วันอังคาร, ตุลาคม 15, 2567

ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เตือนนายกระวังโดนละเว้นปฏิบัติหน้าที่ เหตุไม่นำตัว 'พล.อ.พิศาล' กลับมาดำเนินคดี ปล่อยคดีตากใบหมดอายุความ หยุดอ้างเป็นเรื่องส่วนบุคคล


ปริญญา เตือน นายกฯอิ๊งค์ เสี่ยงโดนละเว้นหน้าที่ หากไม่ตาม"พิศาล" กลับ | เข้มข่าวค่ำ | 14 ต.ค. 67
14 ตุลาคม 2567
ประชาไท

ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เตือนนายกระวังโดนละเว้นปฏิบัติหน้าที่ เหตุไม่นำตัว 'พล.อ.พิศาล' กลับมาดำเนินคดี ปล่อยคดีตากใบหมดอายุความ หยุดอ้างเป็นเรื่องส่วนบุคคล - รองเลขาธิการนายก คาดประชุมพรรคเพื่อไทยพรุ่งนี้ (15 ต.ค.) จะมีแนวทางดำเนินการกับ พล.อ.พิศาล คดีตากใบ ย้ำทุกคนก็ต้องเคารพ

14 ต.ค. 2567 นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยต่อสื่อมวลชนกล่าวถึงการดำเนินงานของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ต่อกรณี พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย หลังศาลจังหวัดนราธิวาส ออกหมายจับในคดีสลายการชุมนุมที่ตากใบ ใกล้จะหมดอายุความ ว่าเหตุการณ์ที่ตากใบเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้น เช่นเดียวกับเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2519 และพฤษภาคม 35 เป็นการเสียชีวิตของประชาชนจากการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่รัฐ จึงไม่ควรเกิดอีก เพราะที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีเจ้าหน้าที่รัฐคนไหนถูกลงโทษแต่ประการใด

เหตุการณ์ตากใบก็ทำนองเดียวกัน เมื่อเกิดเหตุขึ้นแล้วไม่มีการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐได้ แม้มีการให้เงินเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บสาหัส แต่ความยุติธรรมของผู้เสียหายทั้ง 85 ชีวิต ที่ทวงถามมา 20 ปี เรื่องนี้รัฐบาลจะต้องแสดงออกอะไรบางอย่าง เพราะหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของรัฐบาล จึงต้องกำชับเรื่องนี้ เพราะเหลือเวลาอีกประมาณ 10 วันเท่านั้น และรัฐบาลดำเนินการเรื่องนี้ได้ตามความคาดหมายของประชาชนหรือไม่

สิ่งสำคัญคือเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของ พล.อ.พิศาล โดยในส่วนการขึ้นศาลอาจจะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่หน้าที่ของรัฐบาลซึ่งมีอำนาจในการสั่งการสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้นไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของใคร เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนทำให้มีผู้เสียชีวิตนั้น รถคันแรกซึ่งขนมวลชนมาก็เห็นแล้วว่ามีผู้เสียชีวิตเกิดขึ้น แต่จนกระทั่งคันสุดท้ายในการขนมวลชนกลับไม่มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก แต่กลับไม่สามารถดำเนินคดีเอาผิดผู้กระทำได้

“ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ มีนายกรัฐมนตรีนั่งเป็นผู้บัญชา พึงกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการออกหมายแดง ประสานงานกับตำรวจประเทศอื่น ใน 10 วันนี้ถ้าหากรัฐบาลไม่ทำอะไรออกมาตามที่ควรจะเป็นตามความคาดหวังของประชาชน หลังวันที่ 25 ต.ค.นี้ จะเป็นเรื่องที่กระทบกับรัฐบาลได้ เพราะปล่อยให้อายุความขาดไปโดยไม่ทำอะไร จะจับตัวได้หรือไม่ เอามาขึ้นศาลได้หรือเปล่าเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่รัฐบาลต้องแสดงออกว่าได้กระทำเต็มที่แล้ว หาไม่แล้วเรื่องนี้จะถูกมองทันที และจะนำไปโยงกับกรณีของนายทักษิณ ชินวัตร ด้วยว่ามีเจตนาในการช่วยเหลือลูกน้อง หรือช่วยเพื่อนหรือไม่ ดังนั้น ควรแสดงออกว่ารัฐบาลได้ดำเนินการในสิ่งที่ควรกระทำแล้ว” นายปริญญา กล่าว

