วันศุกร์, พฤศจิกายน 15, 2567

ชวนอ่าน เรื่องที่ พิภพ อุดมอิทธิพงศ์ ไปศาล และได้คุยกับอานนท์ ขอให้อย่าติดเรื่องได้จับนมอานนท์ มองผ่านไป


Pipob Udomittipong
20h ·

เมื่อวานผมได้จับนมอานนท์ นำภาระหว่างอยู่ในศาลอาญาด้วย ผมถามอานนท์ ซึ่งมาศาลทั้งในฐานะจำเลย/ทนาย #คดีปักหมุดคณะราษฎร ว่าเป็นไงบ้าง เขาบอกว่า “พี่จับนมผมดูสิ” ผมอดสะท้านเล็กน้อยไม่ได้เมื่อเอามือไปแตะ นมใหญ่ขึ้นจริง ๆ

การมาศาลเป็นโอกาสที่มวลชนจะได้มาให้กำลังใจอดีตแกนนำ ส่วนอานนท์ นอกจากมา defend ตัวเองและจำเลยอีก 21 คนแล้ว ยังเป็นโอกาสได้มา reunion กับครอบครัว ก่อนวันเกิดของขาลวันเดียว มีป้า ๆ ซื้อเค้กให้ขาลด้วย ตอนเช้า ศาลยุ่งกับการเช็คชื่อ เพราะจำเลยบางคนไม่มาศาล หลายคนไปลี้ภัยไปแล้ว และเมื่อวานอาจมีลี้ภัยไปอีกคน ส่วนอานนท์ถูกนำตัวไปอีกศาล หนึ่งเพื่อฟังคำพิพากษาคดีที่เขาเป็นทนาย

จึงมีการต่อรองว่าจะให้เลื่อนการพิจารณาไปไหม แต่ศาลบอกว่าไม่ โทรสั่งให้ราชทัณฑ์นำตัวอานนท์มาตอนบ่ายทันที หลังเสร็จจากอีกศาลหนึ่ง เป็นบริการที่รวดเร็วประทับใจมาก เหมือนอานนท์มีรถยนต์+คนขับส่วนตัว เพียงแต่ต้องใส่ตรวนที่เท้าเท่านั้นเอง

ทั้ง 22 คนโดนคดีไม่เท่ากัน ที่โดน #มาตรา112 มีเพียง 7 คน ซึ่งลี้ภัยไปแล้วหลายคน การสืบพยานยังติดอยู่ที่พยานโจทก์ปากแรกที่เป็นตำรวจ ตอนบ่ายก็ยังไม่ได้สืบอีกแบบที่ศาลหมายมั่นปั้นมือ เพราะทั้งทนายจำเลย และจำเลยอย่างพี่สมยศ ไผ่ คัดค้าน เหตุเพราะยังไม่ได้หลักฐานสำคัญ 2 ชิ้นเพื่อแก้ต่างคดี

อันแรกคือสำเนาคำพิพากษาคดีที่กษัตริย์ร.7 ตกเป็นจำเลยและแพ้คดี ถูกฟ้องเรียกคืนทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ และตารางการบินของร.10 ซึ่งจำเลยยืนยันว่า จำเป็นต้องใช้เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่พูดเป็นความจริง อานนท์บอกเสียงดังฟังชัด “ถ้าศาลไม่ออกหมายเรียก เท่ากับว่าศาลปฏิเสธตันธารความยุติธรรม”

ผู้พิพากษาถามว่า แล้วถามคำถามอื่นที่ไม่เกี่ยวกับเอกสารไปก่อนไม่ได้หรือ อานนท์บอกว่า “ผมต้องการพยานเอกสารเพราะในคำฟ้องมีการกล่าวหาว่าผมพูดเท็จ” ผพษ. จึงบอกว่า “โอ๊ย มันเป็นคดีที่เก่าแก่โบราณแล้ว ผมว่าคำพิพากษามันน่าจะไปยู่ในพิพิธภัณฑ์แล้วล่ะ คุณสืบไปก่อน แล้วศาลจะพยายามขอให้อีกทีได้ไหม” ศาลต่อรองเหมือนคนไทยทั่วไปที่พูดบ่ดายไป

อานนท์บอกว่า “ถ้าท่านยืนยันว่าคำพิพากษาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ ผมจะขอไป ขอให้ศาลอุทธรณ์ตอบมาก่อน” ผมคิดในใจว่า ถ้าจริงเหมือนศาลบอกว่า คำพิพากษานี้อยู่ที่พิพิธภัณฑ์ เท่ากับมันอยู่ใน public domain การคัดสำเนามันจะยากเย็นแบบนั้นได้อย่างไร เหมือนเล่นเกมยื้อกันไป บ้านเมืองเราก็โย้กันไปมาแบบนี้

อะไรที่เกี่ยวกับกษัตริย์ มันช่าง “ศักดิ์สิทธิ์” “untouchable” เสียจริง

วันนี้กับพรุ่งนี้ (14 +15 พ.ย.) ยังมีการสืบพยานที่ศาลอาญาต่อครับ โดยพยานปากแรกที่เป็นตำรวจจะงดการสืบไว้ก่อน เพื่อรอเอกสารเจ้าปัญหาที่ไม่ขนาดศาลไทยยังไม่มีปัญญาเรียกมาไม่ได้ แถมอัยการยังเสนอให้ใช้พรบ.ข้อมูลข่าวสาร บอกให้ทนายจำเลยไปอุทธรณ์กับคณะกรรมการวินิจฉัยฯ เอง บ้าไปแล้วเปล่า?

ปล. ภาพจากพี่ Sinsawat Yodbangtoey