ไม่ใช่ปาฏิหาริย์ ไม่ได้พลิกล็อคอะไร ‘ทักษิณ’ หลุดคดี ๑๑๒ ตามทำนอง ศาลอาญาพิพากษายกฟ้องวันนี้ คดีที่เขาให้สัมภาษณ์สื่อในเกาหลีใต้ ดูปฏิกิริยาของทักษิณแค่ยิ้มๆ ไม่ได้แสดงอาการตื่นเต้นเกินไป น่าจะคาดหวังไว้แล้วว่านอนมา
ไทยพีบีเอสรายงานว่า กลุ่มเสื้อแดงที่เชิดชูทักษิณไปยืนออกันอยู่หน้าประตูศาล (คดีนี้ศาลไม่ให้ประชาชนเข้าฟัง) “ส่งเสียงร้องแสดงความดีใจและโบกมือ” เมื่อรถของทักษิณแล่นผ่าน เนื่องจากทักษิณเดินทางกลับทันที ไม่มีการให้สัมภาษณ์ใดๆ
ในคำวินิจฉัยบางส่วน ศาลกล่าวถึงคลิปการให้สัมภาษณ์ซึ่งอัยการโจทก์ใช้ประกอบเป็นหลักฐาน นำบางส่วนของการให้สัมภาษณ์มาใช้อย่างจำกัด “ศาลเชื่อว่ามีคำสัมภาษณ์จริงที่มากกว่านี้” และ “โจทก์ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าคลิปตัดต่อหรือไม่
และคำพูดของจำเลยไม่ได้เจาะจงถึงพระมหากษัตริย์ จึงยกผลประโยชน์ให้จำเลย พิพากษายกฟ้อง” ต่อประเด็นนี้ Pavin Chachavalpongpun ได้วิเคราะห์ทั้งในแง่มุมของกฎหมายและด้านการเมืองเอาไว้ก่อนหน้าจะมีคำพิพากษาออกมา
เขาเจาะจง “คำว่า ‘palace circle’ ที่ทักษิณพูดในบทสัมภาษณ์ เป็นประเด็นสำคัญที่ก่อให้เกิดความคลุมเครือทางกฎหมาย อัยการได้ตีความว่าคำนี้สื่อถึงสถาบันพระมหากษัตริย์โดยรวม ซึ่งอาจรวมไปถึงรัชกาลที่ ๙” ด้วย
หากตีความกฎหมายอาญาอย่างเคร่งครัด ปวินบอกว่า “มาตรา ๑๑๒ คุ้มครองบุคคลเพียงแค่ พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ การจะนำไปขยายความครอบคลุมบุคคลนอกเหนือจากนี้” ทำไม่ได้ตามหลักการ
แต่ว่าศาลก็เคยตัดสินคดี ๑๑๒ เกินเลยหลักการไปหลายครั้ง เขายกตัวอย่างคดีที่ทหารฟ้อง สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ซึ่งวิจารณ์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ที่ไม่ได้รับการคุ้มครองโดย ม.๑๑๒ อย่างไรก็ดีศาลเคยตัดสินคดีหนึ่งว่า กม.นี้ครอบคลุมถึงบูรพกษัตริย์ในอดีตด้วย
ในทางการเมืองปวินเชื่อว่าการที่คดีนี้ถูกรื้อขึ้นมา เพราะมี “กลุ่มอำนาจ/อีลีทบางกลุ่มในประเทศ ไม่ได้เห็นด้วยกับการกลับมาของคุณทักษิณ...ต้องการสร้างข้อจำกัดทางการเมืองให้ทักษิณไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ” จึงใช้ ม.๑๑๒ เป็นเครื่องมือ
อีกประเด็น ปวินเอ่ยถึงเสียงวิจารณ์จากนักเคลื่อนไหวรุ่นใหม่ ที่ว่า การที่ทักษิณต้องมาเผชิญกับคดีนี้ด้วยตัวเอง “นี่คือผลของการไม่ยอมแก้ไขกฎหมายนี้...เมื่อพรรคเพื่อไทยโยนทิ้งนโยบายผลักดันการแก้ไขมาตรา ๑๑๒” ไปเสียดื้อๆ
(https://www.facebook.com/pavinchachavalpongpun/posts/ykLWptaJW และ https://www.thaipbs.or.th/news/content/355647)