วันศุกร์, มีนาคม 21, 2568

ตัวแทนประชาสังคม-นักกิจกรรมไทย แถลงเวทีของรัฐสภายุโรป: สะท้อนปัญหา ม.112-การดำเนินคดีทางการเมือง-การคุกคามเยาวชน (มีคลิป)


ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
10 hours ago
·
ตัวแทนประชาสังคม-นักกิจกรรมไทย แถลงเวทีของรัฐสภายุโรป: สะท้อนปัญหา ม.112-การดำเนินคดีทางการเมือง-การคุกคามเยาวชน
.
.
วันที่ 20 มี.ค. 2568 คณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชน (Subcommittee on Human Rights) ของรัฐสภายุโรป (European Parliament) ได้ประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย โดยเฉพาะเรื่องการบังคับใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และการส่งตัวผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน
.
ในการประชุมนี้ มีตัวแทนภาคประชาสังคม และนักกิจกรรมเยาวชนจากประเทศไทย เข้าร่วมให้ข้อมูลสถานการณ์สิทธิมนุษยชนกับคณะอนุกรรมการฯ ด้วย
.
———————
.
อัครชัย ชัยมณีการเกษ จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองและสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ว่าตั้งแต่ในช่วงปี 2563 ประเทศไทยเกิดการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยที่นำโดยเยาวชน ตั้งแต่นักเรียนมัธยมต้น มัธยมปลาย ไปจนถึงนักศึกษามหาวิทยาลัย โดยเด็กอายุน้อยที่สุดที่ถูกดำเนินคดี คือเด็กชายวัยเพียง 12 ปี ที่ถูกตัดสินความผิดฐานละเมิดพระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉิน จากการปั่นจักรยานไปสังเกตการณ์ประท้วงใกล้บ้านของเขา
.
นักกิจกรรมและนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ทั้งที่เป็นคนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก่า ต่างร่วมกันรณรงค์กดดันอย่างสงบเพื่อให้เกิดการปฏิรูปประชาธิปไตย ให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อใช้แทนรัฐธรรมนูญเก่าที่ถูกจัดทำและประกาศใช้ระหว่างการปกครองของทหาร ภายหลังการทำรัฐประหารปี 2557 พวกเขาเรียกร้องอย่างสงบให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ไทยให้เป็นประชาธิปไตย ด้วยความเชื่อว่าไม่มีบุคคลใดในระบอบประชาธิปไตยที่ควรได้รับการป้องกันจากการวิพากษ์วิจารณ์อย่างชอบธรรม
.
นับแต่นั้นมา ประเทศไทยได้ตอบโต้พวกเราด้วยการปราบปรามอย่างต่อเนื่อง ประชาชนเกือบ 2,000 คน รวมทั้งเด็กและเยาวชนกว่า 280 คน ซึ่งมีอายุน้อยกว่า 18 ปี ถูกดำเนินคดีหรือถูกสั่งฟ้องตามกฎหมายที่กดขี่ เนื่องจากการใช้สิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออกหรือการชุมนุม
.
ปัจจุบันประเทศไทยมีนักโทษการเมืองกว่า 40 คน และยังคงมีการสั่งฟ้องคดีทางการเมืองภายใต้รัฐบาลพลเมืองชุดใหม่ เช่นเดียวกับช่วงที่เป็นระบอบการปกครองของทหาร
.
สิ่งที่เป็นปัญหาอย่างยิ่งคือการใช้กฎหมายหมิ่นประมาทกษัตริย์ หรือมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญาของไทย โดยเฉพาะต่อผู้ที่เรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้เป็นประชาธิปไตย สำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับกฎหมายนี้ มาตรา 112 เอาผิดกับ “การหมิ่นประมาท” หรือ “การดูหมิ่น” เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ไทย โดยมีระวางโทษจำคุกระหว่าง 3 ถึง 15 ปี เป็นโทษที่รุนแรงเท่ากับการฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา
.
“ขอให้รำลึกด้วยว่าในประเทศไทย นักกิจกรรมที่เรียกร้องอย่างสงบให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้เป็นประชาธิปไตย ต้องถูกลงโทษแบบเดียวกับคนที่ฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา คนที่พรากชีวิตมนุษย์”
.
