อีกวัน #ให้มันจบที่รุ่นเรา จะเรียกม็อบอะไรสุดแท้ แต่มัน #วันต่อวัน มาตลอดอาทิตย์โดยไม่ต้องกำหนดล่วงหน้า เสร็จจากคืนนี้แค่บอกเจอพรุ่งนี้ รุ่งขึ้นค่อยแจ้งสถานที่ อย่างน้อยสามสี่จุด ที่ไหนท่าไม่ดีเปลี่ยนใหม่หรือย้ายไปสมทบที่อื่น
บ้างเรียกว่า #ม็อบอารยะ เนื่องจากมีการจัดระเบียบอย่างอัตโนมัติ “หมวกกันน็อคกับร่มสาธารณะ ผลัดกันใช้ ใครสะดวกเอากลับบ้านก็เอากลับไปแล้วเอามาใหม่เวลามีม็อบ ถ้าไม่สะดวกทิ้งเอาไว้ จะมีคนเก็บไว้แจกครั้งหน้า”
ซ้ำยุติรวดเร็ว เก็บกวาดสะอาด ดัง Noppakow Kongsuwan โพสต์เมื่อวาน “โคตรไว! ม็อบ ‘คณะราษฎร’ แยกอโศก ประกาศยุติชุมนุม ๑๙.๔๐ และสามารถใช้ถนน ๑๐๐% ได้ในเวลา ๑๙.๕๐ น.” ในบริเวณที่รู้กันดีว่าเป็น “แยกที่รถเคลื่อนตัวได้ทีละมิลลิเมตร”
พวกเขาใช้เวลาเคลียร์พื้นถนนทั้งสิ้น ๑๐ นาที ซ้ำ “ผู้สื่อข่าวพยายามมองหาขยะ พบว่ายังไม่เห็น” ทั้งที่เมื่อเวลา ๕.๕๖ เย็น ผู้ชุมนุมยึดพื้นที่ทั้งสองฝั่งถนนตรงแยกอโศกมนตรี ปิดสนิทการจราจร เช่นกันกับจุดหลัก อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
ซึ่งเพจเยาวชนปลดแอกแจ้งจุดนัดเมื่อก่อนสี่โมงเย็นเล็กน้อย ซึ่งการชุมนุมเป็นไปอย่างราบเรียบ ไม่มีแกนนำและผู้ปราศรัยหลัก แต่ผู้ชุมนุมผลัดกันขึ้นปราศรัยเวทีย่อยๆ กระจายทั่ว “ใช้โทรโข่งและการสื่อสารด้วยการตะโกนบอกกันต่อๆ ไป”
และหากจะนับรวมผู้ชุมนุมทั้งสิ้นตามจุดต่างๆ ทั่วประเทศ จะได้นับล้าน รวมทั้งบางใหญ่ (นนทบุรี) รังสิต (ปทุมธานี) สำโรง (สมุทรปราการ) ลานมังกร (ภูเก็ต) บ้านฉาง (ระยอง) อนุสาวรีย์ ปชต. (ขอนแก่น) ศาลากลางเก่า (ปราจีนบุรี) ศาลหลักเมือง (สิงห์บุรี) และบายพาส (สระบุรี)
เยาวชนปลดแอก-Free YOUTH โพสต์ย้ำ “มันจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีวันหยุด...เพราะไม่มีอำนาจใดยิ่งใหญ่ไปกว่าประชาชน นี่คือการเคลื่อนไหวของประชาชน ที่ไม่ว่าสิ่งใดก็ไม่อาจหยุดยั้งได้” พร้อมทั้งภราดรภาพขยายไปทั่วโลก
แอล.เอ.สหรัฐ คนเกินร้อยไปปักหลักหน้าสถานกงสุลใหญ่ ส่วนใหญ่วัยยี่สิบกว่าถึงสามสิบกว่า มีรุ่นแก่ไปแจมนับสิบ โดยอดีต ส.ส.สุนัย จุลพงศธร คว้าโทรโข่งช่วยปราศรัยแทรก รักษาสมดุลต่างวัย ที่นอร์เวย์นัดกันวันนี้ ๑๙ ตุลา หน้าสถานทูตไทยกรุงออสโล
มาเลเซียเอาด้วย “แนวร่วมสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมาเลเซีย จะจัดกิจกรรมจุดเทียนออนไลน์ ในวันอังคารที่ ๒๐ ตุลาคมนี้ ๒ ทุ่มตามเวลาท้องถิ่น เพื่อสนับสนุนการต่อสู้ประชาธิปไตยในไทย” Sa-nguan Khumrungroj สำนักข่าวหงวน จัดให้
