เรื่องเล่าในจดหมายอานนท์ฉบับวันที่ ๒๙ พฤษภา มีทั้งชวนให้สลดสุดๆ กับจิตสำนึกในกระบวนยุติธรรมไทย ระคนไปกับความเอน็จอนาจต่อสติสตังของผู้พิพากษาบางคน สมแล้วที่เขาว่ากะลาแลนด์
อานนท์โพสต์ว่าแม่ของปราณและขาล เขียนไปเล่าให้เขาฟังเรื่องไปสังเกตุการณ์คดี ๑๑๒ ที่ศาลอาญาตลิ่งชัน คดีของ ธนพร แม่ลูกอ่อนวัย ๒๓ ปี ซึ่งโดนข้อหาแสดงความคิดเห็นใต้โพสต์ผู้อื่น ซึ่งแพร่ภาพตัดต่อของรัชกาลที่ ๙ และ ๑๐
คดีนี้แรกทีเดียวศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก ๔ ปี แต่เห็นว่าผู้ต้องหายอมสารภาพแต่โดยดี และไม่เคยต้องโทษมาก่อน จึงลดโทษเหลือ ๒ ปี และให้รอลงอาญา ทว่า ชวลิต อิศรเดช รองประธานศาลอุทธรณ์ภาค ๑ ซึ่งไปช่วยงานศาลตลิ่งชันชั่วคราวเห็นแย้ง
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ธรพรเรียนจบ ม.ศ.๓ ย่อมต้องรู้ความสำคัญสถาบันกษัตริย์ไทย การกระทำของจำเลยบังอาจไม่บังควร “อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสถาบันกษัตริย์ และความมั่นคงของรัฐ” ต้องให้รับโทษจำคุกจึงสาสมหลาบจำ
พอถึงการตัดสินฎีกาเมื่อ ๒๗ พฤษภา ศาลพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ นพรต้องถูกพรากไปจากลูกน้อยสองคน วัยเกือบ ๒ ขวบและ ๖ เดือน แต่ละคนแยกไปให้ญาติต่างกันดูแล อานนท์โพสต์ถึง “คืนที่สามของธนพรในเรือนจำ” ว่า
“น้ำนมในอกคงคั่งค้างอย่างมหาศาล เป็นความเจ็บปวดทางกายภาพที่หนักหนาแต่สำหรับทางจิตใจ ผู้หญิงหลังคลอดมีความเครียดมากพอสมควรแล้วจากการเลี้ยงลูก ทั้งยังเสี่ยงเป็นซึมเศร้าหลังคลอดได้” เขารับรู้เรื่องราวด้วยความจุกอก
ก็ยังดีที่มีอีกเรื่อง ‘ตลก’ มาเล่าว่าระหว่างที่เขาติดคุกมาหลายเดือนนี้ ได้ออกศาลว่าความหลายครั้ง เนื่องจากสภาทนายมีหนังสือยืนยันไปถึงศาลให้เขาว่าความได้ ก็ไม่วายมีผู้พิพากษาบ้องตื้น สติตัน สั่งห้ามเบิกตัวอานนท์ไปว่าความ
อ้างว่าเวลาอานนท์ไปทำหน้าที่ทนาย แต่งกายไม่สุภาพ เพราะเขาต้องสวมชุดนักโทษ มีโซ่ล่าม อานนท์ได้แต่บอกว่า “ก็ตลกดี” แต่อย่างเราๆ คงอดไม่ได้ที่จะอุทานว่า “สาร (ไม่ดี)”
(https://www.facebook.com/permalink.=100000942179021 และ https://tlhr2014.com/archives/67261)