เมื่อถามว่า นายสมคิด เชื้อคง ระบุว่าการกระทำของ พล.อ.พิศาล เป็นความผิดส่วนตัว มองเรื่องนี้อย่างไร นายปริญญา กล่าวว่า เรื่องการตั้งข้อหาและต้องขึ้นศาลนั้นเป็นเรื่องส่วนตัว แต่เนื่องจาก พล.อ.พิศาล เป็น สส.บัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย จึงไม่ใช่เรื่องส่วนตัวเท่านั้น ทางพรรคควรมีการตอบคำถามว่าจะมีท่าทีต่อเรื่องนี้อย่างไร โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยเป็นพรรครัฐบาลและอยู่ในช่วงของการสร้างผลงาน หลายเรื่องก็เห็นผลงานขึ้นมา ขณะนี้คะแนนนิยมของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ก็ดีขึ้น ถ้าเรื่องนี้ไม่แสดงออกอย่างตรงไปตรงมาจะถูกมองทันทีว่าเป็นการช่วยผู้ต้องหา ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีของรัฐบาล จริงๆ ระยะเวลาที่เหลืออยู่ 10 วันนั้นเป็นเรื่องยากที่จะได้ตัวมาขึ้นศาล แต่สิ่งที่คนรอดูมากกว่าคือท่าทีของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย

เมื่อถามว่าในวันที่ 15 ต.ค. พรรคเพื่อไทยจะมีการประชุมเพื่อขับ พล.อ.พิศาล ออกจากพรรค ถือเป็นการรับผิดชอบที่เพียงพอหรือเป็นแค่การเขวี้ยงงูให้พ้นคอหรือไม่ นายปริญญา กล่าวว่า คงต้องรอดูท่าทีว่าพรรคเพื่อไทยจะมีมติอย่างไร ถ้าพูดอย่างไม่อ้อมค้อม พล.อ.พิศาล คงยากที่จะกลับมาทำงานทางการเมืองแล้ว เพราะถ้าลาหยุดการทำหน้าที่ของ สส. จากกรณีถูกคดีสั่งฟ้อง เหมือนว่าท่านตั้งใจที่จะหลบออกไปก่อน เพื่อรอให้คดีความหมดอายุ การกลับมาอีกครั้งหลังจากนี้จะถูกตั้งคำถามว่าเป็น สส. แล้วทำไมถึงไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งศาลมีหมายเรียกก็ไม่มา จนกระทั่งออกหมายจับเพื่อให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อให้มีการต่อสู้คดี แต่กลับเลือกที่จะหนี ดังนั้น เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่พรรคจะต้องพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร

เมื่อถามว่าในทางกฎหมายพอจะมีทางที่จะยืดอายุความออกไปได้อีกหรือไม่ นายปริญญา กล่าวว่า กฎหมายอาญาของไทยคดีที่ทำให้มีคนเสียชีวิตจะมีอายุความ 20 ปี และจะขาดอายุความเมื่อ 1.ไม่ได้มีการฟ้องต่อศาลแต่ตรงนี้ก็ทำแล้ว ศาลรับฟ้องแล้ว 2.การเอาตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยขึ้นศาล ซึ่งส่วนนี้ทำให้มีการหลบออกไปให้พ้น วันที่ 25 ต.ค. 2567 เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2547 ครบ 20 ปี ทำให้ในทางกฎหมายอาญา เท่ากับขาดอายุความ

ขอย้ำว่าเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องทางกฎหมาย แต่เป็นคำถามใหญ่ๆ ว่าจากนี้ไปประเทศไทยจะเอาอย่างไร เมื่อมีเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ของรัฐทำให้ประชาชนเสียชีวิตเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า อันนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลจะต้องแสดงออกอะไรบางอย่าง จะปล่อยให้อายุความขาดไปเฉยๆ โดยบอกแต่เพียงว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล ตนเกรงว่าหลังวันที่ 25 ต.ค. ไปแล้วผลเสียหายหรือว่าคำถามจะกลับมาที่พรรคเพื่อไทย

เมื่อถามว่าแปลว่าท่าทีหรือการดำเนินการของรัฐบาลหรือพรรคเพื่อไทยยังไม่มีความชัดเจนพอที่จะนำตัว พล.อ.พิศาล กลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมหรือไม่ นายปริญญา กล่าวว่า จริงๆ แล้วคงพูดไม่ได้ว่าจริงใจหรือไม่จริงใจ เขาอาจจะเข้าใจ จริงๆ ก็ได้ว่านี่เป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่ตนในฐานะอาจารย์ทางด้านกฎหมาย ชี้ให้เห็นว่าพล.อ.พิศาล มีหมายเรียกให้มาขึ้นศาล การปฏิเสธหมายเรียกก็เป็นปัญหาอยู่แล้ว พอไม่มาก็ออกหมายจับ นี่จึงเป็นหน้าที่ที่จะต้องมาปรากฏตัว เพราะตามรัฐธรรมนูญตามกฎหมายไทยถือว่าท่านยังบริสุทธิ์อยู่ แต่ที่ท่านหลบหนีอยู่ขณะนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ อยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรี แปลว่าท่านมีอำนาจที่ทำอะไรบางอย่าง ซึ่งตนไม่สามารถบอกได้ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง แต่คนมีความคาดหวัง และหลังวันที่ 25 ต.ค. ผ่านไปแล้วอายุความขาด โดยที่รัฐบาลดูจะจริงจังน้อยไปบ้าง ผลเสียก็จะกลับมาที่รัฐบาลเอง