ที่บางใหญ่ ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ สาธยาย “แค่ได้เข้าไปยืนในที่ชุมนุม แล้วร่วมตะโกน I hear Too ๆ ๆ เหมือนได้ระบายความเกลียดชังรัฐประหารที่ทำลายชาติไทยของเรามานานถึง ๗ ปี ยิ่งร่วมตะโกนยิ่งรู้สึกฮึกเหิม แล้วก็หันมายิ้มมาหัวเราะให้กัน”
ปรากฏการณ์ค่อนข้างใหม่ “๓ นิ้วเป็นเหตุ สังเกตุได้ ไอ้ here too” ทำให้เหล่าอาชีวะ “ช่างอุต ราชสิทร กรุงธน เทคโนนครปฐม ศูนย์ จะมาอยู่ในจุดเดียวกันใส่เสื้อสีใครสีมัน ไม่รู้จักแต่ไม่ตีกัน บางคนที่มาเป็นคู่อริกันด้วยซ้ำแม่งยิ้มชู ๓ นิ้วให้กู” (นอร์ เดนส์ กับ สิงหา ไพฑูรย์)
ผลออกมา เฮ้ย แม่งร่วมกันประกาศว่า ถ้าตูบออกไป “กูจะไม่ตีกันอีกเลย” อย่างนี้ก็มี แต่ที่ซึ้งยิ่งนักก็น้องนักเรียนหญิงคนหนึ่ง หลบเข้าข้างๆ ก้มหน้าคุยกับแม่บนไอแพดเสียงดังลั่น “แม่ช่วยดีใจที่หนูได้ทำหน้าที่ของความเป็นคนได้ไหม หนูรู้ว่าหนูมีค่า
...แม่อย่าโกรธหนูเลย โกรธคนที่มันทำต่อคนอื่นเยี่ยงหมูเยี่ยงหมาดีกว่า” กลายเป็นข้อคิดในสภาพการณ์ที่คนรุ่นเหนียงยาน “ไม่รู้จะทำยังไงกับลูกที่มีความคิดแตกต่างทางการเมืองกับตัวเอง” เลยออกลาย ไล่ลูกออกจากบ้าน บ้างเขียนไลน์บอกลูก “กูรอเก็บศพมึง” (Pum Sakuntala)
รายนี้ ‘Rodjaraeg Wattana’ เล่าเรื่องเมื่อวันก่อน “ในม็อบมีเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ยืนพูดว่า เค้าหนีพ่อแม่มาม็อบ เพราะพ่อแม่ไม่เข้าใจ ขณะที่กำลังพูด มีคนวิ่งมากอด พอก้มลงดูทายซิใคร น้องสาวเค้าเอง ทั้งม็อบอึ้งไปเลย”
แต่ปัญหาอย่างนั้นไม่ใช่ข้ออ้างเพื่อการครอบงำให้เด็กอัดอั้นอยู่ในกรอบแห่งกะลาธิปไตย การบังคับให้ลูกๆ ทำตัวเป็นมนุษย์สมองฝ่อจนตราบเท่าที่ชีวิตพ่อแม่จะหาไม่ เป็นเพียงความสุขที่ได้อย่างใจของคนที่อนาคตมีแต่เชิงตะกอน
กลับปิดกั้นอนาคตของไม้ผลิใบ ซึ่งควรได้โอกาสเติบโต แตกช่อ ผุดหน่อ สืบสานเผ่าพันธุ์ด้วยความเจริญแห่งสติปัญญาและวิทยาการ ในเมื่อคนที่เป็นผู้ปกครองในวันนี้ “ขาดวุฒิภาวะ...ไม่มีการปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น ไม่เป็นแบบอย่างและแรงบันดาลใจที่ดีให้แก่เยาวชน”
(https://www.facebook.com/groups/212581036015362/permalink/732130454060415/, https://www.facebook.com/waymagazine/posts/10157339843726456 และ https://www.facebook.com/Anantra14/posts/3938531246158125)