เปิดตำรา วิชาสันติวิธี
The Active
Oct 17, 2020
ฝ่ายควบคุมฝูงชน...อย่าทำตามตำรา ฝ่ายผู้ชุมนุม...ต้องทำตามตำรา . คุยกับ "ศาสตราจารย์ชัยวัฒน์ สถาอานันท์" ชวนเปิดตำราวิชา "สันติวิธี" ทำอย่างไรเสียงของสันติวิธีจึงจะถูกรับฟัง?
อ่านเพิ่มที่
https://theactive.net/news/20201017-9/?fbclid=IwAR1VlUh8-bHqSBXnACEiV8pEuigPFEmtOIC_hcyGliSQw3m1S4uGbXtkrIs...
...
ชาติพันธุ์นิพนธ์
12h ·
รัฐสันติวิธีเกินไป? ผู้ชุมนุมสันติวิธีน้อยไป?
ทัศนะล่าสุดของอาจารย์ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ต่อการชุมนุม 16 ตค. 63 ย้อนแย้งกับสมัยที่อาจารย์ให้ความเห็นต่อการชุมนุม กปปส. ในขณะนั้นอาจารย์อธิบายยืดยาวว่าการชุมนุมของ กปปส. ใช้สันติวิธี
แต่มาวันนี้ อาจารย์ชัยวัฒน์คนเดิมอธิบายสั้นๆ ว่า การใช้กำลังของรัฐถูกต้องตามตำราเกินไป ส่วนผู้ชุมนุมยังต้องเคร่งครัดกว่านี้อีก
จะให้ใส่คำพูดแบบนักสันติวิธี หมายความว่า การใช้กำลังของรัฐในวันที่ 16 ตค. ถูกต้องตามตำราสันติวิธีของการสลายการชุมนุมแล้ว ส่วนการชุมนุมของผู้ชุมนุม ยังสันติวิธีไม่พอ อย่างนั้นหรือครับ
เบื้องต้นเลย สมมติว่าเราไม่ต้องสนใจว่า ทำไมอาจารย์ไม่ถามถึงความชอบธรรมของรัฐตั้งแต่ต้นว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินนี้ชอบธรรมไหม ไม่ว่าจะในทางการเมืองระบอบประชาธิปไตย หรือในทางตำราสันติวิธี (หรือสันติวิธีเขาไม่สนใจว่าจะต้องใช้ในระบอบประชาธิปไตยหรือไม่)
ซึ่งข้อนี้ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมอาจารย์ไม่สนใจเอ่ยถึงประเด็นนี้ ถ้าบอกว่า ก็เขาไม่ได้ถาม แต่หลายครั้งที่นักข่าวถามอะไรอาจารย์ อาจารย์ก็สวนกลับว่า ต้องถามอีกคำถามก่อน ได้เสมอไม่ใช่หรือ
สมมติว่าลืมประเด็นพื้นฐานนี้ไปก่อน ผมก็ยังสงสัยต่อว่า คำพูดที่ว่า "ฝ่ายรัฐนอกตำราหน่อยได้ไหม ฝ่ายผู้ชุมนุมเคร่งครัดตามตำราให้มากขึ้นได้ไหม" นั้น เป็นข้อเสนอที่ใช้ได้ไหม
ข้อแรก คำพูดแบบนี้ของอาจารย์กลับกลายเป็นการ justify ให้ความชอบธรรมกับการใช้กำลังของรัฐว่า ฝ่ายรัฐทำตามตำราแล้ว ส่วนฝ่ายผู้ชุมนุมต่างหากที่ยังไม่เคร่งครัดพอ น้ำเสียงแบบนี้คือเกรงใจผู้มีอำนาจมากกว่าผู้ชุมนุม เพราะขอร้องให้ฝ่ายรัฐยอมทำผิดบ้าง แต่ไม่ตั้งคำถามเลยว่า ที่ฝ่ายรัฐทำนั้น ถูกแล้วตั้งแต่ต้นหรือไม่
