กานต์ ภัสริน รามวงศ์ - Patsarin Ramwong is at แยกประชานุกูล | Prachanukul Intersection.
16 hours ago
· Bangkok, Thailand ·
3 ประเด็นหลักของมหากาพย์ #คอนโดทหารยักษ์ แยกประชานุกูล ที่กระทบประชาชนโดยรอบมากว่าครึ่งทศวรรษ

ตามคำฟ้อง ระบุว่าที่ดินที่ใช้ก่อสร้างอาคารไม่เหมาะสม และผิด พ.ร.บ. ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 เนื่องจากโครงการนี้เข้าข่ายเป็นอาคารขนาดใหญ่พิเศษ ซึ่งตามกฎกระทรวงฉบับที่ 33 (พ.ศ. 2535) แก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 50 (พ.ศ. 2540) ออกตามความใน พ.ร.บ. ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ข้อ 2 วรรคสอง กำหนดให้อาคารขนาดใหญ่พิเศษต้องมีทางสาธารณะเข้าสู่ที่ตั้งโครงการที่มีเขตทางกว้างไม่น้อยกว่า 18 เมตร และที่ดินที่ติดถนนสาธารณะต้องกว้างไม่น้อยกว่า 12 เมตรเพื่อให้รถดับเพลิงเข้าออกได้สะดวก แต่คอนโดทหารยักษ์ แยกประชานุกูล มีทางเข้าทางซอยประชาชื่น 30 (ซอยสายสิน) ซึ่งมีเขตทางกว้างเพียง 12 เมตร ทำให้อาคารนี้ไม่ชอบด้วยกฎกระทรวง แม้ข้อเท็จจริงจะชัดเจนเช่นนี้ แต่รายงาน EIA กลับผ่านได้ ชาวบ้านได้คัดค้านและท้วงติงเรื่อง EIA มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาทั้งหมดที่เปรียบได้กับการ "ติดกระดุมผิดตั้งแต่เม็ดแรก" หมายความว่าคณะกรรมการที่เห็นชอบอาจไม่พิจารณาข้อเท็จจริงให้รอบด้าน ศาลปกครองกลางก็มีความเห็นสอดคล้องกันว่า คชก. ที่เห็นชอบรายงาน EIA ควรพิจารณาข้อเท็จจริงให้รอบด้าน ไม่ใช่พิจารณาเฉพาะข้อมูลที่ผู้ทำรายงานเสนอมาให้พิจารณาเท่านั้น จึงถือว่าการอนุมัติดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย

นอกจากนี้ ในกรมของสำนักปลัดกระทรวงกลาโหมก็มีรถบัสทหารเข้าออกจากตัวโครงการ ซึ่งแต่ละครั้งจะกีดขวางถนนประชาชื่น และเจ้าหน้าที่ รปภ. ของกรมต้องออกไปกั้นถนน และเคยมีอุบัติเหตุรถบัสเฉี่ยวชนด้วย

การก่อสร้างโครงการในพื้นที่ชุมชนแห่งนี้ได้สร้างผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของประชาชนอย่างรอบด้านและรุนแรง ผู้พักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านชวนชื่น กล่าวว่าบ้านนี้เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ อายุ 40 กว่าปี มีบ้านเรือนประมาณเกือบ 500 หลังคาเรือน คนส่วนใหญ่ที่พักอาศัยก็จะเป็นคนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เส้นทางสัญจรมีทางเดียวและต้องใช้รวมกันกับหลายหน่วยงาน ทั้ง ร.พ. และผู้พักอาศัยของสำนักปลัดกลาโหม จากเดิมที่พักอาศัยของสำนักปลัดกลาโหมมีอยู่ 300 ห้อง แต่จะมาเพิ่มเป็น 644 ห้อง มีกำลังพล 3,000 คนย้ายเข้ามาอยู่ในพื้นที่ มีรถบัสเข้า-ออกรับส่ง 40 คัน เมื่อฝนตกลงมาน้ำก็จะท่วมหนักกว่าเดิม รถก็จะติดเพิ่ม คนแก่จะต้องไปหาหมอก็จะได้รับความเดือดร้อนชาวบ้าน
การขนส่งวัสดุด้วยรถบรรทุกขนาดใหญ่ ทำให้การจราจรในชุมชนและบริเวณทางเข้าออกโรงพยาบาลติดขัดอย่างหนัก แม้กระทั่งรถฉุกเฉินก็ต้องติดอยู่หลังกรวยจราจรที่ถูกย้ายเปิดทางให้รถปูนเข้าออกตามอำเภอใจ ทำให้คนมาใช้บริการ รพ. จำนวนมากอาจไม่สามารถเข้าถึงการรักษาได้ทันเวลา
ชุมชนหมู่บ้านชวนชื่นต้องทนรับเสียงดังและแรงสั่นสะเทือนจากการตอกเสาเข็มจนบ้านแตกร้าว เสา ผนัง ฝ้า พื้นเสียหายซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยไม่มีมาตรการเยียวยาที่เป็นรูปธรรม ฝุ่นละออง กลิ่นเหม็นจากเครื่องจักรและน้ำเสีย ปนเปื้อนในอากาศและทางน้ำของชุมชน ส่งผลให้เกิดโรคทางเดินหายใจ กกระทบเด็กและผู้สูงอายุซ้ำซาก ขณะที่ปัญหาน้ำท่วมขังยิ่งเลวร้ายกว่าเดิม เพราะการก่อสร้างไปขวางทางระบายน้ำเดิมที่แออัดอยู่แล้ว ทำให้ปัญหาน้ำท่วมขังรุนแรงขึ้นกว่าเดิม
เมื่อโครงการแล้วเสร็จ บ้านเรือนกว่า 40 หลังจะถูกเงาตึกบังแดดเกือบตลอดวัน ส่งผลต่อการใช้ชีวิตและการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ของหลายครัวเรือน กลายเป็นภาระค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ทั้งหมดนี้ ชาวบ้านกลับต้องรับผลกระทบเพียงฝ่ายเดียว
และทุกครั้งที่เจรจา ชาวบ้านจะบอกว่า พวกเขาไม่เคยไว้ใจหน่วยงานใด ถูกเอาเปรียบมาตลอด หมู่บ้านต้องทำทุกอย่างด้วยงบและกำลังของหมู่บ้านมาโดยตลลอด ไม่มีหน่วยงานใดมาช่วย หรือช่วยก็ช่วยน้อยมาก ไม่เคารพพื้นที่และผู้คนที่อยู่มาก่อน

