วันอังคาร, มีนาคม 18, 2568

เพ้อเจ้อ ฟั่นเฟือน หรือว่า #ตบเข่าฉาด ไอเดียเก่าเอามาปัดฝุ่นใหม่ แก้หนี้ครัวเรือน ๑๖ ล้านล้าน ขุนคลังบอกนี่ “แค่วิธีคิด” เป็นไปได้หรือไม่ “ขอดูข้อมูล และความเห็นจากทุกฝ่ายก่อน”

“เพ้อเจ้อ” ไหม “ฟั่นเฟือน” หรือเปล่า ไอเดียที่ว่า ใหม่ ของ ทักษิณ ชินวัตร แก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนของประชาชน ด้วยการให้เอกชนเข้ามารับซื้อหนี้ เอาออกจากระบบธนาคาร แล้วให้ประชาชนค่อยๆ ผ่อน มีโอกาสเริ่มต้นชีวิตใหม่

“เพ้อเจ้อ หนี้ ๑๗.๕๗๕ ล้านล้านบาท” MayaLoveSUA พูดถึงตัวเลขทางการโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ว่าหนี้ครัวเรือนอยู่ที่ ๑๖.๓๒ ล้านล้านบาท ซึ่งทักษิณบอกแก้ปัญหาได้ “ไม่ต้องใช้เงินรัฐสักบาท แต่โดน @b_B1B2B3 สัพยอก

“จะมีคน #ตบเข่าฉาด อีกไหม พูดจริงๆ นะ ใครมันจะโม้แบบนี้ก็ทำได้ พูดลอยๆ แต่ไม่มีวิธีการทำ แต่การโม้นี้มันไปหลอกคนให้มีความหวังให้เลือก แถมไม่ต้องรับผิดรับชอบอะไรเพราะไม่มีตำแหน่ง แต่มีอำนาจ” ก็มีแล้วคนดักคอ

พิชัย​ ชุณหวชิร รองนายกฯ ว่าการคลัง โวไอเดียนี้ตน “คิดมาก่อน” เตรียมไว้แล้ว ๒-๓ แผน “คือ การปรับโครงสร้างหนี้ โดยอาจจะใช้การเจรจา ยืดหนี้​ ลดดอกเบี้ย” หรือไม่ก็ใช้โมเดลตั้งแต่ครั้งแก้วิกฤต ต้มยำกุ้งซึ่งต้องมีการ ร่วมทุน

คร่าวๆ ก็คือ “จัดตั้งกิจการร่วมทุนเพื่อรองรับการแก้ไขปัญหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (AMC) โดยการดำเนินการต้องร่วมกับธนาคารผู้เป็นเจ้าของหนี้ รวมถึงเอกชนบางรายที่อยากจะเข้ามาบริหาร” แต่ก็นี่ยังเป็นเพียง “แค่วิธีคิด”

ส่วนจะเป็นไปได้หรือไม่ “ขอดูข้อมูล และความเห็นจากทุกฝ่ายทั้งหมดก่อน...และอาจจะต้องใช้เวลาเคลียร์กันอีก แต่อาจจะดำเนินกันอยู่นอกธนาคาร” ซึ่งพ่อนายกฯ ก็ดักทางไว้แล้วว่า “พูดง่ายแต่ทำยาก แต่ต้องทำ เนื่องเพราะ

“ทำวันนี้มันไม่เหมือนสมัยอยู่ไทยรักไทย เพราะพรรคเรามีขนาดเล็กลง มีรัฐมนตรีที่ดูแลกระทรวงน้อยลง รัฐมนตรีผสมทำงานด้วยกันไม่คล่องตัว...การแก้ปัญหาต้องใช้เวลา และยากกว่าเดิม เพราะทหารวางระบบไว้เลอะพอสมควร แย่พอสมควร ปฏิวัติทีก็ถอยไปที”

แล้วยังไง ก็ไม่พ้นโดนวิพากษ์ยับสิ สมชัย ศรีสุทธิยากร เหน็บแรง “ใครก็ตามที่กล่าวคำใหญ่โต” แบบนี้ “จะให้มีการรับซื้อหนี้ประชาชนจากธนาคารโดยเอกชน” เพื่อให้ไม่เป็นหนี้ “ไม่ติด black list ของเครดิตบูโร หากไม่อัจฉริยะเกินไป ก็คงสติฟั่นเฟือน”

อดีตกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) บอกถ้าจะทำอย่างนั้น “ต้องใช้งบต่อเนื่อง ๔.๖ ปี โดย ไม่มีการจ่ายเงินเดือนข้าราชการ ไม่มีโครงการลงทุนหรือใช้คืนหนี้ใด ๆ เลยในช่วงเวลาดังกล่าว” เขาสมมุติว่าได้บริษัทยักษ์ใหญ่ขนาดสินทรัพย์ ๕ แสนล้านมาดำเนินการ

ก็ต้องใช้บริษัทขนาดนั้นถึง ๓๒ บริษัท “แล้วเอกชนที่มารับซื้อหนี้ คิดดอกเบี้ยไหม หากคิด ก็เหมือนธนาคาร และยังผิด พ.ร.บ. ธุรกิจสถาบันการเงิน เพราะท่านไม่ใช่ธนาคารจะให้กู้และเก็บดอกเบี้ยเหมือนธนาคารไม่ได้”

ลงท้าย สมชัยว่า “ฟังเพลิน ฟังแล้วอึ้ง ทึ่งในความเป็นอัจฉริยะ อย่าลืมไปบอกคนในครอบครัวให้ทำให้ได้ด้วย”

(https://www.matichon.co.th/politics/news_5096950, https://www.matichon.co.th/economy/news_5097009 และ https://www.facebook.com/ThePoliticsByMatichon/posts/WfG4eHYXU)