
ไปให้พ้นจาก ‘ปัญหาจุกจิกรายวัน’ | ปราปต์ บุนปาน
13.06.2025
มติชนออนไลน์
ของดีมีอยู่ | ปราปต์ บุนปาน
ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ เชียร์หรือไม่เชียร์ เห็นด้วยหรือเห็นต่างกับรัฐบาลชุดปัจจุบัน ก็รู้สึกอดเหนื่อยแทนนายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” ไม่ได้
เพราะสภาพการณ์ที่รัฐบาลเผชิญ ณ ตอนนี้ ไม่ใช่แค่ขับเคลื่อน “ผลงานดีเด่นชิ้นโบแดง” ไม่สำเร็จ และทำได้เพียงปฏิบัติงานรูทีนไปวันๆ เสมือน “รัฐบาลของปลัดประเทศ”
แต่ไปๆ มาๆ สถานการณ์กลับหนักหนาสาหัสยิ่งกว่านั้น
ในรูปการที่รัฐบาลต้องปวดเศียรเวียนเกล้ากับ “ปัญหาใหม่ๆ” เป็นรายวัน รายสัปดาห์ เลยด้วยซ้ำ
ปัญหาตรงแนวชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ก็ดูเหมือนรัฐบาลเพิ่งจะตั้งหลักได้บ้าง แบบที่หลายคนมองว่าทางพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำรัฐบาลพลเรือน โดนกองทัพแย่งชิงคะแนนและเครดิตในสายตาประชาชนไปมากพอสมควร
มิหนำซ้ำ นี่ยังเป็น “จุดเปราะบาง” ที่สามารถลากจูง “รัฐบาลแพทองธาร-เพื่อไทย” ให้ล่วงถลำเข้าสู่สภาวะเพลี่ยงพล้ำได้ตลอด
ไม่ว่าผู้ฉวยใช้ประโยชน์จากจุดเปราะดังกล่าวจะเป็นใครก็ตาม รัฐบาลประเทศเพื่อนบ้านข้างเคียง หรือกลุ่มการเมืองภายในประเทศที่เป็นคู่ขัดแย้งกับพรรคเพื่อไทย-ตระกูลชินวัตรมายาวนาน
สําหรับปัญหาการเมืองภายในประเทศ
ปัญหาในส่วนที่ทางเพื่อไทยเป็นคู่ขัดแย้งหลักเอง ก็ยังสับสนชุลมุนกันอยู่ ชนิดประมาทไม่ได้
ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการ “นิติสงคราม” ต่างๆ ที่ยังรุกไล่ใส่คนในตระกูลชินวัตรไม่หยุดหย่อน
หรือดุลอำนาจที่ไม่ (มีวัน) ลงตัว ระหว่างเพื่อไทยกับพรรคอันดับสองในรัฐบาลอย่างภูมิใจไทย
มองเห็นได้ชัดเจนจากความไม่ราบรื่นลงรอยกันในประเด็นข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งฝ่ายเพื่อไทยแสดงเจตจำนงแรงกล้าว่าอยากได้กระทรวงมหาดไทย ขณะที่ “อนุทิน ชาญวีรกูล” มท.1 คนปัจจุบัน ก็ไม่มีวี่แววจะยอมปล่อยมือง่ายๆ แถมเงื่อนไขเจรจาแลกกระทรวงก็ยังไม่เคลียร์และไม่เรียบร้อย
ล่าสุด ยังเกิดปัญหาที่พรรคเพื่อไทยและนายกฯ แพทองธาร อาจไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง แต่ก็มีส่วนต้องพัวพันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นคือปัญหาความวุ่นวายในพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรครวมไทยสร้างชาติ
