่สมควรเป็น

9) ประเทศใดก็ตาม ที่ขับเคลื่อนการกุศลในทุกปัญหาของประเทศ มันไม่ใช่เรื่องดี การทำบุญที่เป็นสิ่งที่ดี ไม่ได้หมายความว่า ประเทศชาติควรขับเคลื่อนด้วยเงินบริจาค แต่มันควรมาจากเงินภาษีเป็นหลัก ดังนั้น "การกุศล คือ ภาพสะท้อนความล้มเหลวในความรับผิดชอบของรัฐ" คุณต้องเชื่อก่อนว่า เงินภาษีที่นำมาใช้จัดสรรเป็นงบประมาณประเทศ คือด่านแรกของการใช้เงินของรัฐ ที่ควรพอเพียงต่อการทำงานทุกกิจกรรม โดยไม่หวังพึ่งพาการบริจาคนอกระบบ นี่คือรัฐที่มี smart budget and resource allocation แล้วครับ

10) อย่าให้ความใจดี หรือความรักชาติของคุณ เป็นเครื่องมือในการหากินของใครก็ได้ แต่ให้เราพิจารณาด้วยว่า สิ่งที่ถูกต้องควรเป็นอย่างไร เพื่อขับเคลื่อนให้รัฐบาลทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีพอ และกองทัพควรทำงานได้ราบรื่น ด้วยงบประมาณที่มีอยู่ ส่วนคุณกัน จอมพลัง แม้หวังดีอย่างยิ่งต่อกองทัพ ก็อาจจะต้องยุติบทบาทที่ควรเป็นของกองทัพไทยหรือไม่? เพราะไม่ใช่หน้าที่ประชาชนเรี่ยรายกันเองเพื่อมาช่วยรัฐบาลที่มีงบกลาโหมมหาศาลขนาดนี้ครับ

(และคุณกัน ไม่ต้องเสียใจไปนะ ที่พยายามทำดี ทุกคนเห็นความตั้งใจ และเจตนาดีเสมอ แต่การตั้งคำถามของสังคม ก็เกิดขึ้นเพราะความหวังดี และอยากให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างถูกต้องเช่นกันครับ)

ถ้าเราเอาการบริจาคเป็นทางออกของทุกปัญหาในประเทศ รัฐบาลไทยบริหารงานล้มเหลวมากๆนะครับ น้ำท่วม แผ่นดินไหว ไฟไหม้ การรบ ... เราต้องมองให้ออกครับว่า "ความใจบุญ" ของคนไทย กำลังถูกรัฐเอาเปรียบเราอยู่เสมอมา ฝากไว้ให้คิดครับ

https://www.facebook.com/photo?fbid=1319940156363612&set=a.808136554210644



Suwagee Klampaiboon
23 hours ago
·
.. "เป็น 9 นาทีที่คุ้มมากๆ"..
บทสัมภาษณ์ในคลิปนี้ เปิดหูเปิดตาและเพิ่มทัศนวิสัยในการมองเห็นถึงปัญหาระบบในกองทัพ และปัญหาเชิงโครงสร้างในมุมมองใหม่ของประเทศนี้ได้ชัดเจนมากขึ้น
พวกเราแม่jjj อยู่ในแผ่นดินที่สังคมและผู้คนบูชาความดีย์จนคลั่ง เมื่อมีผู้ใดสงสัยและลุกขึ้นมาตั้งคำถามเกี่ยวกับความดีย์นั้นๆ บรรดาสาวกซอมบี้ผู้คลั่งความดีย์ แห่งลัทธิบูชาตัวบุคคลจะตัดสินและพร้อมรุมประนามผู้นั้นทันที
สิ่งนี้คือช่องทางให้เหล่าคนดีย์จอมปลอมที่สร้างภาพสร้างกระแสและตัวตนในสังคม เป็นบันไดสู่ฐานะทางสังคม ผลประโยชน์และอำนาจ ดังที่เห็นเป็นข่าวคนดีย์จอมหลวงโลกที่อวดความร่ำรวย บ้างทยอยเดินเข้าสู่สนามการเมือง หรือ หลายคนที่ต้องเข้าคุก
นี่คือ ปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนาประเทศที่ยากจะแก้ ตราบใดที่ผู้ยังคลั่งความดีย์แบบขาดสติ
เราขอชื่นชมความกล้าของน้อง ที่กล้าตั้งคำถามสวนกระแส และการแสดงออกอย่างมีวุฒิภาวะ มีหลักการและความรู้เพื่อส่งต่อแง่คิดและมุมมองให้ผู้คนในสังคม
Cr. : Bright TV
https://youtu.be/q9jrl61sp7U?si=lIhNtffbuYu0Rxz4

https://www.facebook.com/watch/?v=1092776065521547


บีบีซีไทยกับนักวิชาการด้านภูมิรัฐศาสตร์ เปิดประเด็นความสำคัญของยุทธศาสตร์ทางทะเลไทยที่เชื่อมโยงมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญ ที่มหาอำนาจแย่งชิงสูงสูดแห่งหนึ่งของโลก แต่ละปี 80% ของน้ำมันที่ต้องขนส่งทางทะเล และปริมาณสินค้าเกือบพันล้านตัน จะต้องใช้บริการเส้นทางนี้



จากดีลลับสู่ปะทะเดือดไทย-กัมพูชา: เปิดประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ความมั่นคงไทยในมหาสมุทรอินเดีย

ปณิศา เอมโอชา
ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทย
31 กรกฎาคม 2025

