วันพฤหัสบดี, มิถุนายน 12, 2568

และแล้วความพิรุธก็ปรากฏ : อาคารที่จอดรถรัฐสภา…


พริษฐ์ วัชรสินธุ - ไอติม - Parit Wacharasindhu
7 hours ago
·
และแล้วความพิรุธก็ปรากฏ : อาคารที่จอดรถรัฐสภา…
.
เมื่อวาน สำนักข่าวอิศรารายงานว่ากรมบัญชีกลางได้ข้อสรุปว่าข้อร้องเรียนเกี่ยวกับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างโครงการออกแบบที่จอดรถอาคารรัฐสภา (มูลค่า 105 ล้านบาท) เป็นข้อร้องเรียนที่ “ฟังขึ้นและมีผลต่อการจัดซื้อจัดจ้างอย่างมีนัยสำคัญ” โดยมีการส่งหนังสือแจ้งสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรให้ยกเลิกการจัดซื้อจัดจ้างในครั้งนี้ และ (หากยังประสงค์) ดำเนินการใหม่ให้ถูกต้อง ตาม พ.ร.บ. จัดซื้อจัดจ้างฯ 2560 มาตรา 119
.
หากจำกันได้ ในการประชุมสภาฯ เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ทางรองประธานฯพยายามย้ำกับผมว่า งบประมาณเกี่ยวกับโครงการต่างๆของสภาฯที่ผมตรวจสอบอยู่นั้น เป็น “งบประมาณที่ยังไม่ผ่านสภา” และ “ยังไม่มีการใช้จ่าย” แต่ผมได้ชี้แจงไปตั้งแต่ตอนนั้น ว่าคำพูดดังกล่าวเป็นการพูดความจริงที่ไม่ครบถ้วน เพราะงบประมาณส่วนหนึ่งที่ทางสภาได้มีการโอนงบประมาณจากโครงการอื่นใน งบ 67 เพื่อเตรียมใช้จ่ายไว้แล้ว คืองบประมาณสำหรับโครงการออกแบบอาคารที่จอดรถ (มูลค่า 105 ล้านบาท)
.
ข้อพิรุธเกี่ยวกับโครงการดังกล่าว ไม่ได้จำกัดอยู่แค่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างที่กรมบัญชีกลางมีข้อสรุปเมื่อวานนี้ แต่เพื่อให้เห็นภาพ ผมขออนุญาตเรียงลำดับเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นไปแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่ ร่าง พ.ร.บ. งบ 69 จะกำลังถูกตรวจสอบโดย กมธ. งบ 69 ณ เวลานี้:
.
1. มีคนบางคนหรือบางกลุ่ม เห็นว่าในเมื่อที่จอดรถของอาคารรัฐสภา (ปัจจุบันมีอยู่ 2,000 ที่) ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน จึงรีบสรุปว่าอาคารรัฐสภาจำเป็นต้องตั้งงบเพื่อสร้างที่จอดรถเพิ่มขึ้นอีก 4,500 ที่ เพื่อให้มีที่จอดรถทั้งหมด 6,500 ที่ ทั้งๆที่
- 1.1. เจ้าหน้าที่สภาเคยชี้แจงใน กมธ. ว่า หากอ้างอิงเกณฑ์และสัดส่วนตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร 2544 อาคารรัฐสภาควรมีที่จอดรถขั้นต่ำ 3,500 ที่ (น้อยกว่า 6,500 ที่ถึง 46%)
- 1.2. สังคมคาดหวังว่า หากจะต้องมีการเพิ่มที่จอดรถให้ขึ้นมาถึงขั้นต่ำ 3,500 ที่ ผู้ที่ควรต้องรับผิดชอบมากที่สุดต่อปัญหาดังกล่าว คือผู้ที่เป็นฝ่ายอนุมัติแผนดั้งเดิมให้มีที่จอดรถเพียง 2,000 ที่ ไม่ใช่ประชาชนที่ต้องจ่ายภาษีเพื่อมาอุดหนุนค่าใช้จ่ายดังกล่าว
.
2. มีคนบางคนหรือบางกลุ่ม เห็นว่าถ้าจะมีการสร้างที่จอดรถเพิ่มขึ้นอีก 4,500 ที่ ก็ควรจะเลือกใช้วิธีสร้างอาคารที่จอดรถ 4 ชั้นโดยขุดลงไปใต้ดิน ทั้งๆที่วิธีการดังกล่าว เป็นวิธีการที่แพงมากและนำไปสู่การคาดการณ์งบประมาณไว้สูงถึง 4,500 ล้านบาท ในการสร้างอาคารจอดรถเพิ่มเติม 4,500 ที่ (ตกที่ละ 1 ล้านบาท)
.
3. มีคนบางคนหรือบางกลุ่ม ใช้เหตุผลว่าในเมื่อกรอบงบประมาณก่อสร้างอาคารที่จอดรถอาจอยู่ที่ 4,500 ล้านบาท ก็ควรใช้ตัวเลขดังกล่าวมาวางกรอบงบประมาณสำหรับการออกแบบอาคารที่จอดรถ โดยใช้วิธีคิดค่าออกแบบเป็นสัดส่วนหรือ % ของค่าก่อสร้าง - ตอนแรก บางกลุ่มได้พยายามอ้างว่าค่าออกแบบควรคิดเป็น 4% ของค่าก่อสร้าง (ซึ่งจะทำให้ค่าออกแบบอยู่ที่ประมาณ 180 ล้านบาท) แต่หนังสือและหลักเกณฑ์จากกรมบัญชีกลางได้ทำให้ค่าออกแบบถูกปรับลดไปคิดเป็น 2.5% ของค่าก่อสร้าง (ซึ่งทำให้ค่าออกแบบตกมาจบที่ประมาณ 105 ล้านบาท)
