พรรคประชาชนอภิปรายซักฟอกนายกฯ แพทองธาร เป็นวันที่สอง (๒๕ มีนา) มีภคมน หนุนอนันต์ กับ รังสิมันต์ โรม ในช่วงเช้า จัดหนักทั้งคู่ โดยเฉพาะ ‘ลิซ่า’ เต็มไปด้วย ‘Character assassination’ ว่ากันถึงทักษะ วุฒิภาวะ และเจตจำนงล้วนๆ
ภคมนบอกว่า “นายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่อง แต่ความรู้ทั่วไปต้องมี ต้องรู้เพื่อสื่อสารและระงับความสับสน และสร้างความสบายใจให้กับสังคม” พร้อมยกตัวอย่างหลายเหตุการณ์ ย้อนไปตั้งแต่การตอบคำถามเรื่องค่าเงินบาทแข็งอย่างผิดๆ
ไปถึงการตอบคำถามถึงความคืบหน้าของโครงการแจกเงินหมื่น ช่วงแรกๆ เต็มไปด้วยความสับสนลักลั่น แล้วมาเสียโอกาสอย่างมากในการประชุม Forbes Global CEO ในไทย “หรือท่านทราบอยู่แล้วว่านักลงทุนวันนั้นไม่ได้มารอฟังท่าน
แต่รอฟังพ่อของท่านที่จะขึ้นเวทีเดียวกันในช่วงเย็น ท่านคือตัวแถม” ลิซ่ายอมรับว่าครั้งนี้ “อาจจะไม่ได้จบลงด้วยการให้แพทองธารหลุดจากตำแหน่งนายกฯ ท่านอาจจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรด้วยซ้ำ...โอกาสของประเทศไทยทั้งหมดแลกกับ...ความต้องการของครอบครัวเดียว”
ซึ่ง รังสิมันต์ มาต่อยอดเรื่องพ่อนายกฯ ที่เริ่มมีคนเรียกว่า “ผู้มีบารมีนอกรัฐบาล” เกี่ยวกับกรณีราชทัณฑ์ส่งตัวไปพักฟื้นบนชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจ จนได้รับการผ่อนโทษกลับบ้าน เขาว่านั่นเป็นผลลัพธ์หนึ่งของดีลกับขั้วอำนาจเก่า
อันเป็นการ “ฆาตกรรมความยุติธรรม...ทำให้ความยุติธรรมมันมีหลายมาตรฐาน ขึ้นอยู่กับฐานะทางสังคม เงิน อำนาจ และพรรคพวก” จึงปรากฏว่าการอภิปรายของรังสิมันต์ โดน ส.ส. ‘กี้กี’ พรรคเพื่อไทยประท้วงมากที่สุด ๑๖ ครั้ง ครึ่งหนึ่งจาก ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์
ทว่ายังไม่แจ๋วเท่านายกฯ หญิง ตอบชัดถ้อยชัดคำว่าเหตุชั้น ๑๔ นั่น “ดิฉันยังไม่ได้เป็นนายกฯ ค่ะ” แสดงดีเอ็นเอ “ไม้หล่นไม่ไกลต้น” แบบเดียวกับการตอบข้อกังขาของ วิโรจน์ ลักขณาอดิสร กรณีเลี่ยงภาษีว่า “ถึงจะอายุน้อยกว่า ดิฉันก็เสียภาษีมากกว่า”
(https://www.facebook.com/thestandardth/posts/8xBTCqxks, https://www.facebook.com/thestandardth/posts/A4jNRdpA4X4 และ https://www.facebook.com/TheReportersTH/posts/8kNaAT7G)