วันจันทร์, ตุลาคม 31, 2565

บทเรียนที่เจ็บปวดของฝ่ายซ้ายอิหร่าน


Pipob Udomittipong
1d

บทสัมภาษณ์ Chahla Chafiq นักสังคมนิยม แกนนำฝ่ายซ้ายชาว #อิหร่าน เธอมีอายุ 25 ปีตอนเข้าร่วมการปฏิวัติโค่นล้มระบอบกษัตริย์ปี 1979 ซึ่งลำพังผู้นำศาสนาอย่างโคมัยนีไม่มีทางทำได้สำเร็จ ฝ่ายซ้าย (Leftists) ทั้งในและนอกปท.มีบทบาทสำคัญมากในการเคลื่อนไหวร่วมกับกลุ่มศาสนา (Islamists) จนนำไปสู่การปฏิวัติในปี 1979 โค่นล้มระบอบกษัตริย์ สถาปนาระบอบสาธารณรัฐได้สำเร็จ แต่ต่อมากลับถูกฝ่ายศาสนาหักหลัง ปราบปรามจนเสียชีวิต ลี้ภัยจำนวนมาก กลายร่างเป็นเป็นทรราชที่เลวร้ายยิ่งกว่าระบอบชาห์
ชาฟิกบอกว่า หลังการปฏิวัติ อิหร่านได้ประธานาธิบดีจากการเลือกตั้งคนแรกที่เป็นฝ่ายซ้าย เพราะโคมัยนีไม่เห็นด้วยกับการให้ผู้นำศาสนาลงเล่นการเมือง แต่เพราะความรังเกียจและต่อต้านจักรวรรดินิยมตะวันตก และความไร้เดียงสาทางการเมือง ทำให้ฝ่ายซ้ายในอิหร่านยอมทำตามข้อเสนอของฝ่ายศาสนาทุกอย่าง แต่ตอนหลังถูกปราบปราม จนฝ่ายเทวาธิปไตย Theocrats เข้าควบคุมยึดอำนาจเบ็ดเสร็จ ออกกฎระเบียบเพื่อควบคุมเสรีภาพของประชาชน เริ่มจากการกดหัวผู้หญิงด้วยการบังคับให้สวมฮิญาบ และกดขี่สิทธิผู้หญิงมากมายจนถึงปัจจุบัน
ตอนแรกฝ่ายซ้ายในอิหร่านไม่เชื่อว่ากลุ่มศาสนาจะมีพลังมากมาย และหวังจะใช้โคมัยนีเป็นเครื่องมือเพื่อสร้างรัฐสังคมนิยมขึ้นมา พันธมิตรฝ่ายซ้ายต่างจับมือสนับสนุนโคมัยนีทั้งหมด เพราะเห็นว่าเขาเป็นสัญลักษณ์การต่อต้านจักรวรรดินิยมอเมริกาและตะวันตก และเชื่อว่าเขาจะอยู่ในอำนาจไม่นาน จากนั้นก็จะวางมือ ฝ่ายซ้ายเชื่อว่าเป็นแค่ระยะเปลี่ยนผ่าน หลังจากนั้นพวกเขาจะสามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างได้ เหมือนกับการปฏิวัติรัสเซีย ชาฟิกบอกว่า ตอนนั้นไม่ว่าฝ่ายซ้ายหรือลิเบอร์รัล ต่างไม่แคร์กับแนวคิดเรื่องสิทธิมนุษยชน หรือสตรีนิยม เพราะเห็นว่าเป็นคุณค่าของฝรั่ง ไม่ได้เป็นเรื่องเร่งด่วน เมื่อสร้างรัฐสังคมนิยมขึ้นมาได้ ปัญหานี้จะหมดไปเอง
ชาฟิกเห็นว่า มันเป็นความผิดพลาดใหญ่สุดของฝ่ายซ้ายในตอนนั้น เพราะตั้งแต่ต้น พวกเขาไม่ให้ความสำคัญกับสถานะของผู้หญิง ไม่สนใจ #feminism ซึ่งถูกมองว่าเป็นคุณค่าแบบตะวันตก แบบจักรวรรดินิยม เพราะฝ่ายซ้ายต่อต้านตะวันตก เราจะไปรับเอาความคิดเรื่องสตรีนิยมมาได้อย่างไร “It was an idea that came from the West. Since the left groups were all, across the board, anti-Western, feminism was something that they did not consider putting forward. This was a big error.”
ขนาดตอนหลังปฏิวัติสำเร็จในปี 1979 Kate Millet เฟมินิสต์อเมริกันเดินทางไปอิหร่าน เพื่อสนับสนุนกลุ่มผู้หญิงให้ประท้วงต่อต้านการบังคับสวมฮิญาบ แต่ปรากฏว่ามิลเลตกลับถูกโจมตีจากฝ่ายซ้ายทั้งในอิหร่านและสหรัฐฯ ซึ่งตอนนั้นเห็นว่าต้องวางหลักการทุกอย่างไว้ เพื่อให้การโค่นล้มจักรพรรดินิยมอย่างสมบูรณ์ก่อน พวกเขาด่าเฟมินิสต์ที่มายุให้ผญ.อิหร่านต่อต้านการบังคับสวมฮิญาบว่า “คุณมีสิทธิอะไรมายุ่งเรื่องนี้ พวกเรากำลังต่อต้านจักวรรดินิยม” “What right do you have, from what position are you speaking? We’re anti-imperialists.”
แต่ปรากฏว่าโคมัยนีหักหลังฝ่ายซ้ายทีละน้อย ในปี 1981 เขายึดอำนาจจาก Abolhassan Banisadr ประธานาธิบดีฝ่ายซ้ายที่มาจากการเลือกตั้งคนแรกของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน เข่นฆ่าสังหาร จับกุมคุมขังฝ่ายซ้ายที่กระด้างกระเดื่องทุกคน บังคับกฎเกณฑ์อย่างเข้มงวด รวมทั้งการบังคับให้ผญ.ต้องสวมฮิญาบเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ เพราะฝ่ายซ้ายยอมวางหลักการไว้ก่อน เพราะความไร้เดียงสาแบบนี้เอง
https://jacobin.com/.../chahla-chafiq-iranian-left...