นับแต่ปี 2563 มีผู้ถูกดำเนินคดีข้อหานี้อย่างน้อย 270 คน รวมถึงเด็กและเยาวชนไม่น้อยกว่า 20 คน โดยยกตัวอย่างสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งกรณีของ “บัสบาส” ที่ถูกศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกโทษสูงถึง 50 ปี จากการโพสต์และแชร์คลิปบนเฟซบุ๊ก, นักกิจกรรมถูกดำเนินคดีจากการทำโพลสำรวจความเห็นเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์, อานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชน ถูกฟ้องในคดีข้อหามาตรา 112 ใน 14 คดี ขณะนี้ถูกพิพากษาโทษไปแล้วมากกว่า 18 ปี โดยแม้จะถูกจำคุกอยู่ แต่เขายังมาทำหน้าที่ทนายความในชุดนักโทษ ข้อเท้าถูกใส่กุญแจเท้า และเดินเท้าเปล่าสู่ห้องพิจารณาเพื่อว่าความให้กับลูกความ
.
เดือนพฤษภาคม 2567 “บุ้ง” เนติพร นักกิจกรรม เสียชีวิตขณะถูกคุมขังในข้อหามาตรา 112 หลังจากที่เธอประท้วงโดยการอดอาหารเป็นระยะเวลานาน เพื่อประท้วงการใช้กฎหมายนี้ต่อผู้เห็นต่างทางการเมือง
.
“เธอไม่ควรต้องเสียสละชีวิตของตนเอง เพื่อต่อสู้ให้ได้มาซึ่งเสรีภาพด้านความเห็นในประเทศไทย”
.
เด็กไทยก็ไม่ถูกละเว้นจากการใช้กฎหมายหมิ่นประมาทกษัตริย์ เด็กซึ่งแสดงความเห็นต่อสาธารณะเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ เรียกร้องความเท่าเทียมของบุคคลทุกคน ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์ เด็กคนหนึ่งถูกศาลตัดสินว่ามีความผิด จากการสวมเสื้อครอปท็อปในการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย เพราะถูกมองว่าเป็นการล้อเลียน
.
“เราบอกว่าเด็กเป็นคนรุ่นใหม่ในอนาคตของพวกเรา แต่รัฐบาลไทยกลับกำลังปล้นอนาคตจากคนรุ่นใหม่เหล่านี้”
.
เมื่อพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน พยายามแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายมาตรา 112 ศาลรัฐธรรมนูญก็สั่งให้ยุบพรรคของพวกเขา ด้วยเหตุผลว่าเป็นการดำเนินงานเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ในสายตาของศาล การพยายามแก้ไขกฎหมายหมิ่นประมาทกษัตริย์ถูกมองว่าเป็นความพยายามเพื่อล้มล้างระบอบปกครองของไทย
.
ศาลยังตัดสิทธิทางการเมืองของคณะกรรมการบริหารพรรค เป็นเวลา 10 ปี และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 44 คน จากพรรคที่ถูกยุบ ยังเสี่ยงถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต เพียงเพราะพยายามแก้ไขกฎหมาย
.
เมื่อจำนวนของนักกิจกรรมที่ถูกดำเนินคดีเพิ่มมากขึ้น สนามการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจึงย้ายออกจากท้องถนน มาอยู่ในห้องพิจารณาของศาล ในมือของผู้พิพากษาซึ่งควรมีหน้าที่คุ้มครองเสรีภาพขั้นพื้นฐาน โชคร้ายที่ในคดีการเมือง ประสบการณ์ในห้องพิจารณาของเราทำให้สงสัยว่าผู้พิพากษามีความเป็นอิสระและไม่ลำเอียงหรือไม่ เพราะบ่อยครั้งที่สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาอย่างเป็นธรรมของลูกความของเราถูกละเมิดในห้องพิจารณา
.
“ก้าวย่างแรกในการแก้ปัญหาการฟ้องคดีทางการเมือง คือการนิรโทษกรรมให้กับผู้ตกเป็นเหยื่อการฟ้องคดีทางการเมือง ประเทศไทยไม่มีทางเดินหน้าไปสู่ขั้นตอนต่อไป หากยังคงฟ้องคดีบุคคล และจับกุมคุมขังพวกเขาเพียงเพราะไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล”
.