ย้อนกลับไปช่วงต้นเดือน ก.ค. การเจรจาภาษีการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ที่ไม่คืบหน้า ได้ทำให้สื่อไทยหลายสำนักเริ่มเผยแพร่ประเด็นข่าวออกมาว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ "เงื่อนไข" หรือ "ข้อต่อรอง" อาจไม่ได้อยู่แค่เรื่องเศรษฐกิจเท่านั้น

หลายฝ่ายอ้างว่าอาจมีประเด็นทางการเมือง อาทิ กรณีรัฐบาลไทยส่งชาวอุยกูร์คืนให้กับจีน คดีความที่เกี่ยวข้องกับนักวิชาการชาวอเมริกันอย่าง นายพอล แชมเบอร์ส รวมถึงประเด็นความมั่นคงที่เกี่ยวข้องกับภูมิรัฐศาสตร์

ต่อมาตัวแทนจากฝั่งกองทัพรวมไปถึงรักษาการนายกรัฐมนตรีได้ออกมาปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่าไม่เคยมี "ดีลด้านความมั่นคง" เกิดขึ้นในการเจรจาปรับลดภาษีการค้า ทว่าเรื่องนี้กลับกลายเป็นประเด็นที่สังคมทั้งตั้งคำถามและจับตามองอย่างใกล้ชิดว่า มีความเป็นไปได้แค่ไหนที่สหรัฐฯ จะหันมาให้ความสนใจกับการกลับมาตั้งฐานประจำการทางทหารในภาคพื้นอินโด-แปซิฟิก โดยเฉพาะชายฝั่งทะเลอันดามันของไทย

ต่อมาเมื่อวันที่ 26 ก.ค. ความรุนแรงชายแดนไทย-กัมพูชา ปะทุขึ้นอย่างหนักจนลามมาถึงพื้นที่จังหวัดตราด ส่งผลให้กองทัพเรือภาคที่ 1 ต้องส่งหมวดเรือเฉพาะกิจ 4 ลำ ประจำการเกาะกูด พร้อมยิงสนับสนุนภายใต้ "ยุทธการตราดพิฆาตไพรี 1"

ล่าสุดนายฮาวเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยในการให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (30 ก.ค.) ว่า สหรัฐฯ ได้บรรลุข้อตกลงทางการค้าเกี่ยวกับภาษีนำเข้าจากไทยแล้ว หลังจากเหลือเวลากำหนดเส้นตายในวันที่ 1 ส.ค. เพียงหนึ่งวัน และการบรรลุข้อตกลงนี้มีขึ้นภายหลังจากการเรียกร้องของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ให้ไทยและกัมพูชายุติการสู้รบที่ดุเดือดตลอดแนวชายแดนที่กำลังมีข้อพิพาทกันจนนำมาสู่การตกลงหยุดยิงของทั้งสองฝ่ายในเวลาต่อมา โดยมีมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ย

ด้านายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงผ่านเอกสารข่าวในวันนี้ว่า ขณะนี้ ไทยยังไม่ได้รับการแจ้งผลภาษีการค้าจากสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ โดยคาดว่าจะได้รับแจ้งภายใน 24 ชั่วโมง และยืนยันทีมเจรจาไทยทำงานเต็มที่ เสนอเงื่อนไขและข้อแลกเปลี่ยนที่ไทยสามารถยอมรับได้ โดยพยายามรักษาผลประโยชน์ของประเทศไว้ให้มากที่สุด

บีบีซีไทยพูดคุยกับนักวิชาการด้านภูมิรัฐศาสตร์เพื่อเปิดประเด็นความสำคัญของยุทธศาสตร์ทางทะเลไทยที่เชื่อมโยงมหาสมุทรอินเดีย ผลประโยชน์ที่มหาอำนาจกำลังจับตา และจุดยืนที่ไทยต้องรักษาและไม่อาจมองข้าม

ประเด็นดีลฐานทัพสหรัฐฯ ในไทยมีจุดเริ่มต้นมาอย่างไร ?

"อย่างบางทีเขามาขอบางอย่าง ซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวกับเศรษฐกิจเลย มันไปเกี่ยวกับความมั่นคง เราก็ต้องว่า เห้ย! ขออย่างนี้ นำสงครามมาบ้านเรา เราก็ไม่เอา" ทักษิณ ชินวัตร กล่าว เมื่อวันที่ 9 ก.ค. ที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 8 ก.ค. การเจรจาการค้าเพื่อปรับลดอัตราภาษีนำเข้า (tariff) สินค้าไทยไปยังสหรัฐฯ ไม่คืบหน้า ทั้งยังมีข้อมูลว่าจะโดนอัตราภาษีสูงเท่าเดิมถึง 36%

ในวันถัดมา อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ขึ้นแสดงวิสัยทัศน์พร้อมกับสนทนากับบรรณาธิการ 3 คน ของเครือเนชั่นในประเด็นผ่าทางตันประเทศไทย

ในช่วงท้าย ๆ ของการสนทนา เขาได้กล่าวถึงการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ โดยตรงทักษิณกล่าวว่า "อย่างบางทีเขามาขอบางอย่าง ซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวกับเศรษฐกิจเลย มันไปเกี่ยวกับความมั่นคง เราก็ต้องว่า เห้ย! ขออย่างนี้ นำสงครามมาบ้านเรา เราก็ไม่เอา ('เช่น ๆ ขอใช้ฐานทัพ') ผมกลัวจะเป็นยูเครนนะไม่เอา"

เมื่อพูดประโยคนี้จบ พิธีกรคนหนึ่งยังถามขึ้นมาว่า "เคยได้ยินมาไหมว่ามีคำขอมาใช้ฐานทัพอู่ตะเภา" ซึ่งทักษิณตอบกลับว่า "ผมไม่ขอพูดในรายละเอียด แต่ว่าเราต้องดูทุกมิติ"

