วันเสาร์, ตุลาคม 17, 2563

ฉีดน้ำกำลังแรงผสมสารเคมีใส่ผู้ชุมนุม ผิดตั้งแต่เริ่มคิดแล้ว เพราะเป็นการใช้โดย ‘ไม่สมเหตุสมผล’


กำลังตำรวจชายแดนเข้าสลายการชุมนุมโดยสันติของนักเรียน นักศึกษา ประชาชน ที่แยกปทุมวันเมื่อคืน ๑๖ ตุลา ด้วยเครื่องฉีดน้ำกำลังแรงผสมสีสารเคมี อันทำให้แสบผิวแสบตา เป็นอีกหลักฐานการประกอบอาชญากรรมต่อประชาชน โดยรัฐบาลเผด็จการไทย

ไม่ว่าจะแถลงแอบอ้างอย่างใดว่าเป็นมาตรการปราบปรามตามมาตรฐานสากล “ตั้งใจแยกแยะผู้ชุมนุม เพื่อดำเนินคดีในอนาคต ไม่มีอันตราย...ใช้น้ำล้างออกได้” แต่การนำมาตรการนี้มาใช้ก็ผิดตั้งแต่เริ่มคิดแล้ว เพราะเป็นการใช้โดย ไม่สมเหตุสมผล

ประการแรกเลยทีเดียว การฉีดใส่ดะไปหมด ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าผู้ที่ถูกฉีดเป็นผู้ชุมนุมที่ไม่ยอมลดละ หรือเด็กนักเรียนซึ่งยืนรอรถเพื่อจะกลับบ้าน รวมทั้งนักข่าว ช่างภาพ ที่ไม่สามารถหลบไปที่ไหนได้ทัน อีกประการสารเคมีนั้นล้างด้วยแอลกอฮอลก็ยังออกไม่หมด

นะโมตัสสะนักรบไซเบอร์ฟากประชาชนรายหนึ่งโพสต์ภาพให้เห็นสีจางบนแผ่นหลังสตรี ชี้ว่า “ถ้าใช้แอลกอฮอล์ สีจะจางลงแบบนี้ เจ้าค่ะ (แต่ไม่หาย) ขอบคุณรัฐบาลจีน ที่มอบยุทธภัณฑ์ให้เผด็จการไทย มาทำร้ายเยาวชน”

ขณะที่นักข่าวบางคนยืนยัน “ว่ามันคือแก๊สน้ำตา (ผสมน้ำ) เพราะจากประสบการณ์เราทำข่าวสลายการชุมนุมม๊อบมา ๔-๕ ครั้ง มันใช่อย่ามาปฏิเสธ” แต่ A Stupid Chemist @Palmarine128 แนะให้ว่ามันเป็น Methylene Blue ใช้วิตามินซีทา จะทำให้สีหายไวขึ้น


จะอย่างไรก็ตาม ตำรวจก็ไม่ควรฉีดน้ำอย่างนั้นใส่การชุมนุมโดยสงบ “พวกหนูไปมือเปล่า พวกหนูไม่มีอะไร พวกหนูแค่ต้องการเสรีภาพ ทำไมต้องทำร้ายกันด้วย” เป็นโพสต์พร้อมคลิปของเด็กนักเรียนกลุ่มหนึ่งในเหตุการณ์

ที่ซึ่ง แอมเนสตี้ อินเตอร์แน้ทชันนัล แถลงว่า “ถือเป็นการคุกคามเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมอย่างสงบ และเป็นการปราบปรามการชุมนุมที่ไม่เป็นธรรม” ตัวอย่างมีมาแล้วในเกาหลีใต้เมื่อปี ๒๕๕๘ เบก นัมจี ชายสูงอายุล้มป่วยและเสียชีวิตสิบเดือนต่อมาด้วยความแรงของน้ำ

แท้จริงแล้วรัฐบาลไม่จำเป็นต้องประกาศใช้อำนาจเบ็ดเสร็จควบคุมสถานการณ์ฉุกเฉินอะไรเลย ก่อนหน้านี้ เคลมองต์ วูล ผู้ตรวจการพิเศษแห่งสหประชาชาติ ด้านสิทธิเสรีภาพในการชุมนุม “แสดงความกังวลเกี่ยวกับการปราบปรามผู้ประท้วง”