มีคำถามที่อาจารย์เคยถามผมเมื่อ 30 ปีที่แล้วว่า การที่ผมวิจารณ์วาทกรรมฝ่ายผู้ด้อยอำนาจ (ขณะนั้นคือวาทกรรมวัฒนธรรมชุมชนของ NGOs) จะเป็นการลดทอนกำลังของผู้ต่อสู้กับอำนาจนำหรือเปล่า ถึงวันนี้ผมก็อยากถามอาจารย์ในทำนองเดียวกันนี้ว่า การไม่วิจารณ์ผู้มีอำนาจ จะเป็นการให้ท้ายผู้มีอำนาจอยู่หรือเปล่า
ข้อต่อมา วิธีการที่รัฐใช้เมื่อคืนวันที่ 16 ตค. นั้น เป็นไปตาม “ตำรา” เล่มไหน ขณะนี้มีหลายคนตั้งข้อสังเกตว่า หลักการสลายการชุมนุมอย่างสากลนั้น จะไม่ใช้น้ำผสมสารพิษร้ายแรง มีกลุ่มแพทย์จำนวน 300 กว่าคนยอมสละหน้าตา ชื่อเสียง หน้าที่การงาน ระบุว่าเป็นสารพิษ มีอันตราย มีข้อมูลว่า หลักสากลจะไม่ฉีดน้ำใส่ผู้ชุมนุมโดยตรง ฯลฯ ตกลงวิธีการที่รัฐใช้นั้น "สันติเกินไป" แล้วหรือ
อีกข้อหนึ่งคือขั้นตอนการใช้กำลังของรัฐ ณ สถานการณ์ขณะนั้น ถ้าอาจารย์ติดตามใกล้ชิดจริงจังเพียงพอ อาจารย์ยังจะสรุปว่า “ระดับความรุนแรงที่รัฐใช้” ได้สัดส่วนกับ “ระดับความรุนแรงที่มวลชนใช้” หรือไม่
การที่ผู้ชุมนุมยืนอยู่เฉยๆ บนถนน แน่นอนว่าก่อความเดือดร้อนต่อประชาชน แต่นั่นเป็นเวลาเพียงยังไม่เกิน 2 ชั่วโมงดีด้วยซ้ำ แต่รัฐใช้กำลังรุนแรงในระดับนี้ อาจารย์คิดว่า "สันติแล้วหรือ" ได้สัดส่วนกับความรุนแรงของมวลชนแล้วหรือ แล้วมวลชน "ยังสันติไม่พอ" อีกหรือ
ทั้งหมดของข้อเสนออาจารย์ชัยวัฒน์ล่าสุดนี้ ทำให้ผมเข้าใจเป็นอื่นไปไม่ได้เลยว่า อาจารย์ได้ให้การรับรองความชอบธรรมกับการใช้ความรุนแรงโดยรัฐในวันที่ 16 ตค. ไปแล้ว แต่กับผู้ชุมนุม อาจารย์กลับตัดสินไปแล้วเช่นกันว่า ยังเคร่งครัดน้อยไป และเรียกร้องให้ผู้ชุมนุม เคร่งครัดกับสันติวิธียิ่งกว่านี้
ผมเกรงว่า ถ้าผู้ชุมนุมต้องเคร่งครัดกว่านี้ ก็คงไม่ต้องออกมายืนบนถนนเพื่อแสดงออกทางการเมืองแล้วล่ะ สู้นั่งๆ นอนๆ กดคีย์บอร์ดอยู่หน้าจอ เป็นสันติวิธีหน้าจอในห้องนั่งเล่นกันไปไม่ดีกว่าหรือครับ
ถ้าเรียกร้องให้ผู้ชุมนุมเคร่งครัดมากกว่านี้ ก็จะต่างอะไรกับการเรียกร้องให้ผู้ชุมนุมงดการแสดงออกทางการเมืองล่ะ จะต่างอะไรกับการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ห้ามการชุมนุมเกิน 5 คนล่ะ
แล้วสันติวิธีของอาจารย์ชัยวัฒน์ สถาอานันท์จะต่างอะไรกับการลิดรอนสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมืองล่ะ
ยุกติ มุกดาวิจิตร
Sujane Kanparit
1h ·