หลังจากนั้นสื่อไทยหลายสำนักต่างก็ตีข่าวเรื่องดีลที่สหรัฐฯ ขอใช้ฐานทัพเรือทับละมุ ที่จังหวัดพังงา จนเป็นข่าวดังและมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง

กระทั่งในวันที่ 15 ก.ค. ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ออกมาปฏิเสธว่า รายงานข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีการเจรจาหรือยื่นขอเสนอในลักษณะดังกล่าว

อย่างไรก็ดี หนึ่งวันก่อนหน้านั้น เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามเรื่องความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ ขอใช้ฐานทัพเรือทับละมุ จังหวัดพังงา เพื่อเป็นยุทธศาสตร์ถ่วงดุลอำนาจกับจีน นายภูมิธรรมตอบกลับว่า ฝั่งกองทัพยังไม่ได้ชี้แจงในรายละเอียด แต่ "อยู่ในแผนงานของกองทัพเรืออยู่แล้ว ไม่มีอะไร"

แม้ว่าฝ่ายรัฐของไทยจะออกมาปฏิเสธรายงานดังกล่าว แต่หลายฝ่ายต่างสนใจความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากอดีตจนถึงปัจจุบันโดยเฉพาะด้านความมั่นคงทางทะเลในมหาสมุทรอินเดียที่เริ่มชาติมหาอำนาจต่างพยายามเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น

วิเคราะห์ปัญหา 3 ประการ จากกรณีสหรัฐฯ ตั้งฐานทัพในต่างแดน




บีบีซีไทยได้สนทนากับ ฐิตา แสงหลี ผู้ร่วมวิจัย สังกัดโครงประเทศไทยศึกษา แห่งสถาบันเอเชียอาคเนย์ศึกษา ยูซุฟ อิสฮัค (ISEAS-Yusof Ishak Institute) ประเทศสิงคโปร์ เพื่อวิเคราะห์ฉากทัศน์ต่าง ๆ ของภูมิรัฐศาสตร์ทางทะเล รวมถึงอนาคตของไทย

"การตั้งฐานทัพ ไม่ว่าอีกฝั่งจะเป็นมิตรกับเราขนาดไหน หรือมีกลยุทธ์ตรงกันขนาดไหน มันก็จะมีปัญหาอยู่ดี" ฐิตา เริ่มต้นอธิบาย

เธอกล่าวว่า ปัญหาประการแรกที่จะเกิดขึ้นคือการสูญเสียอธิปไตย (sovereignty) "ไม่มากก็น้อย" พร้อมยกตัวอย่างกรณีที่สหรัฐฯ เข้าไปตั้งฐานทัพในจังหวัดโอกินาวาของญี่ปุ่น บนข้อตกลงที่จำกัดสิทธิของทางการญี่ปุ่นให้ไม่สามารถเข้าไปมีสิทธิมีเสียงได้

เมื่อสืบค้นเพิ่มเติม บีบีซีไทยพบว่า ภายใต้ข้อตกลงสถานะของกองกำลัง หรือ (Status of Forces Agreement - SOFA) นับจนถึงปัจจุบันนี้ ทางการญี่ปุ่นไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบหรือปฏิบัติการใด ๆ ในฐานทัพของสหรัฐฯ ได้อย่างอิสระโดยปราศจากคำอนุญาตจากกองทัพสหรัฐฯ ก่อน


ภาพถ่ายดาวเทียมในปี 2025 ของบริษัทแม็กซาร์ (Maxar) ซึ่งแสดงให้เห็นภาพมุมสูงที่ชัดเจนของฐานทัพอากาศคาเดนา (Kadena Air Base) บนเกาะโอกินาวา ภาพนี้เผยให้เห็นเครือข่ายรันเวย์ทั้งหมด โรงเก็บเครื่องบิน และพื้นที่เมืองใกล้เคียง

อีกทั้งเมื่อทหารต่างชาติกระทำความผิด จะไม่อยู่ภายใต้กฎหมายของประเทศเจ้าบ้าน ในกรณีของญี่ปุ่น ผู้กระทำความผิดที่อยู่ภายใต้กฎหมายของสหรัฐฯ จะถูกส่งมอบให้กับทางการญี่ปุ่นก็ต่อเมื่อได้รับการพิสูจน์ว่ามีความผิดแล้วเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม หลังจากเหตุการณ์ที่ทหารสหรัฐฯ 3 นาย ก่อเหตุข่มขืนเด็กหญิงชาวโอกินาวาวัย 12 ปีในปี 1995 ทั้งสองประเทศจึงได้ตกลงว่าในกรณีที่เป็น "อาชญากรรมร้ายแรง" เช่น การข่มขืน ผู้ต้องสงสัยจะถูกส่งตัวให้ทางการญี่ปุ่นควบคุมตัวโดยตรงตั้งแต่ต้น


ผู้ชุมนุมฝ่ายตรงข้าม (คนที่สองจากขวา) เผชิญหน้ากับกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านฐานทัพสหรัฐฯ (ไม่ปรากฏในภาพ) ระหว่างการเดินขบวนในกรุงโตเกียว เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปีที่สหรัฐฯ คืนเกาะโอกินาวาให้กับญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2022