ที่สำคัญคือ นโยบายของรัฐบาลไทยเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ส่งผลกระทบไม่เพียงภายในพรมแดนไทย เราได้เห็นกรณีการปราบปรามข้ามชาติในภูมิภาคเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่น การส่งตัวนักเคลื่อนไหวชาวกัมพูชาที่มีสถานะผู้ลี้ภัยจากสหประชาชาติกลับไปยังกัมพูชา ซึ่งพวกเขาถูกควบคุมตัวและดำเนินคดีทันที, นักปกป้องสิทธิมนุษยชนชาวเวียดนามกำลังเสี่ยงถูกส่งตัวกลับ ตามคำร้องขอจากทางการเวียดนาม และล่าสุด ประเทศไทยได้ส่งตัวชาวอุยกูร์ 40 คนกลับไปยังซินเจียง ประเทศจีน ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเผชิญการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง
.
“สำหรับสหภาพยุโรป ผมหวังว่าท่านจะไม่ลืมพวกเรา ระหว่างร่วมมือทำงานกับรัฐบาลไทย ระหว่างการเจรจาความตกลงการค้าเสรีกับประเทศไทย ผมหวังว่าท่านคงไม่ลืมทนายความสิทธิมนุษยชนอย่าง อานนท์ นำภา ซึ่งปัจจุบันถูกคุมขังและปรารถนาอย่างยิ่งที่จะได้สวมกอดลูกเล็กทั้งสองคน ผมหวังว่าท่านจะไม่ลืม “บุ้ง” เนติพร ที่เสียชีวิตก่อนวัยอันควรระหว่างถูกควบคุมตัวในข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์
.
“พวกเราไม่ได้เรียกร้องให้รัฐบาลไทยเห็นด้วยกับพวกเราในทุกเรื่อง เราเพียงแต่ขอว่า พวกเขาไม่ควรคุมขังพวกเราเพียงเพราะเราไม่เห็นด้วยกับพวกเขา”
.
————————
.
อันนา อันนานนท์ ตัวแทนนักกิจกรรมเยาวชน ได้กล่าวกับที่ประชุม ว่าในปี 2563 เธออายุ 14 ปี ได้ร่วมออกไปบนท้องถนนเพื่อเรียกร้องสิทธิพลเมือง สิทธิเด็ก และสิทธิในการศึกษา ร่วมกับนักเคลื่อนไหวเยาวชนคนอื่น ๆ รัฐบาลตอบโต้ด้วยความรุนแรง โดยใช้แก๊สน้ำตาต่อผู้ประท้วง เธอยังถูกการคุกคามและการสอดแนมจากเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบที่คอยติดตามไปทุกที่ ตั้งแต่ที่พัก ไปจนถึงโรงเรียนกวดวิชา ถึงขั้นพาคุณปู่คุณย่าไปยังที่ชุมนุมซึ่งดิฉันไม่ได้เข้าร่วม
.
“ดิฉันถูกขึ้นบัญชี มีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของดิฉันและครอบครัว รวมทั้งประวัติการทำงาน หมายเลขประกันสังคม และความเห็นทางการเมือง ดิฉันถูกขึ้นบัญชีหลายบัญชีรวมทั้งเด็กคนอื่น ๆ เด็กที่ถูกขึ้นบัญชีอายุน้อยสุดเพียง 14 ปี
.
“ประสบการณ์อย่างหนึ่งที่ยังทำให้ดิฉันตกใจจนทุกวันนี้ เกิดขึ้นตอนอายุ 16 ปี ระหว่างที่กำลังจะกินข้าวนอกบ้านกับเพื่อน ตำรวจและเจ้าหน้าที่จากกรมกิจการเด็กและเยาวชน ได้เข้ามาจับกุมดิฉัน เพราะคิดว่าดิฉันกำลังจะไปประท้วง หรือไปก่อความไม่สงบเรียบร้อยในที่สาธารณะ พวกเขาลากตัวดิฉันออกจากร้านอาหาร และควบคุมตัวดิฉันไว้หลายชั่วโมงโดยไม่มีการตั้งข้อหา รวมทั้งไม่ได้แจ้งให้ดิฉันทราบถึงสิทธิของตนเอง แม้จะมีการปล่อยตัวในภายหลัง แต่ผลกระทบได้เกิดขึ้นแล้วกับตัวดิฉันและครอบครัว
.
