รมว.มหาดไทยนี่เขาก็โลกสวยไม่เบา ไม่ต้องเจ็บร้อน ไม่ได้เสียหายอะไรกับสิ่งร้ายๆ ที่เกิดกับประชาชนจำนวนมากนั้น จึงพูดได้ด้วยใบหน้าชื่นมื่น “โกรธสิบครั้งไม่เท่าให้อภัยครั้งเดียว” โหยคำคมในขณะกำลังจะมีการนำซากศพกลับลงไปฝังต่อ
ตามคำของ อนุทิน ชาญวีรกูล “ขอให้มองไปข้างหน้า อย่ามองไปข้างหลัง...ถ้าเราไปโกรธ เราไปเคียดแค้น คิดถึงแต่อดีต ก็มีแต่ก่อให้เกิดการถดถอย แต่ถ้าให้อภัย นึกถึงอนาคต จำบทเรียนในอดีต อย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกเป็นอันขาด”
แล้วจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีกได้ ถ้าไม่มีการชำระสะสางให้กระจ่างแจ้ง ว่าผู้กระทำผิดต้องได้รับโทษ มิใช่ลอยนวลพ้นผิดกันเป็นประจำ เพราะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นคนดีย์ มีความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ กระนั้นหรือ
“คนที่หลบหนีมาโดยตลอดและต้องหลบอยู่ต่อไป แม้จะพ้นอายุความแล้วก็คงจะไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ คนที่หลบหนีคดีอย่างไรก็ไม่มีความสุข” มันจะไม่เป็นจริงเช่นที่ว่านี้ ตราบเท่าที่พวกเขาเชื่อมั่นตลอดเวลาว่าทำอย่างไรก็ไม่ผิด
ดังที่ ศาสดา @IamSasdha ชี้ถึงความเป็นจริงในคดีตากใบ “ความทุเรศทุรังคือ เวลาจะพูดเรื่องให้อภัย มันต้องพูดจากฝั่งผู้สูญเสียบาดเจ็บ ไม่ใช่ฝ่ายรัฐที่กระทำผิดและลอยนวลมาตลอด...อันนี้เค้าเรียกว่าอุบาทว์”
(https://x.com/IamSasdha/status/1849071725042081975 และ https://thestandard.co/anutin-charnvirakul-23102024-2/)