กระแสต่อต้านการตั้งฐานทัพและการทวงคืนอธิปไตยบนเกาะโอกินาวาเกิดขึ้นเรื่อยมา โดยในช่วงทศวรรษล่าสุด บีบีซีไทยพบว่ามีตัวอย่างเหตุการต่อต้านการตั้งฐานทัพหรือการขยายฐานทัพ อาทิ ในปี 2019 ชาวโอกินาวาลงเสียงประชามติกว่า 70% คัดค้านการก่อสร้างฐานทัพใหม่บริเวณชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ ทว่ารัฐบาลกลางในขณะนั้นซึ่งนำโดยชินโซ อาเบะ เลือกเดินหน้าต่อ

ต่อมาในปี 2022 ในงานครบรอบการคืนเกาะโอกินาวาจากการครอบครองของสหรัฐฯ มีรายงานการประท้วงทวงคืนอธิปไตยในญี่ปุ่นเช่นกัน

ตามข้อมูลจากจังหวัดโอกินาวา ปัจจุบันมีฐานทัพสหรัฐฯ ทั้งหมด 31 แห่งบนเกาะแห่งนี้ ซึ่งหมายความว่าพื้นที่ถึง 70.6% ของที่ดินในญี่ปุ่นที่ใช้เฉพาะสำหรับฐานทัพทหารสหรัฐฯ กระจุกตัวอยู่ในจังหวัดโอกินาวาเพียงจังหวัดเดียว



สำหรับปัญหาประการที่สอง ฐิตาอธิบายว่าเป็นเรื่องการเมืองภายในประเทศ ซึ่งแต่ละฝ่ายสามารถนำความเคลื่อนไหวทางทหารครั้งนี้มาใช้เป็นเกมหรือข้ออ้างทางการเมืองได้

"การมาตั้งฐานทัพเป็นเรื่องที่คนไทยอ่อนไหวมาก ๆ ไม่เห็นว่าพรรคการเมืองไหนจะกล้า เพราะมันเป็นการฆ่าตัวตาย และดูไม่มีประโยชน์" ฐิตาเสริม

ขณะที่ประการสุดท้าย นักวิจัยหญิงกล่าวว่าคือเรื่องเศรษฐกิจ เธอเสริมว่าตอนที่มีกระแสข่าวเรื่องการเข้าขอเข้ามาตั้งฐานทัพที่จังหวัดพังงา อาจมีผู้คนส่วนหนึ่งมองว่ากองทัพฯ ย่อมมาพร้อมกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เนื่องจากจำนวนทหารที่จะเข้ามาประจำการ

อย่างไรก็ดี ฐิตา เตือนว่า เวลามีข้อตกลงจนเกิดการมาตั้งฐานทัพจริงก็อาจกระตุ้นเศรษฐกิจได้แทบจะทันที ทว่า "สมมติ[ฐานทัพ]ออกไป เขาหายไปเลย มันเป็นเรื่องของความมั่นคง มาเร็วไปเร็ว"

มหาสมุทรอินเดีย: "พื้นที่[มหาอำนาจ]แข่งขันแย่งชิงสูงสูดแห่งหนึ่งของโลก"

ภาคใต้ฝั่งทะเลอันดามันของไทยนั้นติดอยู่กับมหาสมุทรอินเดียซึ่งตามงานศึกษาจากสถาบันคาร์เนกีเพื่อสันติภาพระหว่างประเทศ ซึ่งเผยแพร่เมื่อปี 2023 พบว่ามหาสมุทรอินเดียมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดกับเศรษฐกิจและการค้าโลก

แต่ละปี 80% ของน้ำมันที่ต้องขนส่งทางทะเล (maritime oil) และปริมาณสินค้าเกือบพันล้านตัน จะต้องใช้บริการเส้นทางนี้

ฐิตาเล่าว่าพื้นที่บริเวณนี้เป็น "พื้นที่ที่มีการแข่งขันสูงที่สุดพื้นที่หนึ่งของโลก ทุกฝ่ายมากันหมด อินเดียก็อยู่ จีน รัสเซียก็มา มหาอำนาจฝั่งยุโรป อย่างอังกฤษก็ส่งเรือมาลาดตระเวน ฝรั่งเศสก็เพิ่งพูดว่าจะกลับมา"

เธอเสริมว่า สำหรับสหรัฐฯ ชาติมหาอำนาจแห่งนี้ก็มีการขยายอำนาจทางทะเล (Maritime Force Projection) ในพื้นที่มหาสมุทรอินเดียเช่นเดียวกัน

ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ทั้งสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ เพิ่งลงนามกับมอริเชียสเพื่อจะใช้ฐานทัพบนเกาะดิเอโก การ์เซีย (Diego Gracia) ซึ่งตั้งอยู่กลางมหาสมุทรอินเดียไปอีกอย่างน้อย 99 ปี และปัจจุบันนี่เป็นฐานทัพแห่งเดียวของสหรัฐฯ ในมหาสมุทรอินเดีย

ฐิตาเสริมว่า สหรัฐฯ เองก็พยายามเพิ่มพันธมิตร ทั้งที่เห็นได้จากกรณีของฟิลิปปินส์และสิงคโปร์ ทว่าเธอย้ำว่านั่นเป็นเพียงความร่วมมือการเข้าใจฐานทัพแบบหมุนเวียน ไม่ใช่การตั้งฐานทัพถาวร


พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ (ซ้าย) จับมือกับ กิลเบิร์ต เตโอโดโร รัฐมนตรีกลาโหมฟิลิปปินส์ (ขวา) ระหว่างการเยือนค่ายอากินัลโด เมืองเกซอน กรุงมะนิลา เมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา โดยมุ่งเน้นการเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคง และหารือเกี่ยวกับข้อกังวลในทะเลจีนใต้

