วันพุธ, ตุลาคม 26, 2565

มีคำเตือนมาว่าตอนนี้มีกลุ่มกระบวนการใต้ดินกำลังจ้องจัดการนักกิจกรรมฝั่งปชต.ถึงขั้นเอาชีวิต เพื่อให้พวกเราหยุดเคลื่อนไหว

In Thailand ?

Anchalee Ismanyee
14h

พาน้องเอียมาแจ้งความที่สน.(ขอสงวนชื่อ) จนทตร.ชุดแรก 2 คนที่รับเรื่องมีน้ำใจดี รับฟังและเห็นใจน้อง รวมถึงคุยกันว่าจะไปดูกล้องวงจรปิดให้ ก่อนเชิญพวกเราเข้าห้องไปพบสารวัต จนท.หนุ่มพูดกับพวกเราว่า "ไม่ควรมีใครเจอเรื่องแบบนี้"
แต่พอเข้าไปพบท่านสารวัตในห้อง บรรยากาศนุ่มนวลที่ชวนให้คิดว่าที่นี่มีเอมพาที่ให้เด็กอายุ 13 ก็จบลงทันที และเริ่มการพูดคุยที่สะท้อนสันดานหมารับใช้ผู้ยิ่งใหญ่เหนือประชาชน
ตร.: เป็นอะไรกัน
กู: เป็นคนดูแลน้องค่ะ
ตร.ดูแลอะไร
กู: คือน้องเป็นนักกิจกรรมค่ะ เราอยู่กลุ่มกิจกรรมเดียวกันกับน้อง เลยมาช่วยดูแลค่ะ
เอียร์: แม่ผมเป็นคนขอให้พี่เค้ามาแทน
ตร.ต้องเอาผู้ปกครองจริงๆมา ไม่งั้นสอบสวนไม่ได้
กู: นี่เข้าใจว่าน้องจะต้องเข้ามาอีกครั้งพร้อมจนท.พม.ไม่ใช่เหรอคะ แล้วสน.ต้องเป็นคนนัด
ตร.ใช่ ก็ต้องเอาผู้ปกครองจริงๆมา ไม่งั้นเดินเรื่องต่อไม่ได้
กู: นี่ไม่ได้มาในฐานะผู้ปกครองเพื่อการสอบสวนนะคะ แค่พามาแจ้งความไว้ เพื้อให้สน.นัดน้องเข้ามาสอบสวนพร้อมจนท.พม.
ตร.: นั่นแหละ ต้องเอาผู้ปกครองจริงๆมา แล้วมรหลักฐานมั้ย
กู: เห็นเค้าไปหาวีดีโอจากกล้องวงจรปิดตรงนั้นให้อยู่ค่ะ
ตร. กล้องวงจรปิดไหน! ใครไปหา! ชื่ออะไร
กู: ก็จนท.คุณอ่ะ เป็นคนไปหาให้ เขาพูดกันเองว่าต้องไปดูกล้องวงจรปิด เหตุมันเกิดหน้าวังสวนจิตร
ตร. จนท.คนไหน ชื่ออะไร(ท่าทางไม่พอใจ)
กู(เริ่มหัวร้อน) ก็จนท.ที่เค้านั่งรับเรื่องอยู่ข้างหน้าเนี่ยะ!
ตร. คนไหนมาชี้ให้ผมดู (เดินออกจากห้อง)
ออกมาไม่เหลือใครให้ชี้เพราะเขาไปหากล้องวงจรปิดกัน
ตร. อ่ะงั้นรอก่อน แล้วนี่สรุปเป็นอะไรกัน
กู: .....
กูจะเป็นควยอะไรกันก็ไม่ใช่เรื่องที่มึงควรสงสัยจนจี้ถามเหมือนมึงสอบสวนกู ละงงนะ ที่น้องพยายามเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง แต่เล่าได้แค่ 2 คำมึงก็กลับมาสงสัยว่ากุเป็นอะไรกันอยู่นั่นแหละ
...
9h

