เมื่อเกือบสองเดือนที่แล้ว “ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แสดงความไม่เห็นด้วยต่อการจัดตั้งคาสิโนในประเทศไทย” พริษฐ์ วัชรสินธุ อภิปรายซักถามนายกรัฐมนตรีขณะนั้น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ตอบแบบแถไปแถมา สรุปไม่ได้ว่าจะเอาอย่างไร
มาตอนนี้ ครม.ถกกันเพลินปาก น้ำลายเยิ้มเรื่อง Entertainment Complex แล้วแถลงว่า คาสิโน มีเพียง ๑๐% ของโครงการ และจะจำกัดผู้เล่นคนไทยให้ต้องมีมูลค่าชิปในบัญชีสำหรับเล่น อย่างน้อยๆ ๕๐ ล้านบาท โครงการนี้มุ่งหมายรับนักเล่นจากนอกประเทศ
แต่ว่านักเล่นที่จะเข้ามาก็มีแต่เศรษฐีจีน ที่จะต้องลักลอบมาเล่น เพราะการพนันเป็นเรื่องต้องห้ามตามตัวบทกฎหมายจีน ไม่เพียงแต่ประธานสีออกมาเตือนไทยด้วยตนเองแล้ว ทางสถานทูตจีนก็ได้แสดงความกังวลโดยตรงกับฝ่ายไทยเช่นกัน
พร้อมทั้งเกริ่นถึงมาตรการแก้ไขและป้องกันของจีนในเรื่องนี้ด้วยว่า “อาจส่งผลให้จีนเปลี่ยนนโยบาย โดยจำกัดการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนมายังประเทศไทย” คำของ Fuadi Pitsuwan ปริวิตกว่าในสภาวการณ์เช่นนี้ ยังจะ ‘คุ้มค่า’ อยู่หรือ
“ใครจะเข้ามาใช้บริการคาสิโน ถ้าไม่ใช่คนจีน และคนไทย และรัฐบาลได้เตรียมรับมือกับผลกระทบของการท่องเที่ยว และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไว้หรือยัง” อีกอย่างจากโพสต์ของ Atukkit Sawangsuk ว่าถึงข้อคิดของ สมเกียรติ ตั้งกิจวาณิชย์ ประธาน TDRI
“เขาไม่ได้ค้านว่าไม่เอากาสิโนเพราะศีลธรรม แต่สมเกียรติชี้ว่า ควรจะทำ รายงานการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ (Feasibility Study) ก่อน” แม้นว่าจะมี “หลายคนร้องว่า สมเกียรติเป็นขาประจำชินวัตร แต่ที่เขาโพสต์มีเหตุผล”
ข้อควรคำนึงก็คือ ลูกค้าคาสิโนมันมี ตลาดบนและตลาดล่าง ตลาดบนแบบนักท่องเที่ยววีไอพี (เก็บตังค์) ก็มีสิงคโปร์ทำเป็นล่ำเป็นสันอยู่แล้ว “เราจะได้ส่วนแบ่งสักเท่าไหร่” ไม่ใช่เหมาเอา “ออกใบอนุญาต ๕ ใบ ประมูลแข่งกันเริ่มต้น ๕ พันล้าน”
แม้แต่ตลาดล่าง “สกัดคนไทยที่ขึ้นรถตู้ไปบ่อนชายแดนเพื่อนบ้าน” ก็ตาม ควรทำการศึกษาความเป็นไปได้ให้ถี่ถ้วน “จะเปิดกี่บ่อน แต่ละบ่อนควรจ่ายให้รัฐบาลเท่าไหร่” สิงคโปร์คิด ๑๑-๒๒% สำหรับทั่วไป ๘-๑๒% สำหรับระดับวีไอพี
แม้นว่ามีรายงานกรรมาธิการวิสามัญออกมาแล้ว ก็ยัง “น่าตกใจมาก ที่รายงานดังกล่าวไม่ได้มีการวิเคราะห์ตลาดคาสิโนในภูมิภาคอย่างเป็นระบบเลย” สมเกียรติปริวิตกถึงตำแหน่งที่ตั้งคาสิโนและพฤติกรรมของนักพนัน เป็นองค์ประกอบสำคัญ
(https://www.facebook.com/baitongpost/posts/ZCvCrMG8Y และ https://www.facebook.com/fuadi.pitsuwan/posts/feXYL8kP)