สำหรับฟิลิปปินส์ บีบีซีไทยพบว่ามีข้อตกลงการขยายความร่วมมือด้านการทหาร (Enhanced Defense Cooperation agreement-EDCA) กับสหรัฐฯ ซึ่งมีการลงนามไปตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งอนุญาตให้สหรัฐฯ เข้ามาลงทุนและใช้ฐานทัพ 5 แห่งของฟิลิปปินส์แบบหมุนเวียน ก่อนที่ในภายหลังจะเพิ่มเป็น 9 แห่ง

สำหรับสิงคโปร์ ทั้งสองประเทศมีการลงนามที่บังคับใช้ถึงปี 2035 ให้สหรัฐฯ สามารถแวะจอดเรือเพื่อซ่อมบำรุง เติมเสบียงหรือเชื้อเพลิง และเป็นฮับของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้

"ชัดเจนว่าจะล้อมจีน ส่วนจีนที่เข้ามามีบทบาทบริเวณนี้ก็เพราะต้องการรักษาผลประโยชน์ในการส่งน้ำมัน เพราะตรงนี้เป็นเส้นทางหลักถึง 80-90%" ฐิตา เสริม

เมื่อหันมามองที่ฝั่งจีน ฐิตาอธิบายว่าหลายคนเองเข้าใจผิดว่าจีนมีฐานทัพหลายแห่งในมหาสมุทรอินเดีย แต่ที่จริงแล้วคือมีที่เดียวที่ประเทศจิบูตี ในทวีปแอฟริกา ส่วนสถานที่อื่น ๆ นั้นส่วนมากเป็นเพียงท่าเรือเชิงพาณิชย์ที่ "จีนตั้งใจทำไว้ให้ใช้ประโยชน์ได้สองประเภท [เชิงพาณิชย์และการทหาร]"

"จีนต่างกับอเมริกาตรงที่อเมริกาคือจะเอาทหารเข้ามาเลย แต่ว่าจีนจะเหมือนกับให้เงินไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แล้วพอถึงเวลาจีนก็จะมาแบบ 'ฉันให้เงินเธอนะ ขอใช้หน่อย'" ซึ่งเธอมองว่าเป็นกลยุทธ์ที่ "ฉลาด" ไม่น้อย เพราะเปิดช่องให้จีนปัดความรับผิดชอบได้


อิสมาอิล โอมาร์ เกลเลห์ ประธานาธิบดีจิบูตีพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2019

บีบีซีไทยพบว่า จีนเข้าไปลงทุนสร้างท่าเรือเหล่านี้ทั้งในประเทศอย่างปากีสถาน ศรีลังกา บังกลาเทศ ซูดาน เปรู รวมไปถึงในอาเซียนอย่างเมียนมาและกัมพูชาด้วย

นอกจากนี้ ศ.กิตติคุณ ดร.สุรชาติ บำรุงสุข ยังได้ให้สัมภาษณ์ประเด็นการขยายบทบาทของจีนในมหาสมุทรอินเดียไว้ในรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ระบุว่า ในมุมการวิเคราะห์ก็มีเหตุผลที่สหรัฐฯ จะยื่นดีลความมั่นคงให้กับไทยเพื่อเพิ่มบทบาทของตนเองให้มากขึ้นในมหาสมุทรอินเดียแห่งนี้

การวิเคราะห์ของ ศ.กิตติคุณ ดร.สุรชาติ ในรายการดังกล่าว สอดคล้องกับสิ่งที่ ฐิตา อธิบายก่อนหน้าเรื่องการใช้ประโยชน์ของท่าเรือเชิงพาณิชย์ตามประเทศต่าง ๆ ที่จีนเข้าไปลงทุนไว้เพื่อรักษาผลประโยชน์เรื่องพลังงานหากเกิดข้อพิพาทหรือสงครามขึ้น จนไปกระทบกับการเปิด/ปิดช่องแคบมะละกา ซึ่งตั้งอยู่บริเวณแหลมมลายู และเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อมหาสมุทรอินเดียและทะเลจีนใต้ไปสู่มหาสมุทรแปซิฟิก

"วันนี้ถ้าถามว่าจีนอยากได้ที่ไหนเป็นฐานทัพนอกจากจิบูตี ผมคิดว่าคำตอบ คือศรีลังกา ปากีสถาน และพม่า เนื่องจาก สามจุดเหล่านี้เป็นท่าเรือพาณิชย์ ยังไม่ถูกยกระดับ"

อย่างไรก็ดี ศ.กิตติคุณ ดร.สุรชาติ ชี้ว่า ไทยเข้ามาอยู่ในสมการที่มหาอำนาจเข้ามาจับตามากขึ้น เพราะแผนที่ของการวิเคราะห์บางฉบับ "เขาระบายสีพื้นที่ประเทศไทยว่าเป็นที่ที่จีนคาดหวังว่าจะใช้เป็นฐานทัพในอนาคต" และเพราะเหตุนั้น "พังงา จึงกลายเป็นสาวงามของอันดามัน ของมหาสมุทรอินเดีย"

ไทยควรวางตำแหน่ง-เล่นบทอะไรในสถานการณ์นี้ ?