“ไม่มีการใช้กลไกคุ้มครองเด็กเพื่อคุ้มครองเยาวชนนักกิจกรรม มีแต่ใช้ปิดปากพวกเรา สิ่งที่กรมกิจการเด็กและเยาวชนทำกับดิฉันในวันนั้น ไม่แตกต่างจากคนที่ละเมิดเด็ก แต่มักอ้างตัวว่าเป็นมิตรกับเด็ก เหตุใดเจ้าหน้าที่ของรัฐจึงอ้างว่ากำลังคุ้มครองเด็กในขณะที่ทำการละเมิดพวกเขา? ดิฉันตกใจมากที่ยังคงเห็นคนที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดเด็ก ยังคงทำงานกับองค์กรพัฒนาเอกชนระหว่างประเทศ ได้รับทุนสนับสนุน ได้รับการเลื่อนขั้น และที่สำคัญยังคงทำงานกับเด็กต่อไป เราจะรู้ได้อย่างไรว่าคนเหล่านี้จะละเมิดเด็กคนต่อไปเมื่อไร ความจริงคนเหล่านี้ควรมีชื่ออยู่ในฐานข้อมูลของผู้ละเมิดต่อเด็ก ไม่ใช่มีชื่อเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมกิจการเด็กและเยาวชน
.
“เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้ดิฉันส่งจดหมายร้องเรียนต่อองค์การสหประชาชาติ แต่รัฐบาลไทยไม่เคยตอบข้อกังวลของดิฉัน
.
“ดิฉันไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์เหล่านี้ ดิฉันรู้สึกสิ้นหวังที่เห็นเพื่อนสูญเสียอิสรภาพ เพียงเพราะใช้สิทธิของตนเอง หลายคนเอาชีวิตและร่างกายเข้าเสี่ยง อดอาหารประท้วงระหว่างถูกควบคุมตัว เพราะพวกเขาแทบไม่มีทางเลือกอื่นเลย”
.
อันนา กล่าวถึง กรณีในปีที่แล้วของ “บุ้ง เนติพร” นักเคลื่อนไหวที่ถูกกล่าวหาภายใต้กฎหมายหมิ่นประมาทกษัตริย์ ซึ่งเสียชีวิตในการคุมขังระหว่างการพิจารณาคดี หลังจากการอดอาหารประท้วง ส่วนในปีนี้ “ขนุน สิรภพ” ซึ่งถูกคุมขังในข้อหาเดียวกัน ได้อดอาหารเรียกร้องสิทธิการประกันตัวอีกครั้ง หลังถูกคุมขังมาแล้ว 1 ปี รวมทั้งล่าสุด “อาย กันต์ฤทัย” ก็ประกาศจะเริ่มต้นอดอาหารเช่นกัน
.
นับแต่ต้นปี 2563 มีผู้ถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์อย่างน้อย 278 คน รวมทั้งเด็ก 20 คน โดยเด็กอายุน้อยสุดที่ถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์มีอายุเพียง 14 ปี
.
อันนา กล่าวถึงร่างกฎหมายนิรโทษกรรมประชาชน ได้รับการเสนอต่อสภาในปีที่ผ่านมา แต่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหลายคนไม่เห็นพ้องด้วย ที่จะรวมข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์เอาไว้ ส่งผลให้หลายคนที่ถูกดำเนินคดีและถูกควบคุมตัวตามมาตรานี้ไม่มีความหวัง เมื่อเธอได้ทราบว่าประเทศไทยลงแข่งขันเพื่อรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เธอรู้สึกตกใจมาก เพราะคิดว่าตำแหน่งนี้ควรเป็นของประเทศที่มีเจตจำนงที่จะคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
.