ว่า รัฐบาลไทย “จำเป็นต้องอนุญาตให้ผู้ประท้วงได้ใช้สิทธิของพวกเขา และหาทางเจรจา ไม่ใช่กดขี่พวกเขา” พร้อมทั้ง โจชัว หว่อง แกนนำต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในฮ่องกงแชร์คลิปตำรวจไทยฉีดน้ำใส่ผู้ชุมนุม กระตุ้น “ชาวฮ่องกงและชาวโลกกรุณายืนเคียงข้างชาวไทย”  

แน่ละ ข่าวนี้ได้กระจายออกไปแล้วทั่วโลก อันมีประชากรอย่างน้อยๆ เป็นพันล้าน ที่เห็นภาพวิดีโอแล้วเข้าใจได้ทันทีว่านั่นคือการกดขี่ข่มเหงประชาชน โดยเฉพาะผู้ประท้วงส่วนใหญ่เป็นอนุชนรุ่นใหม่ผู้ต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมเพื่ออนาคตที่ดีกว่า

กอร.ฉ.หน่วยงานภาวะฉุกเฉินที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งขึ้นมาเพื่อใช้อำนาจเบ็ดเสร็จอย่างเผด็จการ อ้างว่าต้องสลายชุมนุมแบบนั้น “เพราะมีผู้ฝ่าฝืนกฎหมาย จนท.ประกาศให้ยุติไปหลายครั้ง แต่ผู้ชุมนุมไม่ยอมถอย” หลักสากลแบบบิดาพวกทั่นสิ ถ้าไม่ถอยต้องทำร้าย

อีกทั้งยังมีประกาศจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ ห้ามนำ “ยานพาหนะที่มีลักษณะคล้ายเวที หรือ...ที่บรรทุก/ติดตั้งเครื่องขยายเสียง...เครื่องกำเนิดไฟฟ้าเคลื่อนที่ รถสุขาเคลื่อนที่”

แม้กระทั่ง “ยานพาหนะที่บรรทุกเครื่องอุปโภคบริโภค เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ชุมนุม” ก็ไม่ให้เอาเข้าไปบริการทั้งนั้น รวมทั้ง “ยังให้อำนาจเจ้าหน้าที่ในการยึดหรืออายัด ยานพาหนะรวมถึงสิ่งของต่างๆ ดังกล่าวได้อีกด้วย”


มิน่าเด็กๆ ที่ไปร่วมชุมนุมถึงได้บอกว่าทำอย่างนี้ ตำรวจใช่มนุษย์หรือเปล่า เสร็จแล้ว ๒๒.๕๓ น.หลังสลายการชุมนุม ผบ.ตร.เข้าพื้นที่เยี่ยมเยียนบรรดาตำรวจผู้ปฏิบัติการซึ่งมาจากต่างจังหวัด พล.ต.อ. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข คนนี้ท่าทีโลกสวยมาก

ถามตำรวจผู้น้อยกว่าว่า “พาลูกน้องมาดูรถไฟฟ้าชอบไหม” ตำรวจนายนั้นตอบว่า “ชอบครับ” ก็ถามต่อ “คราวหน้ามาอีกไหม” ได้คำตอบว่า “นายสั่งก็มาครับ” โหยตำหวดไทยยุคคอแดงนี่ การไปปราบปรามทำร้ายผู้ชุมนุมเป็นเรื่องสนุกสนานนิ

สรุปงวดนี้ ไม่มีอะไรดีกว่า “กลอน (ไม่) สุภาพ” ของ Akkharaphong Khamkhun ที่ว่า “พ่นน้ำพิษ จิตใจทราม ตามวิสัย รัฐจัญไร ไร้น้ำยา ห่ากินหัว กูมือเปล่า มึงใจเสาะ เพราะมึงกลัว ผู้นำชั่ว สันดานสัตว์ ถนัดโกง

ปล้นอำนาจ ชาติบรรลัย ใครก็ด่า ยังลอยหน้า กล้าอวดดี ผีตายโหง หมดอำนาจ มาเมื่อไหร่ ได้เปิดโปงแม้แต่โลง มันยังบ่น คนอย่างมึง...หมดอำนาจ ขาดหัวโขน โดนเปิดโปง นอนในโลง ก็เกินเกียรติ เสนียดดิน”

พรุ่งนี้สี่โมงเย็นเจอกันอีก และต่อๆ ไปเป็นรายวัน “ทุกคนคือแกนนำ”

(ขอบคุณข้อมูลจาก iLaw, บีบีซีไทย - BBC Thai, weeranan @weeranan, Thairath_News @Thairath_News, Siriwan_TRnews @Siriwan_TRnews, Sutharee Wannasiri @SuthareeW, สำนักข่าว INN @INNNEWS และ https://voicetv.co.th/read/Tr5MPdfsp)