แม้กระแสข่าวเรื่องการเข้ามาใช้ไทยเป็นฐานทัพของสหรัฐฯ เพื่อคานอำนาจกับจีนอาจไม่เกิดขึ้นจริงในเวลาอันใกล้นี้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ากองทัพเรือของไทยหรือผู้กำหนดนโยบายระดับประเทศไม่ควรเตรียมแผนอะไรไว้เช่นเดียวกัน ตามทัศนะของนักวิชาการจากสถาบันเอเชียอาคเนย์ศึกษา ยูซุฟ อิสฮัค

ฐิตา สรุปว่าคงหวังให้ไทยเข้ามามีบทบาทอะไรในสมรภูมิภูมิรัฐศาสตร์ทางทะเลนี้ไม่ได้มาก และทางเลือกของไทยตอนนี้คือ "เอาตัวให้รอดโดยที่ไม่ต้องเลือกข้าง แม้ตัวเลือกจะค่อย ๆ บีบไทยลงมามากขึ้นก็ตาม"

เธอมองว่า หากส่วนหนึ่งของข้อตกลงกับสหรัฐฯ มีการร้องขอมาเรื่องการเปิดให้ฝั่งกองทัพสหรัฐฯ สามารถแวะเข้ามาเติมน้ำมันหรือเติมเสบียง "ก็ดูว่าถ้าไม่เสียหายเกินไปก็ทำได้ น่าจะพอรับได้" โดยเพิ่มเงื่อนไขว่าประเทศอื่น ๆ เองก็อาจทำได้เช่นเดียวกันในฐานะพันธมิตร

ขณะเดียวกัน เธอเสนอให้มีการเพิ่มความสัมพันธ์หรือความร่วมมือแบบทวิภาคีกับประเทศอื่น ๆ ในมหาสมุทรอินเดีย อาทิ ความร่วมมือกับอินเดีย หรืออาจจะไปร่วมมือกับจีนมากขึ้น

"ต้องไม่ลืมว่านอกเหนือจากการเอาตัวรอดทางรัฐศาสตร์กับมหาอำนาจ ไทยเองยังต้องหาหนทางรักษาผลประโยชน์เชิงเศรษฐกิจของพื้นที่ทางทะเลแห่งนี้ไว้ด้วย" เธอกล่าวเสริม

มุมมองของเธอสอดคล้องกับ ศ.ดร.แซคคารี เอ็ม. อาบูซา จากวิทยาลัยสงครามแห่งชาติ (National War College) กรุงวอชิงตัน ดีซี สหรัฐอเมริกา ที่กล่าวกับบีบีซีไทยไว้ว่า เมื่อปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา คลี่คลายได้แล้ว "เราต้องเตรียมใจรับมือกับความจริงที่ว่า ยังมีข้อพิพาททางทะเลซึ่งอาจซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม"



เขาเสริมว่า กองทัพเรือไทยมีขนาดเล็กและจากมุมมองของสหรัฐฯ "ถือว่าเป็นเหล่าทัพที่มีท่าทีใกล้ชิดจีนมากที่สุดในประเทศไทย" เมื่อพิจารณาจากกรณีเรือรบที่ไทยสั่งซื้อจากจีน รวมถึงความเป็นไปได้ของคำสั่งซื้อเรือดำน้ำด้วย

"แต่คนไทยโดยทั่วไปกลับไม่ได้ให้ความสำคัญกับข้อพิพาททางทะเลมากนัก ทั้งที่พื้นที่เศรษฐกิจจำเพาะ (EEZ) ของไทยก็ยังมีข้อพิพาทอยู่" ศ.ดร.อาบูซา กล่าว

เขาเสริมว่าเรื่องนี้มีความสำคัญ เพราะเกี่ยวข้องกับประเด็นทรัพยากรประมง และความเป็นไปได้ในการขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่ง

ตามข้อมูลในปี 2023 จากสถาบันคาร์เนกีเพื่อสันติภาพระหว่างประเทศ ไทยรั้งอันดับที่ 5 ประเทศที่มีปริมาณการค้า (นำเข้า/ส่งออก) มากที่สุดในภูมิภาคนี้ ด้วยตัวเลขสูงทะลุ 4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 12.8 ล้านล้านบาท) ตามหลังอินเดีย สิงคโปร์ มาเลเซีย และออสเตรเลีย ตามลำดับ

ฐิตาเสริมว่า สิ่งหนึ่งที่เธออยากนำเสนอมากที่สุดคือการสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของบทบาททั้งทางความมั่นคงและทางการค้าในมหาสมุทรให้มากขึ้นกับประชาชนทั่วไป

"ไทยควรต้องสนใจ เพราะว่ารอบบ้านเขาสนใจกันมากเรื่องนี้ รวมถึงเพื่อนอาเซียน" เธอเสริม

เธอยกตัวอย่างว่า สำหรับมุมมองของนักวิจัยเอง กรณีเรือดำน้ำที่ตกเป็นประเด็นถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักนั้น ในมุมมองของเธอก็มองว่าจำเป็นต้องมี เพียงแต่เสนอว่าฝั่งกองทัพควรสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนมากกว่านี้ ทั้งเรื่องยุทธศาสตร์ของกองทัพเรือเอง รวมถึงความโปร่งใสของการใช่งบประมาณด้วย

ท้ายที่สุด เธอย้ำว่าการพัฒนาความรู้ความเข้าใจของประชาชนต่อความเสี่ยงที่เกิดขึ้นทั้งสองฝั่งของทะเลไทยมีความสำคัญอย่างยิ่ง และยังต้องทำให้ได้ดีกว่าที่เป็นอยู่