แม้สิ่งที่ปรากฏในเนื้อข่าวว่าด้วยเรื่องรวมไทยสร้างชาติ จะเป็นประเด็นความขัดแย้งระหว่าง “สุชาติ ชมกลิ่น” และคณะ กับกลุ่มหัวหน้า-เลขาธิการพรรค “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” และ “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์”
แต่นั่นก็เป็นความขัดแย้งอันกระทบกระเทือนต่อเสถียรภาพของรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ กระทบกระเทือนต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ว่าในขณะที่ประเทศชาติกำลังรายล้อมด้วยนานาสารพัดปัญหา บรรดานักการเมือง-ผู้มีอำนาจทางการเมือง กลับแย่งชิงตำแหน่ง-เล่นเก้าอี้ดนตรีกันอย่างไม่แคร์ประชาชนและสังคม
พึงตั้งคำถามว่า “ปัญหารายวัน-รูทีน” ที่รัฐบาลต้องเจออยู่ทุกเมื่อเชื่อวันอย่างหนักหน่วงขึ้นตามลำดับ นั้นคือ “ปัญหาจุกจิกเฉพาะด้าน-เฉพาะส่วน” ที่เกิดขึ้นพร้อมกันโดยบังเอิญและมิได้นัดหมาย หรือแท้จริงแล้ว ทั้งหมดคือ “อาการป่วยไข้” ของปัญหาพื้นฐานที่ใหญ่กว่านั้น
กรณีรัฐบาลวางตัวไม่ถูก เมื่อเกิดความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนทหารกลับแสดงจุดยืนชาตินิยมได้ชัดเจนกว่า กระมิดกระเมี้ยนน้อยกว่า และรู้ช่องทางเจรจาดีกว่า กระทั่งมีผู้คิดอุตริเรียกร้องให้กองทัพทำรัฐประหารล้มล้างรัฐบาล
ส่วนหนึ่ง ปัญหานี้อาจเกิดจากความอ่อนแอของนักการเมือง-พรรคการเมือง ที่ถือครองอำนาจในรัฐบาล
อีกด้านหนึ่ง ปัญหาก็อาจเกิดจากการล้ำเส้นบางอย่างไปบ้างของกองทัพ
ทว่า การที่มีคนในสังคมเชื่อมั่นกองทัพมากกว่านักการเมือง แล้วออกมาแสดงความเห็นเรียกร้องรัฐประหารนั้น ย่อมเป็น “อาการป่วย” จากโครงสร้างการเมืองที่อ่อนแอ และวัฒนธรรมประชาธิปไตยที่ไม่แข็งแรง อย่างไม่ต้องสงสัย
กรณีพรรคร่วมรัฐบาลที่แปรสภาพมาจากพรรคสืบทอดอำนาจคณะรัฐประหาร และมีเชื้อมูลจากม็อบ กปปส. ผสมผสานอยู่ด้วย เกิดความขัดแย้งกันเองภายใน จนสร้างผลสะเทือนต่อ “รัฐบาลข้ามขั้ว” ก็อุบัติขึ้นจากโครงสร้างการเมืองที่อ่อนแอ วัฒนธรรมประชาธิปไตยที่ไม่แข็งแรง และรัฐธรรมนูญที่บิดเบือนเจตจำนงประชาชน ไม่ต่างกัน
ถ้าไม่แก้ไข-สะสางปัญหาโครงสร้างทางการเมืองเหล่านี้ รัฐบาลเลือกตั้ง ไม่ว่าจะนำโดยพรรคการเมืองใด หรือนายกรัฐมนตรีคนไหน ก็ย่อมตกอยู่ในสภาพคลอนแคลน และขับเคลื่อนงานไม่สำเร็จ เหมือนๆ กัน
ไหนๆ การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ก็ดูเป็นเรื่องลำบากยากเข็ญมากๆ จนแทบเป็นไปไม่ได้แล้ว
“รัฐบาลเพื่อไทย-แพทองธาร” จะลองหันมาแก้ไขปัญหาการเมืองอย่างยั่งยืน ด้วยการเริ่มต้นกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดูไหม?
https://www.matichon.co.th/weekly/featured/article_846142