สำหรับเด็กธรรมศาสตร์ ที่เรียนมหาลัยนี้ช่วง ทศวรรษ 2530-2550 ก่อน สศจ จะต้องลี้ภัย
ภาพติดตาสำหรับคนที่ไปฟังเสวนาวิชาการเกี่ยวกับสันติวิธีคือ วงไหนมีชัยวัฒน์ สถาอานันท์ สศจ จะตามไป war ทุกวง
จำได้ว่าแกไล่ war กะชัยวัฒน์ สถาฯ จนบางทีผู้จัดต้องกันแกออกจากห้อง เพราะแก emotional มาก ในการตั้งคำถามกับชัยวัฒน์ สถา (กลัวโดนคนฟังคนอื่นเขาโห่จนไม่ต้องทำอะไร)
ตอนนั้นผมก็เป็นคนหนึ่งที่งงว่า สศจ จะป่วนวงทำไม และหาคำตอบไม่ได้ ว่าแกแค้นอะไรชัยวัฒน์ สถาฯ จนจองเวรขนาดนั้น
จนตอนนี้เข้าใจแล้ว ว่าตอนนั้นเรายังเด็กมาก ต้องรอจนชัยวัฒน์ “หางออก” ในช่วงสิบปีมานี้ ถึงตาสว่าง
มันคือ “นักสอนสันติวิธีสลิ่ม” นี่เอง ที่ สศจ พยายามต่อต้าน (เราเข้าใจว่าเขาเป็น “นักสันติวิธี” มาตลอด)
ปล. เพิ่มเติม เพิ่งรู้จากเพื่อนว่า ไอ้ “นักสอน” นี่ไม่เคยร่วมใน process สันติห่าเหวอะไรจริงจัง เดินสายเทศนา ให้สัม แดกงบอย่างเดียว
...
Vanichill Aiai
6h ·
lll ที่เจ็บปวดไม่ใช่ร่างกาย แต่เจ็บใจที่ต้องเห็นการกระทำอันหยาบช้าของขี้ข้าเผด็จการ lll
กลับมาแล้วหลังจากหายไปตั้งแต่เย็นวันศุกร์ มีเรื่องราวมากมายที่ไม่มีใครได้ฟัง พร้อมเล่าแล้วค่ะ
เราหาทางไปม็อบที่แยกปทุมวันจนได้ ผ่านการเดินลัดเลาะไปตามทางที่พออ้อมไปได้ เจอคนไม่รู้จักระหว่างทาง เป็นคนจากต่างจังหวัด สอบถามได้ความว่าเป็นคุณลุงคุณป้าเสื้อแดงมาจากสุราษฎร์และเชียงราย เขาขอเดินตามเรามาเพราะไม่รู้ทางเหมือนกัน เราก็พากันเดินมาถึงจนได้ เกือบๆ 7 โล
พอมาถึงตอนแรกเราอยู่ตรงร้านโนบิชา (ตรงข้ามMBK) แวะนั่งพักนึงก่อนออกไปดูสถานการณ์ ตอนนั้นมีรถน้ำมาแล้วแต่ยังไม่ฉีด ก็เตรียมตัวกัน เราก็บอกทุกคนที่มาด้วยกันว่า เดี๋ยวเราดูตรงนี้ก่อน เพราะตรงที่เราอยู่มีเด็กนร. ค่อนข้างเยอะที่หลายส่วนทยอยออกมาเพราะว่าผู้ใหญ่ให้เอาเด็กออกมาก่อน เราก็คอยยืนดูอยู่ตรงนั้น แล้วก็เดินลงถนนมาเพราะมีคนบอกว่าเดี๋ยวไปจุฬากัน เราก็เตรียมที่จะลงไปเดินเพื่อไปจุฬา จังหวะตอนนั้นเองที่คนเริ่มชุลมุนเพราะมีการเดินกลับไปกลับมา เพราะตร. จะสลายการชุมนุมจริงๆ เริ่มมีคนโยนร่มลงมาจากด้านบนสกายวอล์ค เราเห็นยังมีเด็กนร.