https://www.bbc.com/thai/articles/ce3ndjd74ljo



ปั่นอีกแล้ว สมเด็จฯ ฮุน เซน เผยภายใน 3 เดือน ประเทศไทยจะมีนายกฯ คนใหม่


Thanapol Eawsakul
15 hours ago
·
เหมือนจะรอด แต่ไม่รอด
ชะตากรรม แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย
..............
วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เกิด 2 เหตุการณ์พร้อมกัน
ประมาณ ตี 3 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าให้ปรับ ครม.
โดยให้แพทองธารไปควบ รมว.วัฒนธรรม อีกตำแหน่ง
เหมือนจะเตรียมตัวสำหรับการยุติปฏิบ้ติหน้าที่ ชั่วคราว
โปรดเกล้าฯ ปรับ ครม. “แพทองธาร” ควบ รมว.วัฒนธรรม - “ภูมิธรรม” มท.1
https://mgronline.com/politics/detail/9680000061711
ช่วงบ่ายวันเดียวกัน
ศาลรัฐธรรมนูญ 9 คนประกอบด้วย
1. นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านรัฐศาสตร์
2.ปัญญา อุดชาชน ผู้ทรงคุณวุฒิจากราชการ
3.อุดม สิทธิวิรัชธรรม ผู้พิพากษาศาลฎีกา
4.วิรุฬห์ แสงเทียน ผู้พิพากษาศาลฎีกา
5.จิรนิติ หะวานนท์ ผู้พิพากษาศาลฎีกา
6.นภดล เทพพิทักษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิจากราชการ
7. บรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด
8.อุดม รัฐอมฤต ผู้ทรงคุณวุฒิด้านนิติศาสตร์
9. สุเมธ รอยกุลเจริญ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด
มีมติ 9 ต่อ 0 มีมติรับคำร้อง ของสว.สีน้ำเงิน ถอดถอน แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
และมี มติ 7 ต่อ 2 ให้นายกรัฐมนตรียุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว
ประกอบด้วย
1.ปัญญา อุดชาชน ผู้ทรงคุณวุฒิจากราชการ
2.วิรุฬห์ แสงเทียน ผู้พิพากษาศาลฎีกา
3.จิรนิติ หะวานนท์ ผู้พิพากษาศาลฎีกา
4.นภดล เทพพิทักษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิจากราชการ
5.บรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด
6.อุดม รัฐอมฤต ผู้ทรงคุณวุฒิด้านนิติศาสตร์
7.สุเมธ รอยกุลเจริญ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด
ส่วนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย จำนวน 2 คน คือ
1.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านรัฐศาสตร์
2.อุดม สิทธิวิรัชธรรม ผู้พิพากษาศาลฎีกา


แม้เห็นว่า คำร้องยังไม่ยุติชัดเจนให้ปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ถูกร้องมีกรณีตามที่ถูกร้อง แต่เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างร้ายแรงที่ยากแก่การแก้ไขเยียวยาในภายหลัง ให้ใช้มาตรการหรือวิธีการชั่วคราวก่อนห้ามมิให้แพทองธาร ใช้อำนาจหน้าที่ด้านความมั่นคง ด้านการต่างประเทศ และด้านการคลัง จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย
หลังจากนั้นศาลรัฐธรรมนูญให้เวลา 15 วันในการทำคำชี้แจง เมื่อครบวันที่ 15 กรกฎาคม 2568
ทางแพทองธารได้ขอขยายเวลาอีก 15 วันซึ่งศาลก็ได้อนุมัติ
“แพทองธาร” ยื่นขอขยายเวลาส่งคำชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญ 15 วัน อ้างเหตุเตรียมเอกสารไม่ทัน
https://www.infoquest.co.th/2025/512703
จนถึงวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 เมื่อแพทองธารขอขยายเวลาส่งคำชี้แจงอีกครั้ง ศาลรัฐธรรมนูญมีด้วยมติ 5 ต่อ 4 อนุญาต
เสียงข้างมาก 5 เสียง
1.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านรัฐศาสตร์
2.อุดม สิทธิวิรัชธรรม ผู้พิพากษาศาลฎีกา
3.นภดล เทพพิทักษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิจากราชการ
4.อุดม รัฐอมฤต ผู้ทรงคุณวุฒิด้านนิติศาสตร์
5. สุเมธ รอยกุลเจริญ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด
เสียงข้างนอย 4 เสีย
1.ปัญญา อุดชาชน ผู้ทรงคุณวุฒิจากราชการ
2.วิรุฬห์ แสงเทียน ผู้พิพากษาศาลฎีกา
3.จิรนิติ หะวานนท์ ผู้พิพากษาศาลฎีกา
4.บรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด
แต่ ศาลรัฐธรรมนูญกลับกำหนดวันส่งเป็นวันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม 2568
ซึ่งก็เกือบจะเท่ากับไม่อนุญาติให้ขยายเวลานั่นแหละ
หลังจากนั้นก็คงนัดวันอ่านคำพิพากษา
ซึ่งคาดว่าไม่เป็นวันพุธที่ 20 หรือ 27 สิงหาคม 2568
ซึ่งสำหรับผมก็ไม่น่าเกินความคาดหมายจะมีมติ 9 ต่อ 0 ให้
แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย พ้นจากตำแหน่ง
ซึ่งได้เคยพูดไว้แล้ว เมื่อ 5 กรกฎาคม
ว่าเป็น 2 เดือนที่เสียเปล่า
2 เดือนที่เสียเปล่า กับนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร
https://www.facebook.com/thanapol.eawsakul/posts/pfbid021F399zHSHL3zjoMHZyfSCbLKBqgSUQjKQHN8bPzrGF6tuv4qD1XcfKDS8jiREC55l
ซึ่งคนที่พูดก่อนหน้าผมก็คือฮุนเซน เมื่อ 24 มิถุนายน 2568 แล้ว
ว่าประเทศไทยต้องเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
สมเด็จฯ ฮุน เซน ปั่นอีกแล้ว เผยภายใน 3 เดือน ประเทศไทยจะมีนายกฯ คนใหม่
https://www.ch7.com/newstars/detail/810836

https://www.facebook.com/thanapol.eawsakul/posts/24424717017168474


รอยเตอร์เขียนข่าวเบื้องหลังการเจรจาหยุดยิงของไทยและกัมพูชา ซึ่งอาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่มากนักแต่ก็พอจะเห็นภาพอยู่บ้าง สรุปก็คือมาเลเซียกับจีนเสนอมาเป็นตัวกลางแต่เราไม่เอา แต่พอสหรัฐโทรมา(ขู่เรื่องTariff) เราก็ยอมเลย