เคสของเอียร์ เริ่มจากการติดแยกไฟแดงแถวหน้าวัง แล้วถูกกลุ่มชายฉกรร 6 คนจากอีกแยกมองหน้าแล้วขี่รถประกบมาบอกให้จอด เอียร์ตัดสินใจขี่รถย้อนไปที่วังจิตรดา เพราะจุดนั้นมีเจ้าหน้าที่ตร.ทหารประจำการอยู่เยอะ คือเด็กเค้ายังมีความเชื่อและความหวังว่าคนในเครื่องแบบตรงนั้นจะปกป้องและช่วยเหลือเขาได้
แต่ในความเป็นจริงคือ กลุ่มที่มาข่มขู่เอียร์แสดงอาวุธชัดเจน ที่ว่ามีดคือใหญ่ขนาดที่เรียกว่าดาบได้เลย ทุกคนมีปืน พวกเขาต่อยเด็กอายุ 13 มือเปล่าในขณะที่พวกเขาแต่ละคนมีอาวุธมากกว่า 1 ชิ้น เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นฝั่งตรงข้ามประตูวัง ที่มีทหารเป็นสิบๆคนยืนเฝ้าเวรยามเพื่อรักษาความปลอดภัยให้คนที่อยู่หลังประตูนั่นอย่างเคร่งครัด เพราะถ้าหากใครก้าวออกไปจากที่ที่ตนเองยืนอยู่นั่นหมายถึงผิดวินัย
ความเชื่อมั่นและความหวังต่อคนเหล่านี้ของเด็กชายคนหนึ่งได้พังทลายและแตกสลายอยู่ตรงนั้น ในขณะที่เขาถูกทำร้าย มีเพียงดวงตานับสิบคู่จากอีกฝั่งของถนนมองมาที่เขาอย่างเงียบงัน ไม่มีแม้เสียงที่จะแสดงให้รู้ว่ามีมนุษย์อยู่ตรงนั้น
"ถึงจะขยับออกจากพื้นที่ที่ตัวเองยืนไม่ได้ แต่ถ้ามีความเป็นคนอย่างน้อยก็ช่วยส่งเสียงห้ามปรามได้" พิมบอก
"ทหารเป็น 10 คน เขาเห็นผมโดนขู่ โดนต่อย แต่เขาไม่ช่วย นอกเครื่องแบบผ่านมาเห็นก็ไม่ช่วยผม"
เอียร์พูดย้ำหลายครั้งทั้งตอนที่เราคุยกัน ไปถึงตอนที่เราพาไปแจ้งความ
บุคลิคของเอียร์ถ้ามองด้วยสายตาคนชั้นกลางค่อนไปทางสูงจนถึงเหล่าอีลิตศีลธรรมงามจิต ก็สามารถพูดได้เลยว่าไอนี่มันคือ "เด็กเหี้ย" บุคลิค วิธีการพูดจา สะท้อนชัดว่าเขาเติบโตมาในสังคมชนชั้นล่างที่ครอบครัวไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอบอุ่น
"ผมเคยถูกคนพวกนั้น 2 คนเอาปืนมาจี้ผม ให้ผมช่วยเป็นสาย" เอียร์เล่าให้เจ้าหน้าที่หนุ่มฟัง เราที่เป็นคนฟังก็ไม่รู้ว่า "พวกนั้น" และการเป็น "สาย" มันคืออะไรกันแน่ แต่ที่ชัดเจน คือผู้ใหญ่เหี้ยๆ 2 คนถือปืนมาขู่เด็กเพื่อให้เด็กยอมทำตามคำสั่งตนเอง นี่คือความระยำตำบอน
เด็กคนนี้ผ่านอะไรมาบ้างนะกับวัย 13 ปี เด็กคนนี้แตกสลายไปกี่ครั้งแล้วกับความเชื่อที่ว่าจะมีผู้ใหญ่ในเครื่องแบบซักคนออกมาปกป้องและช่วยเหลือเขาหากเขาถูกรุมทำร้าย
หัวใจดวงน้อยในร่างผอมบางนั่นซ่อนความหวาดกลัวและสิ้นหวังจากพวกผู้ใหญ่ขี้ขลาด เลยแปรเป็นความหยาบคายก้าวร้าวเพื่อปกป้องตนเอง ด้วยรู้ว่าไม่มีผู้ใหญ่คนไหนที่คิดปกป้องเขาจากความรุนแรงที่เกิดขึ้นตรงหน้า
ภาคีเซฟบางกลอยสนับสนุนค่าเดินทางเพื่อดำเนินการในประเด็นที่พิม สมาชิของภาคีถูกจ้องเอาชีวิต แต่เมื่อเอียตกลงมาร่วมด้วย เราก็เลยขอให้ภาคีช่วยดูแลเอียร์ด้วยอย่างเท่าเทียมกันกับพวกเราโดยไม่ได้ผ่านมติในที่ประชุมก่อน แต่บุ๋มผู้จัดการบัญชีใช้จ่ายของพวกเราก็ตกลงทันที และเราเชื่อว่าเพื่อนๆในภาคีทุกคนก็ยินดีที่จะช่วยซัพพอร์ตน้องตรงนี้ เพื่อให้การต่อสู้เพื่อคืนความเป็นธรรมให้ตัวเองของน้องสามารถมีหนทางไปต่อได้จริง
"พวกพี่ดีกับผมจังเลย พวกพี่ดีจริงๆ ผมไปที่ไหนก็ไม่เคยได้เงินแบบนี้"
คำพูดบนรถแท๊กซี่ที่เรากำลังมุ่งหน้าไปสถานีตำรวจด้วยกันจากเอียร์ สั้นและง่าย แต่เราสัมผัสได้ไปถึงหัวใจของเขาที่ยังมีความรักความอ่อนโยนและไร้เดียงสาอยู่ในนั้น
"จะช่วยชาวบ้านได้ก็ต้องช่วยคนข้างๆกันให้รอดก่อน ไม่งั้นจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปต่อสู้ล่ะ" ฉันตอบเขา
การพบเอียร์วันนี้ ทำให้เรานึกถึงคำพูดที่พ่อพูดอยู่บ่อยๆว่า "ที่เด็กมันเลว ก็เพราะผู้ใหญ่มันเหี้ย"
อย่าเรียกร้องหาความเคารพหรือความรักความศรัทธาจากเด็ก ถ้าในวันที่เขาถูกทำร้าย ผู้ใหญ่อย่างมึงทำได้แค่มองและนิ่งเงียบ