เอาวะ แต่ไรมาตำแหน่ง ผบ.สส.ถึงจะใหญ่กว่า แต่มักจะยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ห่างๆ ข้างหลัง ผบ.ทบ. เพราะเวลายึดอำนาจต้องคนนี้ แต่ตอนนี้เป็นยุคที่ตะหานหย่ายๆ ต้องใช้ศัพท์แสง ‘ประชาธิปไตย’ ให้คล่อง สส.พูดแล้ว ‘ไม่ปฏิวัติ’ ทบ.พูดบ้าง ‘ไม่รัฐประหาร’
แล้วยัง พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ย้ำว่าเดี๋ยวนี้โอกาสในการยึดอำนาจโดยทหารเป็นศูนย์ แม้กระทั่งถึงขั้น ‘ติดลบ’ เสียด้วย แถม ‘ยัน’ อีกว่า “ประเทศไทยเป็นประเทศที่ดี อุดมสมบูรณ์ มีเสรีมากที่สุด แต่การใช้เสรีภาพต้องเคารพกฎหมาย”
ผบ.ทบ.คนนี้ก็นักกฎหมาย (สาย จปร.) ไม่ด้อยกว่าบิ๊กแก้ว บิ๊กแดง เชียวนะ มาพร้อม ‘คำคม’ เช่นกัน “ชี้ข้อเสนอ ๑๐ ข้อของ นศ.เป็นการปฏิรูป แต่แนะไปปฏิรูปตัวเองก่อน แล้วค่อยไปบอกคนอื่น” (อันนี้โคว้ตจาก @KhaosodOnline) ต้อง หูยยย
‘บิ๊กบี้’ ของ Prachaya Nongnuch บอก “สานต่อนโยบาย พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีตผู้บัญชาการทหารบกที่ได้ดำเนินการมา” ก็เลยปากคอเราะรายไม่น้อยหน้า ในเมื่อนโยบายหลักใหญ่ ของ ผบ.คนก่อน‘ยัง’ ไม่สำเร็จการปฏิรูปกองทัพน่ะ
“ก็คือการแก้ไขสิ่งที่ยังไม่ถูกต้อง ทำให้ถูกต้องเหมาะสม ซึ่งที่ผ่านมากองทัพบกก็ทำมาตลอด เพียงแต่ต้องใช้เวลา ไม่ใช่แก้ได้เพียงข้ามคืน ข้ามวัน ข้ามเดือน” ทั่น ผบ.ตกไปคำหนึ่ง ที่จริงมันข้ามหลาย ‘ปี’ (หรือ ‘ลืมไป’ ไม่ได้ทำก็ไม่รู้นะ)
แต่ก็เอาเถอะ ไหนๆ สัญญาว่าจะ “พัฒนากองทัพบกไปสู่อนาคต” แบบว่า ใช้ ‘แอปพลิเคชั่น’ สายตรงไรนั่น สื่อสารโดยตรงระหว่างผู้บังคับบัญชากับผู้ใต้บังคับบัญชา โฮ้ย เหมือนสั่งกาแฟ ‘สตาร์บั๊ค’ สั่งอาหาร ‘ฟู๊ดแพนด้า’ นั่นเลย ก็เอาวะ
แต่พวกที่เขาไปสู่อนาคตกันตั้งนานแล้ว ยังแคลงใจกันอยู่นะฮะ ทั่น ผบ.ทบ.ต้องลองฟังนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดาวปราศรัยอย่าง ธีรชัย ระวิวัฒน์ ดูบ้างไม่เสียหลาย จะได้ยินอะไรดีๆ ที่ไม่พูดกันใน จปร.
