ถึงครารุ่นใหญ่ซัดกันไปซัดกันมา ระหว่าง ‘อนุทิน’ กับ ‘ภูมิธรรม’ ทั้งเรื่องเขากระโดงและฮั้วเลือก สว. เนื่องมาแต่ถ้อยคำของผู้นำจิตวิญญานพรรคส้มแท้ๆ ที่แม้พูดความจริง แต่มันถูกตีความว่าเอื้อสีน้ำเงินโจ่งแจ้ง
ขออนุญาตเล่าความตามแบบ ‘แดงแอ๊ปกลาง’ นะ ที่จริงเขาหนิงหนุงจุ้งจิ้งกันมาพักใหญ่แล้วละ ทว่าข้างหน้าก็แบบที่ อนุทิน ชาญวีรกูล ว่า “จากคนที่เคยรักกันมา ครั้งล่าสุดที่ผมเจอคุณภูมิธรรม ยังกอดกันอยู่เลย” แต่เปลี่ยนไปตอนที่เขากลับเข้าไปคุมมหาดไทยอีก
พร้อมทั้งมีแรงกระตุกจาก ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พูดถึงเรื่องนี้ตอนไปเสวนา “๔ เดือน ชี้ชะตาการเมืองไทย” ว่าจริงๆ แล้วมันอยู่ที่การรถไฟ “เพื่อไทยเป็นรัฐบาลมาตั้งนาน” ทำไมไม่บังคับให้ รฟท.ฟ้อง “ถ้ามันผิดจริง การรถไฟฟ้องไปแล้ว”
ส่วนคดีฮั้ว สว.นั้นธนาธรบอกว่า “ใครเป็นรัฐบาลก็ไม่เกี่ยวนะครับ เรื่องมันอยู่ที่ กกต. รัฐบาลเกี่ยวอย่างเดียวคือคดีอาญา ไม่เกี่ยวกับการถอดถอน สว. แล้วกลไก กกต.ที่จะนำไปสู่การถอดถอน สว. มันเป็นของเขาอยู่แล้ว
“คดีอาญาที่ต้องผ่านดีเอสไอนี่ก็กว่าจะจบ นู่น ดีไม่ดี สว.พ้นวาระไปแล้ว ไม่รู้คดีอาญาจะถึงฎีกาหรือเปล่า” นักข่าวเอาไปถามภูมิธรรม โดนย้อนกลับว่า “คนที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คือนายอนุทิน...นั่นแหละ ที่ไม่ได้ดำเนินการ”
อนุทินเจอนักข่าวจี้ ก็หัวเราะพร้อมกับตีกลับ “หากเขาดำเนินการตามกฎหมายได้ เขาคงดำเนินการไปแล้ว แต่ออกมา ๓ เดือนแล้วไม่เห็นทำอะไรเลย ได้แต่พูด พอตัวเองทำไม่ได้ก็มาโทษคนอื่น” พอนักข่าวถามนำ อนุทินคว้าหมับใส่กลับ
ว่าภูมิธรรมพยายามดิสเครดิตอยู่แล้ว “เพราะอยากเป็น มท.๑ มาแต่ไหนแต่ไร” ภูมิธรรมร่ายกลับยาว บอก “มี ๔ เดือน เราก็ ๔ เดือน มีมากกว่านั้น เราก็มากกว่านั้น แต่ไม่ใช่ประเด็นของเรา...ที่บอกพูดแล้วทำ ก็คงต้องทำ และได้ยินว่าจะทำเร็วขึ้น”
เสี่ยอ้วนออกข้างทางไปแซะพรรคประชาชนด้วยว่า “เสียดาย...เขาอยากเป็นรัฐบาล อยากแสดงฝีมือ เพราะถูกกล่าวหามาตลอด ครั้งนี้เป็นครั้งที่เขามีโอกาสเป็นรัฐบาล แต่ทำไมมีโอกาสแล้วถึงไม่ทำ...แล้วจะไปหวังลมๆ แล้งๆ ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป”
น่าทึ่งตรงที่ ‘น้าถึก’ พยายามอธิบายเบื้องลึก ว่าพรรคส้มมีจุดแข็งเป็นความเหนียวแน่นอันหนึ่งอันเดียวกัน “พรรคใหญ่กว่าคน” ๑๔๓ คนโหวตอนุทินพร้อมเพรียง แม้จะมีบางส่วนไม่เห็นด้วย ก็ไม่มีใครแสดงออก เพราะถ้าพูดโดนว่าทันที ‘พรรคแตก’
ใช่ว่าพรรคส้มจะมี ‘นายใหญ่’ เหมือนคู่กัด แต่มี “คณะนำที่สื่อเรียกว่า ‘โปลิตบูโร’ ซึ่งเครดิตสูงมาก ทั้งเป็นผู้นำทางความคิดอุดมการณ์ ด้านการวางยุทธศาสตร์ยุทธวิธีจนชนะเลือกตั้ง หรือกระทั่งการวางตัวบุคคล”
เขายกตัวอย่างการ “เอาพิธามาเจียระไนจนเป็น Almost Prime Minister” ปัญหาของการบริหารองค์กรแบบพรรคคอมมิวนิสต์นี้ “ถ้าผิดพลาดก็กลับตัวไม่ทัน พังไปด้วยกันหมด”
(https://www.facebook.com/baitongpost/posts/NHks5TnY6s, https://www.facebook.com/ThePoliticsByMatichon/posts/osDo1dsVMss และ https://www.facebook.com/ThePoliticsByMatichon/posts/2TCe1pu7h)