วันเสาร์, พฤศจิกายน 09, 2567

เลิกผลิตซ้ำระบบคิดแบบชายเป็นใหญ่ เรื่องราวของ ชไมพร จิรชัยสุทธิกุล หน้าและตัวของเธอโดนน้ำกรดสาดจนแสบไปหมด


มนุษย์กรุงเทพฯ
18 hours ago
·
“เรารู้จักกับผู้ชายคนหนึ่งตอนกำลังจะขึ้น มศ.3 ช่วงแรกเขานิสัยโอเค พาไปเที่ยวและซื้อของให้ แต่เวลาผ่านไป เขาเริ่มแสดงออกถึงความหึงหวง แค่เราไปไหนกับเพื่อนผู้หญิงก็ไม่พอใจ แล้วพูดว่า ‘เป็นทอมกับดี้เหรอ’ เรางงเลยว่าไปเอามาจากไหน เพราะสมัยนั้นไม่ค่อยมีใครพูดเรื่องนี้ เราเจอแบบนั้นแล้วอึดอัด หลังจากคบไม่ถึงปีเลยบอกเลิกกับเขา ช่วงแรกเขาไม่ยอมเลิก บอกว่ารักเรามาก และตามตื๊ออีกสักพัก ช่วงหลังก็หายไป ตอนนั้นเราคิดว่าเขาคงทำใจได้แล้ว เราเข้าเรียน ปวช. จนจบเทอมแรก พอถึงช่วงปิดเทอม วันนั้นเรามาเดินเล่นกับเพื่อนที่สวนลุม ได้ยินเสียงเขาเรียกชื่อ แล้วอยู่ๆ ก็มีน้ำสาดมาที่หน้า

“หน้าและตัวของเราโดนน้ำกรดจนแสบไปหมด สวนลุมในสมัยนั้นขับรถเข้ามาได้ มีทหารยศนายพันขับผ่านมา เขาทำท่าจะไปตามคนก่อเหตุ แต่เราขอให้ช่วยพาส่งโรงพยาบาลก่อน เรารักษาตัวอยู่โรงพยาบาลสามเดือนกว่า พอแผลค่อยยังชั่วก็ออกมาอยู่บ้าน ตอนนั้นเราอยู่ชุมชนซอยพระเจน แม่ไม่อยากให้เจอคำพูดแย่ๆ ของคนแถวบ้าน เลยให้ย้ายออกไปอยู่ที่บ้านของพี่สาว เหตุการณ์นั้นออกข่าวเช้าในวิทยุ ลงหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งด้วย มีตำรวจมาสอบปากคำที่โรงพยาบาล ทหารคนนั้นก็ช่วยเป็นพยานให้ด้วย เหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2516 เวลาผ่านไปจนหมดอายุความก็จับตัวคนก่อเหตุไม่ได้

“ช่วงแรกเราทำใจรับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ เคยออกไปที่ป้ายรถเมล์ คนเห็นก็แสดงออกว่ากลัว มีเด็กเห็นแล้วร้องไห้ด้วย เราสะเทือนใจมาก ช่วงนั้นเลยไม่อยากออกไปไหนเลย บางวันที่ต้องออกไปข้างนอกก็มีเพื่อนไปด้วย แต่พวกเขาไม่ได้อยู่ด้วยตลอด เรามีความรู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระคนอื่น เลยบอกเพื่อนว่านอนไม่หลับ ช่วยซื้อยานอนหลับให้หน่อย ค่อยๆ สะสมจนได้ร้อยกว่าเม็ด แล้วอาศัยจังหวะที่พี่สาวไม่อยู่ กินทั้งหมดนั้น ปรากฏว่าวันนั้นพี่สาวอีกคนมาเยี่ยมพอดี เขาเลยพาเราส่งโรงพยาบาล ต้องล้างท้องและมีอาการน้ำท่วมปอดอีก พี่สาวพูดกับเราว่า ‘ไม่ต้องตายแล้ว อยู่ด้วยกัน เดี๋ยวช่วยเหลือกันไป’

“ถ้าเราอยากตายแล้วไม่ตาย งั้นต้องลุกขึ้นสู้ละ เราไปช่วยพี่สาวขายของที่ต่างจังหวัด ต่อมาก็ช่วยพี่สาวอีกคนขายของในห้าง เจอใครมองก็อดทน ตอนขายของกินในห้าง พนักงานห้างหน้าตาสวยๆ มาบอกคนที่ดูแลพื้นที่ว่า ‘เอาคนนี้มาขายทำไม น่ากลัว’ พอคนดูแลมาคุยด้วย เราบอกว่าตัวเองมาช่วยพี่สาวเก็บเงิน เดี๋ยวจะกลับไปคุยแล้วหาคนมาแทน ตอนนั้นเราเลยกลับมาอยู่บ้าน บางครั้งรู้สึกว่าโลกไม่น่าอยู่ ตัวเองโดนขนาดนี้ คนในสังคมยังทำแบบนี้ แต่พยายามอดทน และได้กำลังใจจากครอบครัว วันหนึ่งพี่สาวมาต่อยอดธุรกิจหอพักของแม่ แล้วเรามาช่วย เลยได้กลับมาชุมชนซอยพระเจนอีกครั้งเมื่อปี 2529

