เกิดอะไรขึ้นไม่ยากที่จะเดา จากการเปิดเผยของอธิบดีกรมราชทัณฑ์คนปัจจุบันที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งเมื่อต้นเดือนตุลานี้เอง เข้าไปตรวจค้น เจอหญิงสาวชาวจีน ๒ คน อยู่สองต่อสองกับผู้ต้องหา แต่เป็นตอนที่เสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว
ถึงอย่างนั้นเมื่อเข้าตรวจค้นยังได้พบ “กล่องถุงยางอนามัย ทิชชูที่ตกอยู่ในพื้นที่ พบมีคราบของสารคัดหลั่งอยู่พอสมควรส่วนใหญ่ติดอยู่ในทิชชู” เชื่อว่ามีการรู้เห็นเป็นใจ โดยเฉพาะ นายมานพ ชมชื่น ผู้บริหารเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
เจ้าหน้าอื่นที่เกี่ยวข้อง “มีประมาณ ๒๐ คน ตั้งแต่ระดับรองจากผู้บัญชาการ และระดับเล็กครอบคลุมเจ้าหน้าที่หลายฝ่าย” ส่วนหญิงสาวสองคน ขระนี้ได้กลับจีนไปแล้ว แต่ “หากพบว่ามีความผิดก็อาจจะเสนอให้ขึ้นแบล็กลิสต์”
ที่เกิดเหตุ “เป็นห้องรับรองขนาด ๑๐ ตารางเมตร มีโต๊ะ มีโซฟา ตู้เย็น ซึ่งห้องนี้เป็นห้องรับรองผู้บังคับบัญชาที่เข้ามา และไม่ค่อยให้ผู้ต้องขังเข้ามาใช้” ก่อนประกอบการ หญิงสาวจีนขึ้นไปที่ห้องของนายมานพ (เพื่อเช็คอิน) ก่อน
เบื้องต้นแค่นี้ ซึ่งวันพรุ่งนี้ (๒๓ พ.ย.) ทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จะเข้าไปเก็บหลักฐานและตรวจคราบอสุจิ ทว่าทางการข่าว อดีตบรรณาธิการข่าวช่องไอทีวี จตุรงค์ สุขเอียด ให้ความเห็นเรื่องนี้ว่า “ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรในเรือนจำ” เขาเขียนเล่าว่า
“ในเรือนจำแดนฉกรรจ์ เป็นพวกพ่อค้ายาเสพติดรายสำคัญ หากขังรวมเขากลับร้องขอให้แยกขังเดี่ยว...เป็นเหมือนเซฟเฮ้าที่ปลอดภัย...บางรายนัดให้เมียไปหา โดยเตี้ยมกันว่าป่วยไปนอนห้องพยาบาล ไปแล้วปล่อยให้ผัวเมียอยู่กันลำพังเป็นอันเข้าใจ”
อีกตอนเขาว่า “ผมเคยไปจับทุจริตสอบเข้ารับราชการกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่พบการจ้างสอบ” ที่แม้ข้าราชการระดับต่ำก็ยังลงทุนจ่ายค่าจ้างเฉลยข้อสอบกันคนละ ๓-๖ แสนบาท ผู้คุมบางคนยอมขายที่ดินมาจ่ายค่าโพยเฉลยข้อสอบ
“บางคนเล่าว่าแม้จะเป็นผู้ต้องขังธรรมดา แต่เพื่อความสบายใจญาติยังจ่ายเงินให้ผู้คุมแดนเดือนละพันหรือ ๒ พันบ้างเพื่อให้ช่วยดูแลเรา...นี่ยังไม่นับถึงบรรดาเทาๆทั้งหลายที่เงินทองไหลเข้าทุกวันแม้ตัวอยู่ในเรือนจำ”
(https://x.com/janthawoot/status/1991896240100159930 และ https://www.matichon.co.th/local/crime/news_5469357)