Thanapol Eawsakul
3 hours ago
·
เบื้องหลังการเจรจา หยุดยิง ระหว่างไทย -กัมพูชา
ที่เราไม่อาจหาได้จาก สื่อมวลชน หรือนักวิเคราะห์ไทยโดยทั่วไป
แต่มาจาก การวิเคราะห์ ข่าวของรอยเตอร์

จากการสรุปโดยคุณอนาลโย กอสกุล
https://www.facebook.com/share/p/1AyBZSBR8y/

Analayo Korsakul
4 hours ago
·
รอยเตอร์เขียนข่าวเบื้องหลังการเจรจาหยุดยิงของไทยและกัมพูชา ซึ่งอาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่มากนักแต่ก็พอจะเห็นภาพอยู่บ้าง ผมสรุปมาคร่าวๆเขียนเต็มหมดไม่ได้เพราะเดี๋ยวจะละเมิดลิขสิทธิ์ของเขานะครับ
1.ทรัมป์เริ่มโทรหาไทยในวันที่สองของการรบ ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ประธานอาเซียนคือมาเลเซียและจีนติดต่อมาแต่ไทยไม่ตอบสนองต่อข้อเสนอที่จะให้ทั้งสองเป็นคนกลาง โดยไทยแจ้งว่าต้องการการเจรจาทวิภาคีเท่านั้น ไม่ยินดีให้คนกลางเข้ามาเจรจา
2. พอทรัมป์โทรมารัฐมนตรีต่างประเทศของทั้งไทยและกัมพูชาก็เริ่มคุยกัน โดยไทยตั้งเงื่อนไขว่า การเจรจาจะต้องเกิดขึ้นระหว่างนายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศในประเทศที่เป็นกลางเท่านั้น โดยไทยต้องการให้ไปคุยกันที่มาเลเซียเพื่อให้ปัญหานี้เป็นปัญหาเฉพาะภูมิภาคเท่านั้น
3. ส่วนเจ้าหน้าที่ทางการทูตของไทยคนที่สองก็เปิดเผยว่า ไทยต้องการแสดงให้เห็นเจตนาที่ดีเพื่อสันติจึงตัดสินใจรับข้อเสนอ
4. ส่วนกัมพูชากล่าวว่ากัมพูชายอมรับข้อเสนอของประธานอาเซียน ที่จะมาเป็นตัวกลาง แต่ไทยไม่ยินยอม โดยกัมพูชาก็เปิดโอกาสให้ทางจีนเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาสันติภาพเช่นกันเนื่องจากมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และเจ้าหน้าที่ของกัมพูชาบอกว่าตลอดเวลานั้นกัมพูชากับจีนคุยกันอยู่ตลอด
5. หลังจากทรัมป์ ประกาศข้อตกลงหยุดยิงก็ประกาศว่าจะกลับมาเจรจาการค้า แต่แหล่งข่าวของไทยก็ไม่ได้แจ้งว่าสุดท้ายแล้ว การเจรจาภาษีได้รับผลกระทบจากการปะทะหรือข้อตกลงหยุดยิงหรือไม่
————
สรุปก็คือมาเลเซียกับจีนเสนอมาเป็นตัวกลางแต่เราไม่เอา แต่พอสหรัฐโทรมาเราก็ยอมเลย แต่ก็ตั้งเงื่อนไขว่าจะไปคุยที่มาเลเซียเท่านั้นและสหรัฐฯและจีนไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเจรจา
ส่วนกัมพูชายอมตั้งแต่มาเลเซียเสนอมาแล้ว แล้วก็มีบอกอีกว่าคุยกับจีนอยู่ตลอดอันนี้น่าสนใจว่าคุยอะไรกัน
มันแสดงให้เห็นว่าทรัมป์จังหวะในการใช้อำนาจเพื่อทำให้เกิดดีล อันนี้ต้องยอมรับจริงๆว่าทรัมป์เก่งเรื่องแบบนี้
#ชายแดนไทยกัมพูชา

https://www.facebook.com/thanapol.eawsakul/posts/24428819103424932



ปรากฏการณ์อินฟลูเอนเซอร์บุกชายแดนทำคอนเทนต์ จนเกิดการตั้งคำถามจากสังคมถึงความเหมาะสม ทำไมกองทัพถึงปล่อยให้คนบางคนไปอยู่ตรงนั้น มันเป็นโรงละครการเมืองหรอ


The Politics ข่าวบ้าน การเมือง
11 hours ago
·
ทำไมกองทัพถึงปล่อยให้คนบางคนไปอยู่ตรงนั้น หาของให้กองทัพ เรี่ยไรเงินให้กองทัพ เล่นบทบาทในการสร้างบังเกอร์ให้กองทัพ แล้วได้รับคำชมโน่นนี่นั่น มันเป็นโรงละครการเมืองหรอ นี่มันเป็นเรื่องที่ซีเรียสมากนะ
.
ศ.ดร.ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ กล่าวถึง ปรากฏการณ์อินฟลูเอนเซอร์บุกชายแดนทำคอนเทนต์ จนเกิดการตั้งคำถามจากสังคมถึงความเหมาะสม ในรายการ The Politics เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
#ThePolitics






https://x.com/MatichonTV/status/1950572092409393266