แน่นอนว่า สว.สายก้าวหน้าอย่าง ดร.นันทนา นันทวโรภาส คงจะมองเห็นเจตนาของ สว.สีน้ำเงินเหล่านี้แต่แรก จึงได้พยายามเสนอญัตติให้ชะลอการลงมติเห็นชอบตุลาการทั้งสองออกไปก่อน ก็ถูก “ตีตกไปพร้อมๆ กับการโหวตไม่เห็นชอบสองแคนดิเดต”
“นี่คืออิทธิฤทธิ์ของ สว.สีน้ำเงิน ที่ยังคงคุมเกมใหญ่ในสภาสูง ไม่ยอมปล่อยวางอำนาจในการลงมติเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ แม้จะถูกร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ และกำลังถูกตรวจสอบโดย DSI และ กกต.” ดร.นันทนาเขียนบนหน้าเฟชบุ๊คของเธอ
จุดมุ่งหมายของ สว.กลุ่มที่กำลังถูกตรวจสอบว่าได้รับการจัดตั้งด้วยกลวิธี ‘ฮั้ว’ กันเข้ามาในการเลือกกันเอง ก็คือ “ถ่ายเทผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ” เป็นชุดที่พวกตนจัดวางไว้ เมื่อทำได้สำเร็จหมดจะเปลี่ยนดุลอำนาจการเมืองไปจากประชาชนทันที
Somchai Srisutthiyakorn อดีต กกต.ชี้ให้ตระหนักว่าจำนวน สว.กลุ่มที่พร้อมใจกันโหวตตีตก อจ.สิริพรรณ และ ทูต ชาตรี อรรจนานันท์ มีจำนวนใกล้เคียงกับกลุ่มกำลังถูกยื่นให้ ดีเอสไอ และ กกต.ทำการตรวจสอบ (ด้วยข้อหา ‘ฟอกเงิน’ อยู่)
เสียงไม่เห็นชอบ ๑๓๖ บวกงดออกเสียง ๗ คน ของ อจ.สิริพรรณ ใกล้เคียงเสียงไม่เห็นชอบทูตชาตรี ๑๑๕ กับงดออกเสียง ๒๒ คน รวม ๑๔๓ กับ ๑๓๗ ทั้งนี้มีข้อสังเกตุของอดีต กกต.สมชัยว่า ในการอภิปรายเพื่อโหวตตุลาการทั้งสองนั้น
วุฒิสมาชิกจำนวน ๒๒ คน ลุกขึ้นอภิปรายคนละ ๗ นาฑี ส่วนใหญ่ล้วน “เป็นไปในทางบวก ในขณะที่ผู้ไม่เห็นชอบกลับปิดปากเงียบไม่มีใครลุกขึ้นมาอภิปราย แต่กลับสามารถลงมติไม่รับรองอย่างเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ราวกับมีการนัดแนะกัน”
เป็นการใช้อำนาจอิทธิพลทางการเมือง หักดิบ การสรรหาของกรรมการอันประกอบด้วยประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครองสูงสุด และตัวแทนองค์กรอิสระต่างๆ “ด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ ๘ ต่อ ๐” มันต้องมีอะไรไม่ปกติแน่ๆ
รายงานข่าวเมื่อ ๒๔ กุมภา ๖๘ ระบุว่า “มีความพยายามล็อบบีจาก ‘บิ๊กเนม’ เพื่อไม่ให้คณะกรรมการคดีพิเศษ มีมติรับคดีฮั้วเลือก สว.” อย่างน้อยๆ ก็ส่อเจตนาของฝ่ายการเมืองกลุ่มนี้ “เดินเกมดับเครื่องชน ไม่เช่นนั้นอาจจะสูญเสียเก้าอี้อำนาจ”
(https://www.bangkokbiznews.com/politics/1168220, https://www.facebook.com/somchai.srisutthiyakorn/posts/WHJyc1P69 และ https://www.facebook.com/dr.nantana/posts/37tuiW3YDuFg)
