วันพุธ, ตุลาคม 21, 2563

“ถึงเราจะมองไม่เห็น แต่อยากเห็นอนาคตที่ดีกว่านี้” นักเรียนหญิงตาบอดยกป้ายในม็อบ


ฮิฮิ วันนี้ไม่มี แกงลุยกันต่อนะฮะ เมื่อคืนได้นอนเต็มอิ่มกันแล้วนิ เวลานัดเที่ยง สถานที่อย่างเคย ใครใกล้ที่ไหนเตรียมไปที่นั่น เช็คทวิตเตอร์อีกทีถ้ามีเปลี่ยนแปลง แต่กระนั้นเมื่อวานก็ยังมีม็อบกระจายทั่ว ทั้งอนุสาวรีย์ชัยฯ ปิ่นเกล้าฯ คนเป็นพัน

กำหนดเดิมวันที่ ๒๐ ตุลา เป็นที่รู้กันว่า ๑๗.๕๐ น. ทุกสถานีรถไฟฟ้า เจอกันตามความสะดวกของแต่ละคน ใกล้เวลาทางเพจเยาวชนปลดแอกบอก เซอร์ไพร้ส์ หยุดพักหนึ่งวัน ที่อนุสาวรีย์ชัยฯ คนไปรวมกันแน่นตั้งแต่ห้าโมงครึ่งเลยจัดกันเอง

ร้องเพลงชาติชูสามนิ้วคึกคักตอนเวลาชักธง แถมด้วยคำขวัญตะโกนลั่น “เผด็จการจงพินาศ ประชาราษฎ์จงเจริญ” ซ้ำๆ อย่างนั้นนานกว่า ๕ นาฑี แล้วถ่ายรูปร่วมกันก่อนแยกย้ายกลับบ้าน เป็นม็อบที่ใช้เวลาสั้นมาก นักเรียนกลุ่มหนึ่งเกือบไม่ทัน ได้แค่ติดปลายนวม

“เร็วๆ แบบนี้ก็ดี มันไม่วุ่นวาย เซฟความปลอดภัยเรา เเละปั่นให้ภาครัฐอยู่ไม่สุขได้” น้องๆ บอกกับว้อยซ์ทีวี ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “โดนแกงค่ะ แต่ตลกดี” ถึงอย่างนั้นก็ยังมีเรื่องซึ้งๆ เล่ากันผ่านทวิตเตอร์ โดย joe black @joe_black317 ว่า

“อ่านแล้วน้ำตาซึมเลย หนูอยากไปช่วยประเทศกับพี่ อยากไปช่วยอนาคตของหนูให้มันดีขึ้น ถึงหนูจะตาบอด หนูก็เป็นประชาชน ทุกคนเท่าเทียมกัน หนูอยากไปแสดงสิทธิ์เพื่ออนาคตหนูค่ะ” เหตุเกิดที่สี่แยกเกษตรเมื่อวันก่อน

ผู้โพสต์เป็นครูสอนเด็กตาบอด เด็กคนหนึ่งมาบอกว่า “พี่คะ หนูอยากไปม็อบค่ะ” ถามว่าทำไมล่ะ ก็ได้รับคำตอบดังข้างต้น จึงมีรูปปรากฏเด็กนักเรียนหญิงตาบอดหลายคนยกป้ายอยู่ในม็อบ “ถึงเราจะมองไม่เห็น แต่อยากเห็นอนาคตที่ดีกว่านี้”

‘Conviction’ เจตน์จำนงอย่างนี้ มีหรือ ‘I hear too’ จะได้เห็น ได้ยิน รู้แต่แค่จะเอาผิดเด็กเหล่านี้ได้อย่างไร ที่ทำให้อับอาย เมื่อเด็กตราหน้าเป็นคนไร้ความสามารถ ตลบตะแลง และขาดวุฒิภาวะ อ้างกฎหมายที่ไร้หลักนิติธรรม ใส่ความและจับผิด

ขนาดจับแกนนำนับยี่สิบไปคุมขังรอหาความหลายวัน ไม่ทำให้การชุมนุมรายวันเพลาลงไปได้แม้แต่น้อย แม้จำต้องปล่อยตัวหลังการประกัน ก็ให้ตำรวจท้องที่อื่นๆ ดาหน้ากันฉกตัวเอาแกนนำเอ้ๆ อย่างรุ้ง เพ็นกวิน ไม้ค์ ไผ่ อานนท์ ไปขังต่อ