‘แช้มป์ ราชบุรี’ เขาขึ้นพูดในรายการของสถาบันปรีดี พนมยงค์ เนื่องในโอกาสครบรอบ ๔๔ ปี เหตุการณ์รุมฆ่านกพิลาปในกรง เมื่อ ๖ ตุลา ๑๙ เขาพูดถึง ‘วาทกรรม’ ต้นเหตุโศกนาฎกรรมครั้งนั้น ที่ว่านักศึกษาเป็นพวก ‘หนักแผ่นดิน’ เดี๋ยวนี้เรียก ‘ชังชาติ’ บริบทเดียวกัน
“ถ้าพวกท่านบอกว่า ผมคือคนชังชาติ นั่นหมายความว่าพวกท่านยอมรับ ว่าในชาติมีอะไรที่น่าเกลียดน่าชัง” เขาพาดพิงถึงสิ่งที่ “ผู้ใหญ่ชี้หน้าบอกเด็กพวกนี้โง่ ถูกล้างสมองมา ผมก็จะยืดอกรับอย่างจริงใจว่า ‘จริงครับ’ พวกผมถูกล้างสมองมาหลายปี”
ธีรชัยสาธยายได้เห็นภาพจะแจ้งเลยว่า “เครื่องมือล้างสมองพวกผมนั้นคือหลักสูตรและระบบการศึกษา” ผ่านทางกระทรวงศึกษาธิการนั่นไง ตั้งแต่เล็กจนโต ตอนเด็กก็หลอกว่าโรงเรียนคือบ้านหลังที่สอง สุดยอดและปลอดภัย แต่แล้วเป็นไง
พอเข้ามหาวิทยาลัยก็ถูกหลอกอีกว่า สถานที่แห่งนี้ “มีเสรีภาพทุกตารางนิ้ว แต่เอาเข้าจริง” บร๊ะ “ไม่สบายใจต่อการใช้เสรีภาพของนักศึกษา” เสียนี่ พอเรียนจบถูกหลอกให้รอรับปริญญา (จนเที่ยงคืน ตีสอง ก็มี) ยิ่งตอนที่เกี่ยวกับกองทัพนี่ถูกแหกตาเละ
“ถูกหลอกว่าการไปเกณฑ์ทหาร คือการรับใช้ชาติ จริงๆ แล้ว เอาพวกผมไปรบกับหญ้า ฆ่ากับมด เลี้ยงไก่ ซักกางเกงในให้เมียนายพล” เฮ้ อันนี้ ผบ.ทบ.ไม่ยักพูดถึงว่ะ พวกนักข่าวก็ช่างกระไรไม่ยักถามทั่นบ้าง เอาแต่ถามเรื่องจะปฏิวัติ ทำเป็นเรื่องปกติไปฉิบ
‘แช้มป์’ บอกว่า สังคมมันย้อนแย้ง เมื่อตอนจะให้เมืองไทยเป็น ๔.๐ ก็ว่านักเรียนนักศึกษาต้องคิดนอกกรอบ พอตอนนี้พวกเขาคิดเห็นแล้วแจ้งให้ทราบ ดันว่า ดื้อด้าน หัวกบฏ ชังชาติ ซ้ำร้ายมีพวกรู้ปัญหาแต่ทำเป็นไม่ใส่ใจ กลับชี้หน้าด่า
“หาว่าชอบชี้แคะแกะเกาแต่เรื่องไม่ดี” ซะนี่ “รับจ้างคนข้างบ้านมาหรือ เกลียดบ้านตัวเอง ชังบ้านตัวเองใช่ไหม ไม่รักบ้านก็ออกจากบ้านนี้ไป นี่มันบ้านของพ่อ อ้าว อิหยังวะ” เขาถึงได้บอก “ตรรกะมันไร้สาระมาก...เราที่ชังชาติ หรือชาติที่น่าชัง” กันแน่
ในบริบทของ ๖ ตุลา และพฤษภา ๕๓ วาทกรรม ‘หนักแผ่นดิน/ชังชาติ’ มีคนจำนวนมากถูก ‘ล้อมฆ่า’ “อย่างชอบธรรมและเป้นระบบ...เรามีบทเรียนมาแล้ว ท่านอยากให้มันจบอย่างนั้น (อีก) หรือ” เป็นคำถามที่ยังคงต้องจ่อไมค์ใส่ปาก ผบ.ทั้งหลาย
“ไม่ว่าเราจะเป็นคนชังชาติ หรือเป็นคนรักชาติ สุดท้ายเราทั้งหมดเป็น คน ‘ร่วมชาติ’...ต้องอยู่ร่วมกันในสังคมแห่งนี้ ลดทิษฐิเสียบ้าง...เรามาช่วยกันทำให้ความน่าชังในชาติลดลง เมื่อไหร่เมื่อนั้น จะไม่มีหนักแผ่นดินและชังชาติอีกต่อไป”
ตราบเท่าที่ วาสนา นาน่วม และ ปรัชญา นงนุช ช่วยสื่อสารให้ทั่นๆ ผบ.ทั้งหลายได้สำเหนียกกันไว้บ้าง
(https://www.youtube.com/watch?v=2u-Y1KKUZyg&feature=youtu.be และ https://www.facebook.com/100000692431266/posts/3708377699195275/?extid=0&d=n)