เมื่อถามย้ำว่าการที่ไม่ทำอะไรที่เพียงพอเท่ากับเป็นการช่วยเหลือหรือไม่ นายปริญญา กล่าวว่า อาจจะถูกมองอย่างนั้นได้ เมื่อถามอีกว่าจะถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ นายปริญญา กล่าวว่า น.ส.แพทองธาร จะถูกมองเช่นนี้ได้เช่นกัน
รองเลขาธิการนายก คาดประชุมพรรคเพื่อไทยพรุ่งนี้ (15 ต.ค.) จะมีแนวทางดำเนินการกับ พล.อ.พิศาล คดีตากใบ ย้ำทุกคนก็ต้องเคารพ

ด้านนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้แทนนายกรัฐมนตรี บอกถึงกรณีการติดตามตัว พลเอกพิศาล วัฒนวงษ์คีรี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีตากใบ และคดีความจะสิ้นสุดลงในวันที่ 25 ต.ค. นี้ เพื่อกลับมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมว่า

เมื่อวานนี้ (13 ต.ค.) ได้มีการประสานไปยังพรรคเพื่อไทยแล้ว ซึ่งพรรคกำลังเร่งรัดติดตามตัวเพื่อให้ พลเอกพิศาล เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอยู่ และในวันพรุ่งนี้ (15 ต.ค.) ซึ่งจะมีการประชุมพรรคเพื่อไทยประจำสัปดาห์ ทางคณะกรรมการพรรคจะพูดคุยกันว่าจะจัดการอย่างไร

นายสมคิด เชื่อว่า หากพลเอกพิศาล ไม่ลาออกจาก สส. ทางพรรคเพื่อไทยก็คงจะขับออกจากพรรค ยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของพลเอกพิศาล และเกิดขึ้นมานานแล้ว พรรคเพื่อไทยเองก็พยายามที่จะรักษาความเป็นพรรคการเมือง ไม่ใช่ว่าใครทำผิดแล้วจะปล่อยไปได้ ซึ่งทางพรรคก็จะมีมาตรการอยู่แล้ว

ส่วนการขับออกจะไม่ได้เป็นการตัดหางปล่อยวัดใช่หรือไม่ นายสมคิด มองว่า เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับพลเอกพิศาล ว่าจะลาออกเองหรือไม่ ขณะเดียวกันการขับออกนั้น ก็ไม่มั่นใจว่า จะเป็นการขับออกจากสมาชิกพรรคใช่หรือไม่ ดังนั้นสถานการณ์เหล่านี้จะต้องมีการพูดคุยกันในวันพรุ่งนี้ ยอมรับว่าส่วนตัวไม่ได้เป็นคนติดต่อพลเอกพิศาล แต่เท่าที่ทราบเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้มีการประสานงานเรื่องนี้อยู่ และในวันพรุ่งนี้ก็จะได้คำตอบว่าจะดำเนินดารอย่างไร ส่วนตัวยืนยันว่าไม่ทราบเหตุผลว่าทำไมพลเอกพิศาลไม่ลาออกจากสส.ของพรรค

สำหรับในเรื่องนี้ น.ส.แพทองธาร นายกรัฐมนตรี ได้มีการกำชับให้ดำเนินการอย่างไร นายสมคิด บอกว่า ยังไม่ได้มีการสั่งการใด ๆ เนื่องจากนายกรัฐมนตรีติดภารกิจจึงยังไม่ได้พูดคุยกัน 

ส่วนมีการมองว่าเรื่องนี้เป็นคดีที่ใหญ่ เกิดขึ้นในสมัยพรรคไทยรักไทย ซึ่งพรรคเพื่อไทยอาจถูกโจมตีจากฝ่ายค้านได้ เรื่องนี้น่ากังวลหรือไม่นั้น

นายสมคิด ยังบอกถึงกรณีที่มีการมองว่าเรื่องนี้เป็นคดีที่ใหญ่ เกิดขึ้นในสมัยพรรคไทยรักไทย ซึ่งพรรคเพื่อไทยอาจถูกโจมตีจากฝ่ายค้านได้ เรื่องนี้น่ากังวลหรือไม่ว่า ไม่ได้กังวลใดๆ เพราะเรื่องนี้เกิดมานานแล้ว ซึ่งเท่าที่ติดตามมา คดีนี้ที่เกิดขึ้นก็ได้รับการเยียวยาพอสมควรแล้ว และคดีที่เกิดขึ้นก็ถือเป็นความต่อเนื่องกันมา ดังนั้นทุกคนก็ต้องเคารพกติกาและกฎหมายว่าจะดำเนินการไปอย่างไร และย้ำว่าเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับพลเอกพิศาล ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่พรรคจะถูกโจมตี

ที่มาเรียบเรียงจาก: สำนักข่าวไทย | NBT Connext

https://prachatai.com/journal/2024/10/111058