วันเสาร์, สิงหาคม 09, 2568

อ่านโพสต์นี้ เศร้าใจกับประเทศของเรามาก (เราชอบตั้งความฝันเกินจริง อยากจะมีคาสิโน อยากจะเป็น financial hub อยากจะเป็น soft power อยากจะได้ค่ารถไฟฟ้า 20 บาท โลกมันไม่ง่ายขนาดนั้น)


Nat Luengnaruemitchai
Yesterday
·
อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์

ผมโชคดีที่ได้มีโอกาสนั่งสนทนากับทั้ง Professor Konrad Young และ Dr. Bodin Kasemset ได้ความรู้เยอะเลยครับ

แต่ที่น่าประทับใจที่สุด คือ ความตรงไปตรงมาของ Professor Young เขาเรียนจบที่ Berkeley ก่อนที่จะไปทำงานให้กับ TSMC ช่วงปี 1998-2005 และมีส่วนในการพัฒนาสถาปัตยกรรมขนาด 180, 130 และ 65 นาโนเมตร ซึ่งเป็นช่วงยุคทองของ TSMC ช่วงหนึ่งเลย

ตอนแรก ว่าจะคุยกันเรื่องสงครามชิปโลก แต่สรุปกันว่าคุยกันเรื่องบริบทของอุตสาหกรรมนี้ในประเทศไทยดีกว่า

พอถามเขาว่า ไทยเรามีโอกาสมั้ย เค้าโพล่งมาเลยว่า ไม่มีหรอก ไม่ต้องหวัง อ้าว จบข่าว

แต่คำตอบแบบนี้ล่ะครับ เป็นคำตอบที่นักการเมืองควรฟัง เราชอบตั้งความฝันเกินจริง อยากจะมีคาสิโน อยากจะเป็น financial hub อยากจะเป็น soft power อยากจะได้ค่ารถไฟฟ้า 20 บาท แล้วก็ออกกฎหมายว่าจะได้เป็น โลกมันไม่ง่ายขนาดนั้น ไมงั้นผมคงขอให้ออกกฎหมายให้ไทยเป็นผู้นำโลก ร่ำรวยที่สุดในโลกไปแล้ว

Professor Young มองจากสภาพความเป็นจริงที่ว่า อุตสาหกรรมนี้มัน up for grab ตั้งแต่ 50-60 ปีที่แล้ว ในตอนนั้น ทุกอย่างมันง่าย ใช้เงินลงทุนน้อย แต่อย่างไต้หวันเองจริงๆ แทบจะไม่ควรมีโอกาสในอุตสาหกรรมนี้เลย เพราะไม่มี local demand อะไรเลย โชคดีที่คณะรัฐบาลในยุคนั้นเล็งเห็นโอกาสนี้เมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว และชวน Morris Chang กลับมาไต้หวัน และช่วยสานฝันนี้ให้เป็นจริง และทำให้ไต้หวันมาอยู่ในจุดนี้ได้ ซึ่งก็ไม่ได้ เพราะธุรกิจ fab นี้มันเหมือนการเป็นทาสรับใช้ รับทำในสิ่งที่คนอื่นเค้าไม่อยากทำ เพราะมันยาก ต้นทุนสูง ความเสี่ยงเยอะ ลงทุนมาก แต่ก็ทู่ซี้ทำมา จนเก่งกว่าคนอื่น

หากมาเริ่มวันนี้ เหมือนไปวิ่งแข่งในสนามที่คนอื่นเค้าวิ่งกันมา 50-60 ปีแล้ว วิ่งยังไงก็ตามไม่ทัน เค้าบอกอีกว่า อย่าง TSMC ยังทำตัวเป็นกระต่ายเผลอหยุดไม่ได้เลย โดนเต่าแซงแน่ TSMC ต้องลงทุนปีละ 8% ของรายได้ เพื่อ stay on top ให้ได้ตลอด แค่นี้งบ R&D รวมกับงบลงทุนก็ 1.2 ล้านล้านบาทแล้ว ดังนั้นเราไม่ต้องไปคิดแข่งเลย

แต่เขาบอกว่า ถ้าจะมีโอกาส คือ เราต้องทำในสิ่งที่คนอื่นเค้าไม่ทำกัน ไปทำสิ่งที่มัน niche มากๆ หรือไม่ก็ต้องสร้าง demand ในประเทศเอง เช่น รัฐต้องกำหนดให้มีการใช้ local content บ้างแทนที่จะปล่อยให้มีการนำเข้า 100% แต่ติดที่เมืองไทยมีคนน้อย มีกำลังซื้อก็น้อย ไม่เหมือนเมืองจีนที่มีครบทุกอย่าง และผลิตแทบจะทุกอย่าง จึงมีโอกาสมากที่จะมาท้าทาย TSMC

อีกอย่างที่แกบอกคือ แกเพิ่งไปเวียดนามมา เวียดนามเอาจริงเอาจังมา มีนโยบายชัดเจน รัฐมนตรีก็โคตรฉลาด เข้าใจเรื่องพวกนี้ดี และตั้งใจมาคุยกับแก แม้แกจะบ่นว่า Vin Group ทำรถไฟฟ้า แต่แทบไม่ใช้ local content เลยก็ตาม

แต่พอหันมาเมืองไทย แกอุตส่าห์มาไทยแล้ว แต่กลับไม่มีข้าราชการ นักการเมือง รัฐมนตรี สนใจมาคุยกับแกสักคน ผมฟังดูแล้ว แอบสิ้นหวังมากๆ

อีกเรื่องคือเรื่องคน แกบอกว่ามันสำคัญมากๆ เราต้องสร้างคนเก่งให้เยอะๆ ทำงานที่ไทยรึเปล่า ยังไม่สำคัญมาก ปล่อยให้คนพวกนี้ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ถ้าถึงวันที่ไทยเรามีอะไรให้ทำ เค้าพร้อมจะกลับแน่นอน ปัญหาคือ เราจะสร้างอุตสาหกรรมนี้ให้มีอะไรให้ทำในเมืองไทยได้อย่างไร ซึ่งทำยากมากๆ ถ้าไม่มีงบ R&D เยอะๆ และมี demand ที่มาก และใหญ่พอครับ

ฟังเยอะๆ แล้วแอบเสียดายครับที่ในระดับนโยบาย เราไม่มีคนที่เข้าใจในเรื่องนี้ดีๆ เลย เฮ้อ

แต่อย่าเพิ่งสิ้นหวัง การคุยกันครั้งนี้ ทำให้ Professor Young กับ Dr. Bodin แห่ง SICT ต่อกันติด แลกนามบัตรกันเรียบร้อย และสัญญากันว่าจะช่วยกันพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมนี้ให้มากขึ้นครับ

ป.ล. ผมเริ่มต้นด้วยว่า อย่างสงครามไทยกับกัมพูชาเนี่ย นักข่าวฝรั่งชอบคิดว่าเป็นไต้หวัน ผมอยากให้สักวันเวลานักข่าวพูดถึงเซมิคอนดักเตอร์ เขาจะนึกว่าเป็น Thailand แทนที่จะเป็น Taiwan บ้างครับ
 
https://www.facebook.com/photo/?fbid=10161266994076751&set=a.10150779118116751