ในขณะที่ประชาชนหรือภาคเอกชนทุกคนต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ควบคุมอาคาร มาตรา 21 ที่กำหนดให้ต้องขออนุญาตเจ้าพนักงานท้องถิ่นก่อนการก่อสร้าง แต่กลับมีกฎกระทรวงอีกชุดหนึ่งที่ยกเว้นขั้นตอนการขออนุญาตให้กับหน่วยงานราชการ โดย "กฎกระทรวงว่าด้วยการยกเว้น ผ่อนผัน หรือกำหนดเงื่อนไขในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. 2550" ข้อ 2 ได้ระบุให้อาคารบางประเภทของหน่วยงานรัฐ ได้แก่ อาคารของกระทรวง ทบวง กรม ที่ใช้ในราชการหรือใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ อาคารของราชการส่วนท้องถิ่น อาคารขององค์การของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย และโบราณสถาน วัดวาอาราม หรืออาคารต่างๆ ที่ใช้เพื่อการศาสนา ได้รับการยกเว้นไม่ต้องขออนุญาตตามมาตรา 21, 32, 33 และ 34
นี่คือจุดที่ต้องตั้งคำถามว่าการที่อาคารของหน่วยงานราชการไม่ต้องขออนุญาตก่อสร้างนั้น เป็นการลดกลไกการควบคุม และเปิดช่องให้หน่วยงานรัฐสามารถก่อสร้างตามอำเภอใจได้หรือไม่ ที่สำคัญคือการที่หน่วยงานรัฐไม่ต้องขอใบอนุญาต ทำให้เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น การแก้ไขให้ถูกต้องต้องใช้เวลานานและมีการฟ้องร้องกันในศาล ซึ่งในกรณีตึกประชานุกูลนี้ แม้ประชาชนจะคัดค้านตั้งแต่โครงการยังไม่เริ่มก่อสร้าง แต่คดีความก็ยังไม่สิ้นสุด ขณะที่งบประมาณได้ถูกจ่ายไปแล้ว และผลกระทบ รวมถึงความเสียหาย ก็เกิดขึ้นแล้ว

ปัญหาช่องว่างทางกฎหมายที่ให้อภิสิทธิ์หน่วยงานรัฐนั้น "ต้องสังคายนาทั้งหมด" นี่ไม่ใช่ปัญหาเฉพาะรายโครงการ แต่เป็นปัญหาเชิงระบบ ซึ่งเป็นช่องว่างในกฎหมายหลายฉบับที่เปิดทางให้หน่วยงานรัฐใช้สิทธิพิเศษในการก่อสร้างหรือดำเนินโครงการโดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนที่ประชาชนทั่วไปหรือภาคเอกชนต้องปฏิบัติตาม ถือเป็นกฎหมายที่ให้อภิสิทธิ์รัฐในการหลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบ
ทำไมคนธรรมดาต้องทำตามขั้นตอนทุกอย่าง แต่หน่วยงานรัฐกลับมีสิทธิพิเศษเหนือกฎระเบียบที่ตัวเองออกไว้? แล้วประชาชนจะมั่นใจได้อย่างไรว่าทุกโครงการของรัฐโปร่งใส ปลอดภัย และไม่กระทบชุมชนหรือสิ่งแวดล้อม? สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่าระบบกฎหมายทั้งหมดต้องถูกทบทวนใหม่หมดอย่างจริงจัง เพื่อให้กฎหมายอยู่ภายใต้หลักความเสมอภาค และไม่มีใคร แม้แต่รัฐเอง ที่จะอยู่เหนือการตรวจสอบได้
#พรรคประชาชน #บางซื่อดุสิต #กานต์ภัสริน