อีกหลายคนที่อยู่ใกล้ๆเวทีและไม่มีร่มเพราะทุกคนต้องส่งร่มไปข้างหน้า เราเลยวิ่งไปหน้าน้องผญ คนนึงที่ใส่แต่เสื้อกันฝนบางๆ เอามือกุมหน้าอยู่ เราคว้าร่มที่มีคนโยนลงมาอันนึงและบอกน้องให้หยิบร่มจากในกระเป๋าเราออกมากาง น้องหยิบร่มออกมาได้เราก็กำลังจะหันมาเอาร่มกางกันตัวเอง ยังหันไม่ทั้งตัวก็ล้มไปเลย เพราะแรงกระแทกของน้ำที่แรงมาก มากชนิดที่ไม่รู้จะเอาอะไรมายกตัวอย่างให้เข้าใจดี เพราะชีวิตก็ไม่เคยเจอน้ำแรงขนาดนี้ และประกอบกับตอนคุยกับน้องเราดึงแมสลงด้วยเพราะหายใจไม่ออก ตอนนั้นก็รู้สึกเหมือนน้ำเข้าจมูกนิดนึงแต่ยังไม่มีอะไร เพราะล้มลงแล้วต้องหลบให้มากที่สุด
พอเราล้มลงก็ทำได้แค่ดึงมือน้องนร.บอกให้หมอบลงอย่าวิ่ง และพยายามกางร่มเท่าที่จะกางได้ หลังจากนั้นก็อยู่ใต้ร่มไม่เห็นอะไรอีกจนมีคนตะโกนว่าไปจุฬาประตูใหญ่ และน้ำหยุดฉีดแล้ว เราหุบร่มแล้วดึงน้องวิ่ง วิ่งแบบวิ่งไม่คิดชีวิตเลย วิ่งไปร้องไห้ไปทั้งเราทั้งเด็กนร. จนมาถึงจุฬา เราส่งน้องเข้าไปและตัวเองนั่งแป้บนึงเพราะรู้สึกเวียนหัวเหมือนจะอาเจียน เลยขอนั่งแล้วเอาน้ำล้างหน้าก่อน แต่กลายเป็นว่าพอเราก้มหน้าล้างหน้า เราอาเจียนออกมาเลย แล้วเงยหน้าไม่ได้อีก ได้ยินมีคนถามว่าไหวมั้ย เราก็โบกมือ แล้วก็เห็นเป็นพี่วินมอไซต์คนนึงบอกว่าเดี๋ยวพาออกไปก่อน ไปรพเลยๆ แล้วก็มีคนดึงเราขึ้นนั่งบนมอไซต์ ซึ่งตอนแรกจะพาเราเข้ารพ. จุฬาฯ
แต่.. ใช่ค่ะ รพ. นั้นเขาไม่รับค่ะ เป็นที่ทราบกันดีแต่ไม่คิดว่าจะมาเจอกับตัว ปิดรพ.ไม่รับพวกเธอเพื่อรักษาคนเป็นเอ๋อคนเดียว
(*** ขออีดิทเพื่อแอดอัพความเข้าใจตรงนี้นะคะ คือตอนเราเขาไม่ให้ผ่านด้วยซ้ำ และพี่วินคนนี้ก่อนหน้าที่จะมารับเราก็คือเขาไปส่งคนอื่นมาก่อนแล้ว เขาเล่าให้เราฟังค่ะว่าคนนั้นเค้าพาเข้าไปถึงแล้ว จนทบอกว่าคนไข้เต็มให้ไปที่อื่นค่า)
พี่วินขี่มาถึงเพลินจิต ร้านก็ปิดหมด เขาพาเราขึ้นมาบีทีเอสเพื่อขอใช้ห้องน้ำ ตรงนี้ต้องขอบคุณพนง.และแม่บ้านสถานีนี้มาก พาเราเข้าห้องน้ำ ล้างตัวและหาเสื้อให้เปลี่ยน เรายังอาเจียนไม่หยุดและไม่มีแรงเลย อยู่ที่นั่นเกือบสองชม.ได้ ถึงโอเคขึ้น พี่วินคนเดิมพาเรามาส่งที่พัก เราขึ้นมาได้พักเดียวก็เวียนหัวอาเจียนขึ้นมาอีกจนต้องโทรให้นิติเรียกรถพาไปรพ. เลยจบที่ต้องแอดมิดรพ.เนื่องจากมีอาการเลือดออกในช่องท้อง มีรอยช้ำบริเวณกระเพาะอาหารจากแรงดันของน้ำและคลื่นไส้อาเจียนจากการที่ร่างกายได้รับสารพิษ
ใช่ค่ะ สารพิษ
