วันอาทิตย์, สิงหาคม 10, 2568

ทำไมการเจรจาหยุดยิงมักมีลักษณะชั่วคราว ไม่นำไปสู่สันติภาพที่ยั่งยืนในความขัดแย้งสมัยใหม่ การหยุดยิงจะได้ผลก็ต่อเมื่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีแรงจูงใจและความตั้งใจที่จะยุติการสู้รบ และยอมรับการประนีประนอมที่เจ็บปวด


Pipob Udomittipong
16 hours ago
·
บทความของ The New York Times พูดถึงความซับซ้อนและความท้าทายของ #การหยุดยิง #ceasefire ในความขัดแย้งสมัยใหม่ โดยเฉพาะกรณี #ฉนวนกาซา #ยูเครน และ #ไทยกัมพูชา การเจรจาหยุดยิงมักมีลักษณะชั่วคราว และไม่นำไปสู่สันติภาพที่ยั่งยืน และมีโอกาสสูงมากที่ความรุนแรงจะกลับมาอีกครั้ง

การหยุดยิงแม้จะช่วยบรรเทาปัญหาได้ในระยะสั้น แต่ไม่สามารถแก้ไขรากเหง้าที่เป็นต้นตอของความขัดแย้งได้ เพราะ “การหยุดยิงไม่เท่ากับสันติภาพ การหยุดยิงมักถูกใช้เป็นเงื่อนไขเบื้องต้นสำหรับการเจรจาทางการเมือง หรือเป็นกลไกสุดท้ายในสถานการณ์ที่ยังหาทางออกอย่างอื่นไม่ได้”

“คนมักจะเรียกร้องให้มีการหยุดยิง เมื่อพวกเขาไม่รู้ว่าจะทำอะไรอย่างอื่นได้บ้าง” Valerie Sticher นักวิจัยอาวุโสที่ ETH Zurich กล่าว

The Ceasefire Project โครงการวิจัยที่ติดตามผลลัพธ์ของการประกาศหยุดยิง 2,202 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2532-2563 พบว่า 68% ของการหยุดยิงเหล่านี้เกิดขึ้นโดยไม่มีบันทึกข้อตกลงอย่างเป็นทางการ การหยุดยิงมักดำรงอยู่ได้เพียง 65-193 วัน และการหยุดยิงด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรมที่ผ่านมา มัก "มีแนวโน้มจะนำไปสู่ความรุนแรงขึ้นอีกครั้งอย่างรวดเร็ว" กระบวนการสันติภาพส่วนใหญ่มักเกิดจากการหยุดยิงอย่างน้อยสามครั้ง

ในอดีตการเปลี่ยนผ่านจากสงครามสู่สันติภาพ มักเกิดขึ้นจาก (1) ฝ่ายหนึ่งได้รับชัยชนะเหนืออีกฝ่ายหนึ่งอย่างสิ้นเชิง หรือ (2) เมื่อทั้งสองฝ่ายรบกันจนเหนื่อย และไม่ต้องการสู้รบกันอีกต่อไป ทหารวางอาวุธ นักการทูตก็เจรจาสนธิสัญญาสันติภาพ และประมุขแห่งรัฐก็ประกาศยุติความขัดแย้ง

แต่นักวิจัยบอกว่า สถานการณ์แรกที่ฝ่ายหนึ่งรบจนได้รับชัยชนะเหนืออีกฝ่ายหนึ่งอย่างสิ้นเชิง เพื่อนำไปสู่สันติภาพ มักไม่เกิดขึ้นแล้วในโลกสมัยใหม่

การหยุดยิงจะได้ผลก็ต่อเมื่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีแรงจูงใจและความตั้งใจที่จะยุติการสู้รบ เป็นจุดที่ทุกฝ่ายในสงครามไม่เห็นประโยชน์ใด ๆ เหลืออยู่ในสนามรบแล้ว “ทั้งสองฝ่ายต่างคิดว่าพวกเขาไม่มีทางชนะ และต้องเชื่อใจกันมากพอที่จะยอมเจรจา” นักวิจัยกล่าว “พวกเขาต้องตัดสินใจอย่างเจ็บปวดที่จะยอมรับการประนีประนอมที่เจ็บปวด”

ในกรณีของ #ไทยกัมพูชา ข้อตกลงหยุดยิงอาจช่วยคลี่คลายความขัดแย้งได้แค่ชั่วคราว Paul Chambers บอกว่า “แต่ถึงแม้จะมีจีนและสหรัฐฯ อยู่ร่วมในการประขุม แต่มันก็เป็นเพียงกลยุทธ์ประชาสัมพันธ์มากกว่า เพราะใครที่เป็นผู้สูญเสียในเหตุการณ์นี้? คนไทยที่ถูกสังหาร ชาวกัมพูชาที่ถูกสังหาร คนทั่วไปต้องทุกข์ทรมาน” ประชาชนมากกว่า 300,000 คนยังคงพลัดถิ่นฐานเนื่องจากการสู้รบ

มองในแง่ดีสุด การหยุดยิงครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญที่นำไปสู่การแก้ไขข้อพิพาทเรื่องพรมแดน แต่ในขณะนี้ ไม่มีฝ่ายใดที่มีแรงจูงใจที่จะผลักดันให้เกิดการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน
https://www.nytimes.com/.../ceasefires-peace-gaza-ukraine...

https://www.facebook.com/photo/?fbid=10162915291936649&set=a.10150096728651649