วันนี้ขอสั้นๆ เรื่องของตะหานที่ไม่จบง่ายๆ ตราบเท่าที่ยังไม่สำนึกให้ถูกต้องกัน
โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องหญิงไทยวัย ‘มิลเล็นเนียล’ (๒๘ หย่อนๆ) แต่ทำตัวโบราณ อ้างเป็นนักพูดเพื่อพ่อ รู้มาก รู้หมด เมื่อพูดในที่จำกัด อย่างหอประชุม สโมสร โรงละคร ก็โอเค
ครั้นออกมาในที่กว้างอย่างโลกออนไลน์ไซเบอร์ เจอตรวจสอบ โดนขุดโน่นขุดนี่ เลยเป๋ไม่เป็นท่า น่าสงสารน่าเห็นใจอยู่หรอก ถ้าหากน้ำตาที่หยดเปื้อนจอไม่ใช่ส่วนหนึ่งของแพ็คเกจ ๓๕,๐๐๐ บาท
ตานี้ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่เธอว์แล้วละ เพราะต้นสังกัดของ 'นักพูดร้อยศพ' คนนี้ (ฉายาที่ได้จากเธอเคยไปพูดตามงานศพต่างๆ เป็นหลัก) ดันเป๋ตามไปด้วย
“เขาสร้างมันขึ้นมา อิงกระแสแต่มันเหลิงเพลินไปหน่อย คนสร้างก็เลยหน้าแตกเป็นแถวๆ น่าจะเป็นบทเรียนราคาแพงกว่าค่าตัวอรพิมพ์ ไม่จบง่ายๆ แล้ว” (จากทวี้ตของ Frequency@HS2_QRK5_s9)
แรกปฏิเสธทันควัน เธอไม่ใช่ลูกจ้าง ก็เลยโดนชาวเน็ตสวนทันที มีคลิปที่แม่เจ้าประคุณไปบรรยายให้แก่ คสช.จะจะ ออกมาแฉ
แล้ววินธัย (สุวารี) ยังมีหน้าบอกว่า “กองทัพไม่ได้จ้าง และเธอก็ไม่ได้เป็นคนของกองทัพ แต่ยอมรับว่า...เชิญ ‘เบส อรพิมพ์’ มาพูดบ่อยครั้ง”
(http://www.matichon.co.th/news/365848)
จากนั้นทีมโฆษก คสช. ก็ตามมาย้ำ “ขอยืนยันว่านางสาวอรพิมพ์ หรือเบส ไม่ได้เป็นเครื่องมือของกองทัพตามที่มีการวิพากษ์วิจารณ์แต่อย่างใด”
แม้นว่า “กองทัพจึงเชิญนางสาวอรพิมพ์มาเป็นวิทยากร ในการบรรยายและให้ข้อคิดเกี่ยวกับสถาบัน” พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ช่วยแถ
เลยเป็นข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ว่าอะไรกระทบ คสช. ต้องแก้ตัวไว้ก่อน เหมือนเรื่องทหารผู้น้อยถูกครูฝึกทั้งเฆี่ยนและถีบกระทืบ แม้วินธัยจะรีบยอมรับว่าเป็นการ “ปฏิบัติต่อผู้เข้ารับการฝึกอย่างไม่เหมาะสม และไม่เป็นไปตามระเบียบตามที่ทางราชการกำหนด”
ก็ยังมีการแถเพื่อจะได้ไม่ต้องรับผิด (รับแต่) ชอบ โดย “พล.ต.วีรยุทธ วุฒิศิลป์ ผู้บัญชาการศูนย์การทหารม้า (ผบ.ศม.) กล่าวกับ ‘เดลินิวส์ออนไลน์’ ถึงกรณีนี้ว่า
“การลงโทษของครูฝึกเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ที่ใช้ไม้ฟาด แต่อาจจะด้วยความรักลูกศิษย์และหวังดีต่อนักเรียน”
(http://prachatai.org/journal/2016/11/68908)
เอ่อ แบบนี้ก็มีแต่ในไตแลนเดียที่นี่แห่งเดียว ที่กระทำรุนแรงทั้งตีทั้งถีบแล้วยังอ้างว่า ‘ด้วยความรักและหวังดี’
ถึงจะอธิบายว่าเด็กทำผิดถูกตัดแต้มมาแล้วจนเกือบหมด แต่การลงโทษเกินไปไกลลิบจนทำให้เด็กบาดเจ็บและอาจถึงตายได้ (ตัวอย่างเคยมีมาแล้ว ใช่ไหม) ไม่ควรที่จะเป็นสิ่งทำได้ หรือกระทั่งแค่คิด
พ่อของเด็กเอง ซึ่งเป็นทหารเก่าอดีตกำลังพลกองพันทหารม้าที่ ๔ รักษาพระองค์ ยังตำหนิในฐานะ “ผมเป็นทหารอาชีพ” ว่า “การกระทำโทษลักษณะเช่นนี้ไม่มี จะไม่มีการถูกเนื้อตัว ไม่มีไม้ตี ใช้เท้าถีบ
ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ต้องมีทุกคน สุนัข แมว ยังมี พรบ.คุ้มครอง...ผมขอเรียกร้องความรับผิดชอบไปยังผู้กระทำผิดและแผนกการรบพิเศษ สิ่งนี้ไม่ควรเกิดขึ้น
ถ้าไม่มีคลิปออกมาลูกผม เจ็บฟรี ตายฟรี ไหมครับ”
(http://prachatai.org/journal/2016/11/68908)
นี่ไง ความรับผิดชอบชั่วดีก็อย่างหนึ่ง พึงต้องมีเต็มเปี่ยม จะหลุดจะเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว (‘ทั้งก้อน’ แบบเดียวกับที่สาวเบสท์นักพูดขอให้คนฟังสำเหนียกภาพรวมเนื้อหาทั้งมวล และโฆษกทหารให้ดูที่เจตนา)
ทว่าการพูดคำเท็จปฏิเสธทุกสิ่งเมื่อมีเรื่องร้ายในตัวปรากฏ อย่างที่ คสช. ทำสม่ำเสมอเพื่อให้ดูดี เป็นช่องหลีกลี้หนีความผิด นั้นใช้ไม่ได้ ไร้วุฒิภาวะ รังแต่จะเข้าเนื้อตัวเองร่ำไป