"อวยกันเอง ครื้นเครงในกะลา"
นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ว่า ราคาสินค้าเกษตรตกไม่เกี่ยวกับรัฐประหาร การรับจำนำยุ้งฉางไม่ผิดเพราะไม่ได้จำนำทุกเมล็ด ไม่ต้องเช่าคลังเก็บ และอย่าเรียกจำนำยุ้งฉางเพราะต่างจากจำนำข้าว แต่ตามข้อเท็จจริงราคาสินค้าเกษตรของไทยทุกชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือก มันสำปะหลัง ข้าวโพดและยางพารา ราคาตกต่ำเป็นสถิติใหม่หลังการยึดอำนาจ ถ้าการรัฐประหารไม่เกี่ยวก็ต้องเป็นเพราะผู้บริหารหลังจากนั้นไร้ปัญญาและความสามารถ ส่วนการรับจำนำยุ้งฉางคือการแทรกแซงตลาดด้วยการรับจำนำเช่นกัน เพียงแต่เปลี่ยนสถานที่เก็บข้าวเปลือกจากโกดังกลางมาเก็บที่ยุ้งฉางชาวนาโดยเสียค่าฝากเก็บจำนวน 1,500 บาท การพูดจาขัดกับมติ ครม. ที่ตัวเองนั่งอยู่หัวโต๊ะจึงสะท้อนวุฒิภาวะและสติปัญญาของผู้พูด
คำพูดดังกล่าวนอกจากเป็นการแก้ตัวแล้วยังแสดงให้เห็นว่า นรม. ไม่มีความรู้เรื่องเศรษฐกิจเลย เพราะสภาพที่เป็นอยู่ขณะนี้คือการส่งออกตกอย่างต่อเนื่อง โรงงานอุตสาหกรรมทยอยปิดลงซึ่งจะมีคนตกงานจำนวนมาก ส่วนการท่องเที่ยวที่เป็นความหวังต้องเสียหายเพราะการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญที่ไม่มีมาตรการใดมารองรับ ทางรอดของเศรษฐกิจไทยจึงเหลือเพียงต้องกระตุ้นให้เกิดการบริโภคภายใน แต่รัฐบาลกลับปล่อยให้ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำอันจะทำให้กำลังซื้อของประชาชนประมาณ 40% หดหายไป ทางรอดเดียวที่จะพยุงเศรษฐกิจต้องจบลงเพราะความเขลาของรัฐบาล นรม. กลัวเพียงว่าการช่วยชาวนาจะทำให้นายกยิ่งลักษณ์มีข้อแก้ตัวในศาล แต่ไม่กลัวหายนะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจของประเทศ
การบริหารราชการแผ่นดินในวันนี้จึงไม่มีอะไรมากไปกว่าการทำไอโอ (information operations) แบบอวยกันเอง เช่น นรม. บอกว่าตัวเองเหมือนนายโดนัล ทรัมป์ หรือคนทำผิดกฎหมายต้องไม่มีที่ยืนในสังคม ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ตัวเองและพรรคพวก หรือนายมีชัย ฤชุพันธุ์ บอกว่าวันหนึ่งข้างหน้าสหรัฐอเมริกาอาจต้องมาเลียนแบบรัฐธรรมนูญไทย ซึ่งเป็นการพูดแบบยกตัวเองแต่สังคมไม่ได้ประโยชน์ พูดไปในขณะที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนแสนสาหัส สมัยผมเล่นการเมืองใหม่ๆ นายกชาติชายสอนผมว่าตราบเท่าที่เรายังไม่พูดผู้คนก็ยังคิดว่าเป็นบัณฑิต คำสอนของท่านจึงตรงกับพุทธศาสนสุภาษิตว่า "สากจฺฉาย ปญฺญา เวทิตพฺพา" แปลว่าความมีปัญญา ย่อมรู้ได้จากการสนทนา
วัฒนา เมืองสุข
พรรคเพื่อไทย
20 พฤศจิกายน 2559
ที่มา FB
Watana Muangsook