.
4. มีคนบางคนหรือบางกลุ่ม มองว่าเราไม่สามารถใช้ “กระบวนการงบประมาณปกติ” ในการของบทำโครงการออกแบบอาคารที่จอดรถมูลค่า 105 ล้านบาทได้ (ซึ่งกระบวนการปกติคือการบรรจุโครงการในร่าง พ.ร.บ. งบประมาณ ประจำปี ที่สภาฯต้องตรวจสอบ) แต่จำเป็นต้องเลือกใช้ “กระบวนการงบประมาณพิเศษ” โดยการขอให้ คณะกรรมการ คบง.รส. ของรัฐสภา (ที่มีประธานรัฐสภาเป็นประธาน) อนุมัติให้มีการโอนงบประมาณจากโครงการในงบ 67 ที่ใช้เงินไม่หมด (เช่น โครงการเกี่ยวกับระบบวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data)) มาใช้สำหรับโครงการออกแบบที่จอดรถ ทั้งๆที่ทางหน่วยงานได้ชี้แจงให้ กมธ. ฟัง ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีครั้งไหนที่มีการโอนเปลี่ยนงบประมาณหลัก 100 ล้าน ผ่านช่องทางพิเศษนี้มาก่อน (เนื่องจากเป็นช่องทางที่สภาฯไม่สามารถตรวจสอบได้เหมือนกับกระบวนการงบประมาณปกติ)
.
5. มีคนบางคนหรือบางกลุ่ม เร่งรัดให้มีการเปิดการประมูล จนนำไปสู่การประกาศผู้ชนะการเสนอราคา (กิจการค้าร่วม กลุ่มบริษัท AGCC) ที่ถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับข้อพิรุธและข้อสงสัยหลายด้าน เช่น
.
- 5.1. ผู้ชนะการเสนอราคา ได้เสนอราคา (104.5 ล้านบาท) ต่ำกว่าราคากลางเพียง 0.2%
.
- 5.2. บริษัทหนึ่งในกิจการค้าร่วมดังกล่าว เป็นบริษัทที่เคยได้รับงานจากโครงการรัฐที่เกิดปัญหาและถูกตั้งคำถามมาก่อน (เช่น โครงการ “บ้านป่าแหว่ง” หรือโครงการบ้านพักข้าราชการตุลาการ บริเวณเชิงดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ ที่ถูกตั้งคำถามทั้งเรื่องการประกวดราคา-ความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างผู้บริหารบริษัทกับเจ้าหน้าที่รัฐ-ความล่าช้าในการดำเนินการและความถี่ในการแก้สัญญา) (ตามที่ สส. ภัณฑิล น่วมเจิม - Bhuntin Noumjerm ได้รวบรวมข้อมูลไว้ - ดู link เพิ่มเติมได้ใน comment)
.
- 5.3. กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างถูกดำเนินการด้วยกรอบเวลาที่กระชั้นชิด โดยเฉพาะในการเปิดรับข้อเสนอ (ประกาศเชิญชวน 10 กุมภาพันธ์ / กำหนดให้ยื่นข้อเสนอภายใน 21 กุมภาพันธ์) ซึ่งสอดคล้องกับข้อสรุปของกรมบัญชีกลางเมื่อวานนี้ (ตามที่ สส. ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ - Suphanat Minchaiynunt เคยตั้งข้อสังเกตไว้)
.
.
เมื่อข้อสรุปกรมบัญชีกลางเป็นเช่นนี้ การตัดสินใจตอนนี้ จึงอยู่กับทางสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ว่าจะยังดำเนินการให้มีการจัดซื้อจัดจ้างโครงการออกแบบอาคารที่จอดรถ ต่อหรือไม่
.
แต่ในเมื่องบโครงการก่อสร้างอาคารที่จอดรถ ไม่ได้ถูกสำนักงบประมาณและ ครม. อนุมัติให้อยู่ใน พ.ร.บ. งบ 69 (ซึ่งหมายความว่าจะถูกบรรจุได้เร็วสุดในร่าง พ.ร.บ. งบ 70):
- ผมจึงไม่เห็นความจำเป็นเร่งด่วนใดๆที่จะเดินหน้าใช้งบ 105 ล้านบาทที่ไม่เคยผ่านการตรวจสอบของสภาฯ ไปกับการออกแบบอาคารที่จอดรถใต้ดิน มูลค่า 4,500 ล้านบาท สำหรับ 4,500 ที่
- ผมเห็นว่าควรมีการทบทวนแนวทางการแก้ไขปัญหาที่จอดรถกันใหม่ เพื่อไม่ให้ภาระในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวไปตกอยู่กับประชาชนเกินสมควร หรือถูกดำเนินการด้วยกระบวนการที่ไม่สมเหตุสมผลและโปร่งใสเพียงพอ
พริษฐ์ วัชรสินธุ - ไอติม - Parit Wacharasindhu

รายงานข่าวจากสำนักข่าวอิศรา เรื่องข้อสรุปจากกรมบัญชีกลาง:
https://www.isranews.org/.../138707-politicsss-289.html


https://www.facebook.com/photo/?fbid=1252643269563789&set=a.477705887057535