
.....
Jaran Ditapichai
12 hours ago
·
ถึงผู้นำและเพื่อนๆในพรรคเพื่อไทย ควรสรุปได้แล้ว ทำไมพรรคจึงเปลี่ยนมาเป็นอนุรักษ์นิยมและจงรักภักดี เพราะกลัวกษัตริย์มากเกินไป แยกมิตรแยกศัตรูไม่ถูก หากลดลักษณะนี้ลง จะกลับมาเป็นพรรคที่เสรีนิยมก้าวหน้าได้อีก เพราะเคยผ่านการต่อสู้มายาวนาน
.....
Pavin Chachavalpongpun
16 hours ago
·
มาต่อค่ะ... เป็นเรื่องที่คนในวงการการเมืองและประชาชนทั่วไปสงสัยว่า ทำไมพรรคเพื่อไทยถึงไม่เรียนรู้บทเรียนที่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากศาลรัฐธรรมนูญ คือจะเห็นเลยว่าในตอนที่พรรคก้าวไกลโดนยุบพรรคหรือตอนที่ศาลตัดสินว่าการเสนอแก้มาตรา 112 เป็นการล้มล้างการปกครองเนี่ย ทางพรรคเพื่อไทยดูจะไม่ได้รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจอะไร คนของพรรค รวมทั้งนางแบกถึงกลับดูพอใจด้วยซ้ำเพราะมันทำให้คู่แข่งทางการเมืองอย่างพรรคประชาชนต้องถอยไปอยู่ข้างสนาม (ในรูปที่แนบมา มีคนบอกว่า แพทองธารเอามาแชร์ต่อในสตอรี่เมื่อตอนที่พิธาถูกแบนทางการเมือง) แต่พออำนาจในมือตัวเองเริ่มสั่นคลอนจากการวินิจฉัยของศาล ไม่ว่าจะเป็นกรณีสมัคร สมชาย ยิ่งลักษณ์ หรือเศรษฐา มาจนถึงแพทองธารในตอนนี้ พรรคเพื่อไทยก็กลับมาเป็นผู้ถูกกระทำอีกครั้ง (จริงๆ มีมากกว่านั้น ถูกยุบพรรคมาแล้ว 2 ครั้ง) แต่ที่น่าประหลาดใจคือพอมีอำนาจอยู่ในมือ ก็ไม่ได้ใช้โอกาสนั้นในการปฏิรูปหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เปิดช่องให้ศาลเข้ามาแทรกแซงทางการเมืองได้เลย ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าดาบนี้มันจะย้อนกลับมาทิ่มแทงตัวเองได้เสมอ ดิชั้นมองว่า นี่เป็นเพราะพรรคเพื่อไทยเลือกที่จะประนีประนอมกับขั้วอำนาจเก่าเพื่อรักษาอำนาจในระยะสั้นตามดีลที่ทักษิณทำไว้ แทนที่จะเลือกการต่อสู้เพื่อการปฏิรูปโครงสร้างในระยะยาว (ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น ทักษิณคงไม่ได้กลับบ้านแต่แรก) ซึ่งความเสี่ยงมันสูงกว่า และตอนนี้ก็กำลังจะเกิดขึ้นกับทักษิณเองอีกครั้งในคดีชั้น 14 ที่รออยู่ด้วย ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าสุดท้ายแล้ว เมื่อไหร่เพื่อไทย ติ่งทักษิณและเหล่านางแบกจะตระหนักได้ว่า ตราบใดที่กฎกติกามันไม่เป็นธรรม ทุกคนก็เป็นเหยื่อได้เสมอ ไม่เว้นแม้กระทั่งพวกตัวเอง
·
ถึงผู้นำและเพื่อนๆในพรรคเพื่อไทย ควรสรุปได้แล้ว ทำไมพรรคจึงเปลี่ยนมาเป็นอนุรักษ์นิยมและจงรักภักดี เพราะกลัวกษัตริย์มากเกินไป แยกมิตรแยกศัตรูไม่ถูก หากลดลักษณะนี้ลง จะกลับมาเป็นพรรคที่เสรีนิยมก้าวหน้าได้อีก เพราะเคยผ่านการต่อสู้มายาวนาน
.....
Pavin Chachavalpongpun
16 hours ago
·
มาต่อค่ะ... เป็นเรื่องที่คนในวงการการเมืองและประชาชนทั่วไปสงสัยว่า ทำไมพรรคเพื่อไทยถึงไม่เรียนรู้บทเรียนที่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากศาลรัฐธรรมนูญ คือจะเห็นเลยว่าในตอนที่พรรคก้าวไกลโดนยุบพรรคหรือตอนที่ศาลตัดสินว่าการเสนอแก้มาตรา 112 เป็นการล้มล้างการปกครองเนี่ย ทางพรรคเพื่อไทยดูจะไม่ได้รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจอะไร คนของพรรค รวมทั้งนางแบกถึงกลับดูพอใจด้วยซ้ำเพราะมันทำให้คู่แข่งทางการเมืองอย่างพรรคประชาชนต้องถอยไปอยู่ข้างสนาม (ในรูปที่แนบมา มีคนบอกว่า แพทองธารเอามาแชร์ต่อในสตอรี่เมื่อตอนที่พิธาถูกแบนทางการเมือง) แต่พออำนาจในมือตัวเองเริ่มสั่นคลอนจากการวินิจฉัยของศาล ไม่ว่าจะเป็นกรณีสมัคร สมชาย ยิ่งลักษณ์ หรือเศรษฐา มาจนถึงแพทองธารในตอนนี้ พรรคเพื่อไทยก็กลับมาเป็นผู้ถูกกระทำอีกครั้ง (จริงๆ มีมากกว่านั้น ถูกยุบพรรคมาแล้ว 2 ครั้ง) แต่ที่น่าประหลาดใจคือพอมีอำนาจอยู่ในมือ ก็ไม่ได้ใช้โอกาสนั้นในการปฏิรูปหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เปิดช่องให้ศาลเข้ามาแทรกแซงทางการเมืองได้เลย ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าดาบนี้มันจะย้อนกลับมาทิ่มแทงตัวเองได้เสมอ ดิชั้นมองว่า นี่เป็นเพราะพรรคเพื่อไทยเลือกที่จะประนีประนอมกับขั้วอำนาจเก่าเพื่อรักษาอำนาจในระยะสั้นตามดีลที่ทักษิณทำไว้ แทนที่จะเลือกการต่อสู้เพื่อการปฏิรูปโครงสร้างในระยะยาว (ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น ทักษิณคงไม่ได้กลับบ้านแต่แรก) ซึ่งความเสี่ยงมันสูงกว่า และตอนนี้ก็กำลังจะเกิดขึ้นกับทักษิณเองอีกครั้งในคดีชั้น 14 ที่รออยู่ด้วย ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าสุดท้ายแล้ว เมื่อไหร่เพื่อไทย ติ่งทักษิณและเหล่านางแบกจะตระหนักได้ว่า ตราบใดที่กฎกติกามันไม่เป็นธรรม ทุกคนก็เป็นเหยื่อได้เสมอ ไม่เว้นแม้กระทั่งพวกตัวเอง