วันศุกร์, สิงหาคม 15, 2568

จาก "ยุทธหัตถี" สู่ "ยุทหัตถัง" : เพราะรถถังไม่ใช่หลังช้าง กองทัพกัมพูชาถึงไม่มาดวลรถถังต่อรถถังกับไทย


thaiarmedforce.com
14 hours ago
·
ฟังองค์ดำหรือพลตรี วันชนะ สวัสดี พูดแล้วน่าสนใจดี ในประเด็นที่บอกว่าในเหตุการณ์ปะทะ #ชายแดนไทยกัมพูชา ครั้งนี้ทหารม้าของกองทัพบกไทยพยายามเชื้อเชิญทหารม้าของกองทัพบกกัมพูชาให้ออกมาดำเนินกลยุทธ์รถถังต่อรถถังกัน แต่ทางกัมพูชาไม่ยอม ใช้วิธีจอดอยู่ในที่ตั้งยิงอย่างเดียว
เรื่องนี้น่าสนใจเพราะตามข่าวแล้วกัมพูชานำรถถังที่ตนเองมีซึ่งส่วนใหญ่เป็น T-55 ซึ่งกัมพูชามีหลายร้อยคันมาจอดอยู่ตามช่องต่าง ๆ จำนวนมาก โดยช่องเหล่านี้มีที่ราบเพียงพอที่รถถังจะดำเนินกลยุทธ์ได้ รวมถึงเป็นช่องทางสำคัญที่ถ้ากัมพูชาจะเจาะแนวป้องกันของไทยเขามาด้วยการใช้ยานเกราะ ก็ต้องเจาะมาตามช่องทางเหล่านี้
ในทางกลับกัน รถถังของไทยที่มีการวางกำลังในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 อย่าง M48 M60 หรือ VT-4 แม้จะมีความทันสมัยกว่า แต่ก็ไม่ได้ห่างกันนัก โดยเฉพาะ M48 ของกองทัพบกซึ่งค่อนข้างเก่ามากแล้ว
จริง ๆ คุณลักษณะหนึ่งของทหารม้าก็คือมีความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่ มีอำนาจการยิงที่รุนแรง รวมถึงมีอำนาจการทำลายและข่มขวัญ ซึ่งจะใช้คุณลักษณะนี้ให้ได้ผลสูงสุด การดำเนินกลยุทธ์ด้วยการใช้รถถังเป็นหัวหอกเข้าตีน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า แต่การใช้รถถังตั้งรับก็ไม่ได้ผิดแต่อย่างใด โดยเฉพาะในการใช้รถถังเป็นฐานยิงสนับสนุนในกรณีที่ต้องตั้งรับ ซึ่งเชื่อว่าทั้งสองฝ่ายก็ใช้รถถังในการตั้งรับลักษณะนี้
----------------------
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมกองทัพกัมพูชาจึงไม่มาดวลรถถังต่อรถถัง แต่ถ้าให้เดาอาจจะเป็นเพราะ
1. ไทยใช้การโจมตีทางอากาศโดยไม่คาดคิด เพราะการโจมตีทางอากาศก็เป็นสิ่งที่แม้แต่คนไทยหลายคนก็ไม่นึกว่ากองทัพจะตัดสินใจใช้ ถ้าใช้รถถังเคลื่อนที่เข้าตีแล้วกำลังภาคพื้นดินของไทยเรียกกำลังทางอากาศมาสนับสนุน ความเสียหายต่อกำลังภาคพื้นดินของกัมพูชาอาจจะมากขึ้น
2. โมเมนตั้มสงครามเริ่มเปลี่ยนหลังจากวันที่ 2 - 3 จากไทยเป็นฝ่ายตั้งรับเพราะฝ่ายกัมพูชาเปิดการโจมตีก่อนโดยที่ไทยไม่ได้คาดคิด เปลี่ยนมาเป็นไทยเริ่มรุกในทุกแนว การใช้รถถังของฝ่ายกัมพูชาจึงต้องเปลี่ยนมาเป็นการตั้งรับเพื่อเป็นฐานการยิงสนับสนุนจากที่กำบัง
3. ความพร้อมของยานเกราะของกัมพูชาอาจจะมีไม่มากพอที่จะถึงจำนวนที่จะเปิดการรุกได้หลายแนว เพราะถึงแม้ตามตัวเลขกัมพูชาจะมีรถถัง 400 - 500 คัน แต่เชื่อว่าจำนวนที่ใช้งานได้ในการรบจริงไม่น่าจะมีมากเท่าไหร่