“ประเทศไทยได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ในวาระปี 2568-2570 แต่ยังคงมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่นี่ รัฐบาลยังคงปฏิเสธที่จะร่วมมือกับกลไกสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ รวมทั้งองค์การแรงงานโลกที่ดิฉันได้พูดถึงสัปดาห์ที่แล้ว รวมทั้งกลไกอื่น ๆ อย่างเช่น พิธีสารเลือกรับตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน (OPCAT) ศาลอาญาระหว่างประเทศ และกลไกพิเศษแห่งสหประชาชาติ
.
“สิ่งที่พวกเราต้องการคือการยอมรับผิดของรัฐบาล พวกเขาต้องขอโทษต่อสาธารณะ ให้การชดเชยเยียวยาต่อผู้เสียหาย และเข้ารับการไต่สวนตามกระบวนการทางกฎหมาย รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมทั้งการคุกคามนักกิจกรรม การใช้ความรุนแรงต่อผู้ประท้วง และการมีส่วนร่วมในการบังคับให้สูญหาย
.
“เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ ประกาศจำกัดวีซ่าของเจ้าหน้าที่ของรัฐบาล ซึ่งเกี่ยวข้องกับการบังคับส่งกลับชาวอุยกูร์ ดิฉันดีใจที่ได้เห็นปฏิบัติการเช่นนี้กับผู้ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน และหวังว่ารัฐสภายุโรปจะมีปฏิบัติการแบบเดียวกัน ดิฉันต้องการเห็นมาตรการจำกัดการเดินทางของผู้ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน และมีเวทีที่ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการละเมิดสิทธิสามารถยื่นรายงานได้ ดิฉันหวังว่าจะมีการยึดทรัพย์ของผู้ที่มีส่วนร่วมในการละเมิดสิทธิมนุษยชน ประการสุดท้าย ดิฉันหวังว่าจะมีการตัดลดเงินสนับสนุนและความร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน”
.
———————–
.
ทั้งนี้ #คณะอนุกรรมการด้านสิทธิมนุษยชน (DROI) เป็นส่วนหนึ่งในรัฐสภายุโรป ที่มีภารกิจในการส่งเสริม และปกป้องสิทธิมนุษยชนทั่วโลก มีหน้าที่ในการตรวจสอบว่านโยบายภายนอกของสหภาพยุโรปสอดคล้องกับพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระดับสากล ภารกิจหลัก ได้แก่ การติดตามสถานการณ์สิทธิมนุษยชน การตรวจสอบความสอดคล้องของนโยบาย การประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนทั่วโลก การรณรงค์และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน และการสนับสนุนการปรับปรุงมาตรฐานสิทธิมนุษยชนในโลก นอกจากนี้ยังรับผิดชอบในการติดตามการแก้ปัญหาเร่งด่วนที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยที่ผ่านการอนุมัติจากรัฐสภา
.


คณะอนุกรรมการด้านสิทธิมนุษยชนมีสมาชิกทั้งหมด 30 คน ซึ่งมาจากสมาชิกรัฐสภายุโรป ที่จะประชุมร่วมกันเดือนละ 1-2 ครั้ง โดยการอภิปรายส่วนใหญ่จะเป็นสาธารณะ และถ่ายทอดสดผ่านทางเว็บไซต์ของรัฐสภายุโรป
.
.
อ่านเนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์จากลิงก์


https://tlhr2014.com/archives/74050
.....
.
.
ร่วมติดตามรับชมถ่ายทอดการประชุมได้ที่: https://multimedia.europarl.europa.eu/.../subcommittee-on...



เลื่อนไปที่เวลา 10:42:00

https://multimedia.europarl.europa.eu/en/webstreaming/subcommittee-on-human-rights-ordinary-meeting_20250320-0900-COMMITTEE-DROI?fbclid=IwY2xjawJJUbBleHRuA2FlbQIxMAABHcDqE2mzJ5yisls5ydwIhfuQZoZX3Y-gRdsnTJ71FYW0iSFDwCF1ydOlcg_aem_b10U0KPviGiX-Y5e5okA9g


ผู้พูดเรื่องเรื่องสิทธิมนุษยชนไทย







https://tlhr2014.com/archives/74050