“เราดูแลหอพักจนชีวิตเริ่มอยู่ตัวมากขึ้น เวลาผ่านไปร่วมยี่สิบปี มีคนมาชวนไปเป็นกรรมการของชุมชน ช่วงนั้นเลยได้ดูแลงานของชุมชน คอยติดต่อเรื่องต่างๆ กับทางเขต ต่อมามีโครงการที่มูลนิธิเพื่อนหญิงทำร่วมกับ กทม. อยากได้อาสาสมัครมาทำงานเรื่องความรุนแรง เราไปอบรมจนได้เป็นชุมชนนำร่อง การอบรมทำให้รู้วิธีปฏิบัติกับคนที่เจอความรุนแรง เข้าหายังไง พูดยังไง เราต้องถามความสมัครใจด้วยว่าอยากให้ช่วยไหม อีกสิ่งที่สำคัญคือ ในการช่วยเหลือแต่ละครั้งต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองด้วย ถ้าสถานการณ์นั้นมีความอันตราย เราใช้วิธีโทรแจ้งตำรวจก็ได้

“ครอบครัวแรกที่เราทำงานด้วย พ่อฆ่าตัวตาย แม่ติดเหล้า ลูกติดยาแล้วไม่ได้เรียน เขาไม่มีเงินค่าเช่าบ้านและไม่ได้ทำงาน เราเลยพาแม่ไปอยู่บ้านพักฉุกเฉิน ต่อมาก็ได้ทำงาน เราช่วยส่งลูกไปบ้านพักเด็กและครอบครัว คอยติดตามให้เขาได้เรียนหนังสือ ทั้งหมดนั้นใช้เวลาหลายปีเลย ที่ชุมชนอื่นก็เคยไปช่วย มีผัวเมียคู่หนึ่งเลิกกันแล้ว แต่ผัวไม่พอใจ เอาน้ำมันสาดใส่เมียแล้วจุดไฟ ตอนนั้นฝ่ายชายติดคุกแล้ว เราไปให้กำลังฝ่ายหญิงว่า ‘ตอนนี้รู้สึกแบบนี้ แต่เวลาผ่านไปจะดีขึ้น พี่เป็นกำลังใจให้ เธอดูสิ พี่ยังผ่านมาได้เลย’ เขามองเรา คงคิดในใจว่า ถ้าพี่ไม้ผ่านมาได้ ตัวเองก็ต้องผ่านไปได้เช่นกัน

“ปัจจุบันงานของเราได้รับการสนับสนุนจาก มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ทำงานร่วมกันมาจะสิบปีแล้ว มูลนิธิมีเงินซัพพอร์ต จัดเคสคอนเฟอเรนซ์ จัดอบรมให้คนทำงาน ติดขัดอะไรก็ปรึกษากัน ทุกวันนี้คนในชุมชนรู้ว่าเราทำงานนี้ มีคนมาขอความช่วยเหลืออยู่เป็นระยะ คำว่าความรุนแรงไม่ใช่แค่ทำร้ายร่างกาย บางคนโดนบูลลี่ เราจะเข้าไปพูดคุยให้กำลังใจ ทำให้เขาลุกขึ้นยืนได้ เวลาช่วยเหลือได้แต่ละเคส เรารู้สึกดีและดีใจมากเลย

“สาเหตุสำคัญของความรุนแรงคือ สังคมชายเป็นใหญ่ เมื่อผู้ชายมองผู้หญิงเป็นทรัพย์สมบัติ พอมีความขัดแย้ง ผู้ชายมักแสดงอำนาจเหนือ สมัยก่อนผัวตีเมียเป็นเรื่องปกติ เห็นได้จากละครทีวีที่ผัวตีเมียแล้วไม่ผิด แต่สมัยนี้คนในสังคมตระหนักแล้วว่าการทำร้ายร่างกายคือเรื่องผิดกฎหมาย คนเราชอบกันรักกัน เป็นผัวเมียกัน มีปัญหาอะไรก็ควรคุยกันดีๆ ถ้าใครทำอะไรผิด สิ่งที่ควรทำคือการเจรจาหรือเลิกกันไปเลย ถ้าบ้านไหนมีพ่อทำร้ายแม่ให้ลูกเห็นทุกวัน ความรุนแรงนั้นจะส่งต่อไปที่ลูกด้วย เมื่อลูกชายโตเป็นผู้ใหญ่ เขาอาจใช้ความรุนแรงแบบเดียวกัน เพราะนั่นคือสิ่งที่เขาเคยเห็นมาตั้งแต่เด็ก”

.
ชไมพร จิรชัยสุทธิกุล
.

#FACETHEVOICE #มองด้วยตาฟังด้วยใจ #สำนัก9 #สสส #นับเราด้วยคน #Mutual

https://www.facebook.com/bkkhumans/posts/1092180055611112