โดยเฉพาะคดีของ เอกชัย หงส์กังวาน ข้อหาวิปลาสมาก แค่ “พยายามกระทำการประทุษร้ายต่อเสรีภาพของพระราชินี” แล้วที่คณะรัฐประหาร กระทำการเลยเชียวละ จำกัดและขัดขวาง การใช้เสรีภาพของประชาชน (รวมทั้งเยาวชน) มาแล้ว ๖-๗ ปีล่ะ

“พิเคราะห์แล้วเห็นว่าพฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง คดีมีอัตราโทษสูง ทั้งยังกระทบต่อความมั่นคงและสังคมโดยรวม” คำวินิจฉัยของศาลต่อเอกชัยและภาณุพงศ์ จาดนอก ไม่ยอมให้ปล่อยตัวชั่วคราว อ้างว่าออกไปแล้วจะ “ไปก่อความไม่สงบให้แก่บ้านเมือง”

อีกทั้งยังหาว่าอาจจะไป “ก่อเหตุร้ายประการอื่นอีก” มันเป็นข้อกล่าวหาสำเร็จรูปยังกับก๋วยเตี๋ยวซีพี เปิดกล่องยัดใส่ไมโครเวฟกินได้ทันที จะเรียกว่าข้อหา เซเว่นดีไหมนี่ เพราะมันคุ้นหูมาก ใครความจำไม่สั้นต้องนึกถึง อากง ทันใด

อากงต้องตายในคุก เนื่องจากอายุมากแล้วสุขภาพไม่ดีอยู่ก่อน ผู้พิพากษาศาลไม่ยอมให้ประกันตัวทั้งที่ข้อกล่าวหาขาดเหตุข้อเท็จจริงรองรับได้เพียงพอ เพราะเป็นการกล่าวหาความผิดต่อสถาบันกษัตริย์ ถ้าพิสูจน์ได้ภายหลังว่าเอาผิดไม่ได้ ก็ยังติดคุกฟรี

และไม่บังเอิญผู้พิพากษาคนนั้นที่วินิจฉัยคดีอากง เป็นคนเดียวกับคนนี้ที่วินิจฉัยไม่ให้ประกันเอกชัยและไม้ค์ จำชื่อกันเอาไว้ ชนาธิป เหมือนพะวงศ์ เจอที่ไหนรีบวิ่งหนี เหี้ยมอย่างนี้ต้องระวังระไวให้ดี เอาปลอดภัยไว้ก่อนแม้ไม่มีคดีก็ตาม


ขนาดจับแกนนำเป็นโขยงแล้วม็อบยิ่งขย่มหนักกว่าเก่า เดี๋ยวนี้แนวร่วมและสมาชิกม็อบนอกโรงเรียนแทบทุกแห่ง ร้องรำทำเพลงโปรดของศิลปินแอมมี่ “วัน ทู ธรี โฟ ไฟ้ว์ ไอ เฮีย ทู...” กันทั่ว บางครั้งบางคราวเปลี่ยนสร้อยเป็น “ไอ เฮีย โอฮ์” ก็มี

แล้วศาลก็เป็นอกเป็นใจกับ ไอเฮียเสียจัง ออกคำสั่งปิดกั้นกรรมวิธีการสื่อสาร (Platforms) เช่นยูทู้บ เฟชบุ๊คของสื่อออนไลน์หลายแห่ง ซึ่งทำการถ่ายทอด เกาะติดเสนอข่าวการชุมนุมของเยาวชน เช่น ว้อยซ์ ประชาไท เดอะรีพอร์ตเตอร์ เดอะสแตนดาร์ด

อย่างนั้นมันไม่ต่างกับคำสั่ง โปลิสบิวโรเลยสักนิด ซ้ำกระทรวงดิจิทัลออกมาขู่แกมเหน็บแนมชาวบ้าน “โพสต์อะไรรู้นะจ๊ะ...มีเจ้าหน้าที่คอยตรวจสอบ ๒๔ ชั่วโมง” อ๊ะ แบบนี้เป็นวิธีการอย่าง เกสตาโป ไม่มีผิดเพี้ยนเลยนะเจ๊ะ

(http://www.voicetv.co.th/read/HMOyHs5TB)