วันจันทร์, เมษายน 07, 2568

สถานทูตจีนนี่เขากร่างกับประชาชนมณฑลไท้กั๋วเสียจริง แจ้งอย่างทางการเป็นภาษาไทยว่า ให้เชื่อข้อมูลที่ออกมาจากสถานทูตเท่านั้น

แหม่ง สถานทูตจีนนี่เขากร่างกับประชาชนมณฑลไท้กั๋วเสียจริง จากโพสต์ที่ Pravit Rojanaphruk บอก เขา “แจ้งเตือนอย่างเป็นทางการ” ว่าถ้าเห็นข่าวอะไรเกี่ยวกับจีน ถ้าไม่ตรงกับที่สถานทูตแจ้งไว้ ถือเป็นข่าวเท็จทั้งนั้น

อันเนื่องมาแต่ถ้อยแถลงเป็นภาษาไทยของสถานทูตจีนเมื่อวาน (๖ เมษา) ที่ว่า “ช่วงนี้มีข่าวลือปรากฏในสื่อออนไลน์ ซึ่งไม่สอดคล้องกับข้อความในถ้อยแถลงของสถานเอกอัครราชทูต” จึง “แนะนำคนไทยว่า” ข้อมูลใดไม่ตรงเนื้อหาของจีน “ถือเป็นข่าวเท็จ”

บก.ข่าวสด อิงลิช ว่านั่นเป็น “โลกทัศน์ของการพยายามควบคุม และผูกขาดความจริงไว้ในกำมือแต่ผู้เดียว” และ “สรุปคือความจริงต้องมาจากสถานทูตจีนเท่านั้น” ละหรือ “นี่ถ้ารัฐบาลจีนบล็อคโซเชี่ยลมีเดียตะวันตกในไทยได้” คงทำไปแล้ว

Atukkit Sawangsuk นักวิเคราะห์ข่าวระดับ ไอคอน อีกคนเห็นพ้อง “แม่ง ตึกถล่ม ก่อสร้างเทา เหล็กเส้นเทา ขยะมลพิษเต็มประเทศ แทนที่จะขอโทษ สถานทูตจีนกลับข่มขู่คนไทยเป็นลูกไล่” นี่เขาพ่วงพิงจากข่าว

“มาเลย์ ชวนสิงคโปร์ อินโด บรูไน ฟิลิปปินส์ จับเข่าคุย มาตรการต่อรองกับทรัมป์ร่วมกัน ทำไมไม่ชวนไทย ทั้งที่ทักษิณเป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียน” ก็สันนิษฐานว่า ๕ ชาตินี้ “อยู่ในความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดอเมริกา หรือเว้นห่างจากจีนมากกว่าไทย”

โดยเฉพาะข้อบาดหมางระหว่างฟิลิปปินส์กับจีน เรื่องจีนลุกล้ำน่านน้ำแถวหมู่เกาะสแปร๊ทลี่ย์ “เขาอาจคิดว่าถ้าพ่วงไทยไปด้วย จะทำให้ต่อรองยาก” และ “นี่จะทำให้เราเสียเปรียบมาก หากต้องเจรจาเดี่ยวๆ”

ว่ากันตามจริงปัญหาจีนกร่าง มันมีมาแต่สมัย ไอทู้บที่เดี๋ยวนี้เป็น องคฯ ของกษัตริย์รัชกาลปัจจุบัน ดูจากที่ Nattharavut Kunishe Muangsuk เค้าเล่าไว้เรื่อง “ทุนจีนกินรวบ ทางสะดวกในยุคเผด็จการ เพราะกลไกการตรวจสอบถูกทำลายจนง่อยเปลี้ย”

คือหลังรัฐประหาร ๒๕๕๗ คสช.ส่งคนเข้าไปคุมองค์กรอิสระ หน่วยงานตรวจสอบทุจริตภาครัฐ ไว้หมด ทั้ง ป.ป.ท.-ป.ป.ช.-ส.ต.ง. แล้วก็เปิดรับทุนจีนเข้ามาในไทยกันฉ่ำ “ถ้าจำชื่อ ตู้ห่าว ผู้บริจาคเงินให้พรรคที่หนุนประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯ”

มีการผ่อนปรนนโยบายกับจีน “ให้สิทธิ์พิเศษกับนักลงทุนจีน” China Railway No.10 Engineering Group ลูกบุญธรรมของ CREC ในไทยก็เกิดตอนนั้น “บริษัทเหล็กจีนก็ล้วนมีนายทหารระดับนายพลเข้าไปนั่งที่ปรึกษา อิ่มหมีพีมันไปถ้วนทั่ว”

ประเด็นที่ผู้สื่อข่าวอิสระบ่นอยู่ที่ เด็กของนายใหญ่ “การเอาเรื่องรัฐประหารมาข่มขู่ จึงน่าโกรธเคืองพอๆ กับการชื่นชมผู้นำรัฐประหารว่าเป็นสุดยอดผู้นำ มันช่างบิดเบี้ยวและน่าสมเพช” พอๆ กับ องคฯ คนนั้น

(https://www.facebook.com/nattharavutm/posts/Qa57KkXpX9, https://www.facebook.com/baitongpost/posts/YFLThEgDX และ https://www.facebook.com/pravit.rojanaphruk.5/posts/XPzGbsXZKL)