Nithiwat Wannasiri
3 hours ago ·
#ย้อนรอย
อ่านบทสัมภาษณ์ "พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ"หรือ"ผู้การกองปราบ"ในขณะนั้น
ให้สัมภาษณ์ไว้กับASTVเมื่อ12ปีที่แล้ว
หลังนำกำลังชุดปิดล้อมปราบปรามเข้าจับกุม"อากงsms"
------
**แดงฮาร์ดคอร์ ตัวพ่อ สายปากน้ำ
อย่างไรก็ตาม กับคำกล่าวที่ว่า “อากง” ไม่มีใจฝักใฝ่กลุ่มคนเสื้อแดงและไม่น่าจะทราบเบอร์โทรศัพท์บุคคลสำคัญ แต่ข้อมูลจากฝ่ายสืบสวนทราบว่า “อากง” หรือนายอำพล คือคนเสื้อแดงระดับ “ฮาร์ดคอร์” สายปากน้ำ คนหนึ่งที่ถูกขึ้นบัญชีดำโดย กอ.รมน. และมักเข้าร่วมชุมนุมมั่วสุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงอยู่เป็นประจำ และสม่ำเสมอ โดยในที่ชุมนุมจะมีการแจกจ่ายใบปลิวเบอร์โทรศัพท์บุคคลสำคัญที่กลุ่มคนเสื้อแดงเกลียดชังเพื่อให้สมาชิกโทรไปด่าหรือส่งข้อความป่วน
“พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ” ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปราม (ผบก.ป.) หนึ่งในนายตำรวจที่นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ เข้าปิดล้อมซอยวัดด่านสำโรง หมู่ที่ 4 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เพื่อจับกุมตัว “อากง” ในวันนั้น ได้แสดงความคิดเห็นต่อกรณีดังกล่าวกับ ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ว่า
“ผมไม่สนใจว่าใครจะเสื้อแดง เสื้อเหลือง เสื้อเขียว วันนี้ผมมองว่า หนึ่ง-สิ่งที่ไม่ควรแตะต้อง ก็อย่าไปแตะต้อง เราก็รู้อยู่แล้วว่ามันไม่มีความเป็นจริง ไปแตะต้องทำไม เป็นสถาบันของชาติ ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่า คนไทยในปัจจุบันทำไมไม่นึกถึงอดีตกันบ้างว่าเราเติบโตในสัญชาติไทยมาได้อย่างไร แล้วทำไมต้องไปยุ่ง หรือต้องไปเชื่อ หรือจะต้องไปฟอร์เวิร์ด หรือต้องตามไปดู หรือต้องไปไลค์ (like) กัน ผมไม่เข้าใจ หรือจะไปมีประเด็นจะต้องไปพูดถึงทำไม
“ทำไมเมื่อเป็นคนไทย... คือการอ้างสิทธิเสรีภาพ มันใช่, ทุกคนอ้างได้อยู่แล้ว แต่ต้องถามว่าแล้วชาติไทยที่มีมาและอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ ชาติไทยเป็นชาติพิเศษไม่เหมือนชาติอื่น ก็น่าจะต้องรู้ว่าอะไรที่ควรไม่ควร ถ้าถามว่าการที่จะไปกระทำความผิด เมื่อกฎหมายเขียนว่าเป็นความผิด การบังคับใช้หรือการลงโทษลงทัณฑ์ก็ต้องมองไปที่การกระทำนั้นๆ ว่ามันเป็นสิ่งที่บัญญัติออกมาใช้ในยุคนั้นสมัยนั้น ถ้าย้อนกลับไปสักร้อยสองร้อยปี ผมถามว่าคนประเภทนี้จะถูกทำอะไร คำตอบก็คือ 'เด็ดหัวทิ้ง' ก็กลับข้างดูสิ
“แต่ในสังคมไทย ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าเรามีชาติกำเนิดเกิดขึ้นมาบนแผ่นนี้ด้วยใคร ต้องถามเลย ไม่ใช่แค่ด้วยพ่อแม่ของตัวเองสองคน เสื่อผืนหมอนใบ แล้วเข้ามาในประเทศ แล้วบอกว่า เฮ้ย! กูทำมาหากินของกู กูเติบโตมาได้ก็เพราะกู แต่ความจริงมันไม่ใช่ ความตระหนักตรงนี้มันไม่หยั่งลึกเข้าไปในจิตสำนึกของเขา แม้ผมไม่ได้เกิดในยุคนั้น ผมยังมีความสำนึกเลยว่า บรรพบุรุษในสมัยอดีตกว่าจะได้ผืนแผ่นดินนี้มา ต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อและเลือดจริงๆ ลองนึกภาพกลับไปดู คุณอาจจะนึกภาพออกก็ได้
“มันจะเอาความรู้สึกที่ว่า กูเกิด ณ แผ่นดินนี้ เวลานี้ ความเป็นประชาธิปไตย ความเป็นเสรีภาพ โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว อย่างนั้นมันก็ต้องกลับไปอยู่อีกชาติหนึ่งแล้ว หรือคุณก็ตายชาตินี้แล้วคุณไปเกิดอีกชาติหนึ่งก็แล้วกัน คุณไปรอชาติที่มันเปลี่ยนเป็นอย่างที่คุณอยากได้ มันก็กลับข้างกัน คุณต้องคิดบ้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องอยู่ด้วยบริบทของกติกาของสัมคม ก็คือกฎหมายที่มาใช้บังคับ... ทีนี้ การกระทำที่อากงเขาทำ มันไปถึงชั้นศาลแล้ว มันเป็นกระบวนการที่ผ่านกระบวนการอันชอบธรรมที่กฎหมายบัญญัติไว้ มันก็สู่กระบวนการโดยชอบแล้ว”
ถามว่ามีการกลั่นแกล้งไหม พล.ต.ต.สุพิศาล ตอบชัดถ้อยชัดคำว่า “ไม่มีแน่นอน! ผมก็จับคนทุกคนที่มีพยานหลักฐานที่ทำผิดและมีกฎหมายบัญญัติไว้ แต่ผมทำเท่าที่มีหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินคดีได้”
และกับกรณีที่หลายคนออกมาเรียกร้องว่า “อากง” ถูกรังแก ไม่ได้รับความเป็นธรรม และได้รับโทษที่รุนแรงเกินไป พล.ต.ต.สุพิศาล ให้ความเห็นว่า...