เรานอนพักฟื้นที่รพ. ตั้งแต่คืนวันนั้น สภาพร่างกายไม่ดีเท่าไหร่ในคืนแรก แต่ที่แย่กว่าคือสภาพจิตใจตัวเอง เรานอนร้องไห้ตลอดเวลา แบบไม่สามารถห้ามตัวเองได้ มันไม่ใช่ร้องไห้เพราะเจ็บตัว แต่ร้องไห้เพราะเจ็บใจ คุณฉีดน้ำมาจนเราล้มแล้ว เราหมอบแล้วคุณยังฉีดอีก ข้างหลังเราคือเด็กนร. อะ ม. ต้นด้วยซ้ำ คุณทำได้ยังไง ความเป็นคนมันไม่เหลืออยู่ในจิตใจพวกคุณแล้ว พวกเราไม่มีอะไรสู้เลย แค่เสื้อกันฝนกับร่มหนึ่งคัน แค่โล่คุณอันเดียวเดินมาชนเราก็กระเด็นแล้วจริงๆ คิดว่าพวกเราจะไปนองเลือดกับใครได้เหรอ
หลังจากวันนั้นมีหลายคนที่ขอโทษเราที่ไม่ได้อยู่ด้วย เราอยากบอกว่า ทุกคนอย่าโทษตัวเอง การไปม็อบของเรา เราเองย่อมรู้ตัวดีอยู่แล้วว่าต้องเจอกับอะไร เราเองก็มีราคาที่ต้องจ่ายเช่นกัน ไม่มีใครผิด ทุกคนอย่ากังวลแล้วไปสู้ตามทางของตัวเองต่อเลย ถ้าการเจ็บของเราครั้งนี้จะทำให้คนรอบตัวเราโกรธและพร้อมแตะมือไปสู้แทนเราต่อ เราจะถือว่ามันคุ้มและเราขอบคุณมากนะ
ส่วนใครที่โกรธที่เราเจ็บ เราก็เข้าใจมากๆ ในความเป็นห่วง แต่เราอยากถามหน่อยเดียว โกรธเราที่เราไปม็อบ โกรธเราที่เราบาดเจ็บ หรือโกรธคนที่มันทำร้ายเรา คุณโกรธใครมากกว่ากัน?
เราขอไม่สัญญาว่าเราจะไม่ไปอีก เพราะเรายืนยันมาตั้งแต่ครั้งแรกที่ไปแล้วว่าเราไม่มีอะไรต้องกลัว เราจะทำเท่าที่เราไหว ทุกทางเท่าที่ทำได้ แต่ต้องเพิ่มความรอบคอบและระมัดระวังมากกว่านี้ เพื่อให้มีชีวิตอยู่ก่อน เราจะอยู่รอดูวันที่คนเป็นคนเท่ากัน และวันที่คนพวกนั้นเป็น 'ประชาชน' เท่าเรา .
ปล. เราได้ออกจากรพ. แล้วนะคะ ไม่ต้องเป็นห่วง
อย่ากังวลใดๆแล้วไปต่อเลย !
...
แพทย์ทั่วประเทศร่วมลงชื่อในแถลงการณ์ 'มุมมองของแพทย์ต่อสถานการณ์วันที่ 16 ต.ค. 2563' ที่ระบุว่าการใช้ความรุนแรงต่อกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นสิ่งที่ไม่สมควรเกิดขึ้นตามหลักมนุษยธรรม ล่าสุด 18 ต.ค. มีเพิ่มเป็น 1,008 คนแล้ว https://t.co/ulVbCWSCUg
— prachatai (@prachatai) October 18, 2020
คำฟ้องละเมิดต่อศาลแพ่งฟ้อง'ประยุทธ์'ออกประกาศฉุกเฉินร้ายแรงไม่ชอบด้วยกฎหมายและคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉินเพื่อคุ้มครองชั่วคราว เสร็จแล้วขอลูกหลานเยาวชนผู้เสียหายเป็นโจทก์ร่วมฟ้อง 5 คนส่งชื่อพร้อมสำเนาบัตรประชาชนที่ inbox pageหมอชลน่าน fcไม่มีดราม่าได้ครับ#ฟ้องประยุทธ์#สลายการชุมนุม pic.twitter.com/R6igwnLQSS
— ชลน่าน ศรีแก้ว (@Cholnan) October 18, 2020