4. กัมพูชาอาจระแวงในกรณีที่ไทยอาจใช้การเข้าตีตัดหลังเพื่อยึดพื้นที่และทำลายอาวุธสนับสนุนในแนวหลังของกัมพูชา จึงต้องเน้นที่การตั้งรับเอาไว้ก่อน เพราะอาจต้องแบ่งกำลังไปตั้งรับตามที่ต่าง ๆ ที่กัมพูชาคาดว่าไทยจะเข้าตี ซึ่งก็ทำให้มีรถถังอยู่หน้าแนวน้อยลงไปอีก แม้ว่าสุดท้ายไทยจะไม่ได้ใช้วิธีนี้ก็ตาม
5. กัมพูชาอาจจะต้องการทำทุกอย่างที่ว่ามาซึ่งก็เป็นไปตามตำรา โดยเฉพาะตำราการทหารของฝ่ายสังคมนิยมที่รถถังคืออาวุธที่สำคัญที่สุดในการดำเนินกลยุทธ แต่พอพิจารณาแล้วว่ารถถัง T-55 ของกัมพูชาค่อนข้างเก่า เพราะส่วนใหญ่คือรถถังในยุคแรกของสงครามเย็น มีบางส่วนเท่านั้นที่เป็นรถปรับปรุง ซึ่งเทียบได้กับ M48 ของไทย แต่ไทยยังมี M60 ที่แม้จะเก่าเหมือนกันแต่ก็ยังทันสมัยกว่าเมื่อเทียบกับ T-55 ไปจนถึง VT-4 ที่ถือว่าเป็นรถถังที่ทันสมัยที่สุดแบบหนึ่งในย่านอาเซียน เมื่อบวกลบคูณหารแล้ว กัมพูชาอาจจะเกรงว่าอาจต้องพบกับความสูญเสียมากกว่าถ้าต้องไปดวลกันตัวต่อตัว
----------------------
การเลือกใช้รถถังตั้งรับอย่างเดียวไม่ออกมาดำเนินกลยุทธ์นอกที่กำบังจึงอาจเป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้เมื่อเทียบกับสิ่งที่กัมพูชาประสบอยู่
ถ้ามีการปะทะระหว่าง #ไทยกัมพูชา อีกครั้ง อะไรหลายอย่างไม่น่าจะเหมือนเดิม โดยเฉพาะกัมพูชาได้เรียนรู้ถึงวิธีการของไทยในปัจจุบันแล้ว รวมถึงไทยยึดพื้นที่ได้หลายพื้นที่ในรอบที่ผ่านมา และมีความต้องการยึดพื้นที่คืนในหลายพื้นที่ กัมพูชาอาจจะมีการปรับวิธีการใหม่ เช่น การมุ่งความสำเร็จไปที่การยึดพื้นที่ที่เป็นพื้นที่เชิงสัญลักษณ์ให้ได้ เช่น #ภูมะเขือ หรือ #ปราสาทตาเมือนธม ด้วยการโถมกำลังจำนวนมากเข้าตี ซึ่งบางจุดมีความเหมาะสมในการใช้รถถังอยู่บ้าง หรืออาจเร่งปรับปรุงและเสริมความแข็งแรงของที่มั่นในจุดที่ไทยแสดงออกชัดเจนว่าต้องการยึดคืนให้ได้เช่นที่ #ปราสาทตาควาย ซึ่งก็จะเป็นโจทย์ให้ฝ่ายไทยต้องคิดและรับมือต่อไป

https://www.facebook.com/photo?fbid=1296628535260009&set=a.189090046013869
.....


.....

Suwagee Klampaiboon
14 hours ago
·
จาก "ยุทธหัตถี" สู่ "ยุทหัตถัง"
องค์ดั๊มมมม แกก็ไม่มีแผ่วเลยเนาะ
..."ปืนใหญ่ไม่ใช่ปืนคาบศิลาที่ว่ายิงข้ามแม่น้ำสะโตงเด็ดหัวแม่ทัพบนหลังช้างดั่งเช่นในหนังนะคะ
ยิงทีพลทหารตๅยเท่าไหร่
แม้แต่ช้างยังไม่รอด รถถังไม่ใช่หลังช้าง
และ "องค์ดำ"กับ "ฮุนเซน" ก็ไม่ได้นำทัพเหมือนในหนัง
เราเหล่าผู้คนชนชาวกะลาผู้มีทหารเป็นนักแสดง"...