“อันนี้ข้อเท็จจริงต้องพิสูจน์สิว่า ตอนนี้มันถึงชั้นศาลไปแล้ว มันถูกตัดสินไปแล้ว แล้วกระบวนการมันไม่ได้หยุดแค่นั้น ยังมีถึงศาลฎีกา คุณก็ต่อสู้ไปในกระบวนการ ถามว่าถ้าคนมันไม่มายุ่ง หรือไม่ทำอะไร มันจะติดคุกไหม ผมอยากจะรู้ คุณทำมาหากินโดยอาชีพสุจริต โดยไม่แสดงความคิดเห็นแบบนี้ เรื่องนี้ก็รู้ๆ อยู่แล้วว่าไอ้สิ่งที่คนมันพูดมันไม่ใช่ เจ้านายของเราดีทุกพระองค์ มันทำไมต้องไปกล่าว... ผมไม่เข้าใจ
“ส่วนที่บอกว่าโทษรุนแรงเกินไปหรือเปล่า ทำกับคนแก่ มันเป็นดุลพินิจของทางผู้ที่ลงโทษ ไม่ใช่ดุลพินิจของตำรวจ แต่ถามผมก็คือ แล้วเหตุอันที่ควรกระทำ มันทำซ้ำไหมล่ะ ทำหลายๆ ครั้งหรือเปล่า ถ้าทำครั้งเดียวแบบเข้าไปลักของในซูเปอร์มาร์เก็ต เพราะอุ้มลูกไปต้องหานมให้ลูกกิน มันก็มีเหตุผลยอมรับได้ว่าเหตุหรือแรงจูงใจเป็นยังไง แต่นี่พิสูจน์แรงจูงใจ มันทำซ้ำแล้วซ้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีก! มันทำทำไม ถามว่าทำแล้วรู้หรือไม่, รู้! แล้วรู้ครั้งที่หนึ่ง รู้ครั้งที่สอง รู้ครั้งที่สาม รู้ครั้งที่สี่ รู้ครั้งที่ร้อย มันเป็นความผิดไหม มันต้องกลับไปขนาดนี้ ไม่ใช่คิดว่าแค่ปลายนิ้วกู ไม่มีใครเห็นกู กูอยู่หน้าจอ กูจะดูอะไรก็ได้ กูจะทำอะไรก็ได้ คิดว่าไม่มีใครรู้ คนที่อยู่ในหน้าจอทุกจอของโลกเสมือนคิดว่าตัวเองถูกบังด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ คิดว่าไม่มีร่องรอยของหลักฐาน คิดว่าไม่มีใครเห็นตัวตน
เรื่องที่เกิดขึ้น พล.ต.ต.สุพิศาล บอกว่าต้องกลับไปดูกำพืดของเขาว่าทำไมเขาถึงเข้ามาสู่...
“แรงจูงใจมากกว่าที่ทำ อันนี้ถ้าพูดถึงแง่กฎหมาย การตัดสินคนมันต้องตัดสินด้วย มูลเหตุ หรือแรงจูงใจของการกระทำผิด และแรงจูงใจนั้นเป็นแรงจูงใจที่ถูกหลอกมาไหม เป็นแรงจูงใจที่ถูกกระตุ้นโดยอะไร เป็นแรงจูงใจที่ถูกสะสมมาในชีวิตของตัวเองหรือเปล่า ถูกใช้เป็นเครื่องมือไหม มันก็ต้องมี บางทีผมอาจจะตกเบ็ดล่อเหยื่อคุณก็ได้ มันก็มีหลายประเด็น คุณอยากตกเป็นเหยื่อทำไมล่ะ”
อย่างไรก็ตาม กรณี “อากง” พล.ต.ต.สุพิศาล บอกว่าตำรวจทำเท่าที่มีพยานหลักฐาน
“ผมยืนยันว่าผมเป็นผู้การที่นี่ ผมไม่ใส่ไข่ ผมยืนอยู่บนความที่ตรงต่อหน้าที่ อะไรได้มาเราก็ได้มาเท่านั้น ผู้ต้องหาอยากหักล้างก็เอามา เราก็ให้หักล้าง แล้วเราให้สิทธิตามกฎหมายที่พึงได้ในยุคประชาธิปไตยเต็มที่ เรียนยืนยันไว้ตรงนี้เลย
“ผมก็มีหน้าที่ ทำไปตามหน้าที่ของกฎหมาย ผมไม่ว่าแดงว่าเหลือง ผมบอกให้ นามสกุลผมเขียนว่า 'ภักดีนฤนาถ' นฤนาถ คำนี้แปลว่า 'เจ้าเหนือหัว' ดูเอาก็แล้วกัน ชีวิตผมมีแค่นั้นล่ะ” ผู้การกองปราบ กล่าวทิ้งท้ายด้วยเสียงดังหนักแน่น
ที่มา : [https://mgronline.com/daily/detail/9540000160360]
.....
หลานๆเอ๊ย...อากงได้รับอิสรภาพแล้ว
Suwanna Tallek
18 hours ago·
#8พฤษภา2555
#12ปีที่อากงได้รับอิสรภาพ
#8พฤษภา2567