นักวิชาการไทยรายหนึ่ง เสนอความเห็นจากงานวิจัยว่า การมี ‘คาสิโน’ ใน Entertainment Complex ท่าจะดีเหมือนกัน ถือว่าเป็นการ “เอาเศรษฐกิจใต้ดินมาอยู่บนดิน สามารถเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมได้” แถมส่งเสริมการท่องเที่ยว
รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีเศรษฐศาสตร์ ม.หอการค้า เอาตัวเลขจากองค์กรแรงงานระหว่างประเทศมาอ้างว่า “มูลค่าเศรษฐกิจนอกระบบและนอกกฎหมายของไทยสูงถึง ๕๐% ของ GDP ติดอันดับต้นๆ ของโลก” เลยทีเดียว
ส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจเหล่านี้ ได้แก่ การพนัน การค้าประเวณี และยาเสพติด ซึ่งได้มีการศึกษาวิจัยไว้ตั้งแต่ทศวรรษ ๒๕๕๐ หรือย้อนถึง พ.ศ.๒๕๔๓ ในงานค้นคว้าของ อ.ผาสุก พงษ์ไพจิตร ยุคนี้ต้องเพิ่มการวิจัยในส่วนของธุรกิจของ ‘จีนเทา’ ด้วย
ตัวเลขหอมหวานของการมีคาสิโนเป็นส่วนสำคัญของแหล่งบันเทิงครบวงจร ก็คือ มาเก๊า รายได้เฉพาะการเล่นเกมพนัน ๓๒,๐๐๐ ล้านดอลลาร์ ลาส เวกัส ๓๐,๐๐๐ ล้านดอลลาร์ สิงคโปร์ ๑๒,๐๐๐ ล้านดอลลาร์ เกาหลีใต้และฟิลิปปีนส์ อยู่ที่ ๙ พัน และ ๖ พัน
สำหรับไทย ถ้ามีนักท่องเที่ยวมาเล่นคาสิโนราว ๓๐-๕๐% ของจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าไทยเฉลี่ยในอนาคต ๓๙ ล้านคน และเก็บภาษีคาสิโนในอัตรา ๑๕-๓๐ % ละก็ จะทำให้รัฐบาลมีรายได้อยู่ที่ ๓-๔ หมื่นล้านบาท ผู้ประกอบการได้ ๕-๘ ล้านบาท
เพียงแต่ว่าปัญหาที่จะตามมาจากผลร้ายของอบายมุขชนิดต่างๆ นอกจากปัญหาสังคม ปัญหาครอบครัว และอาชญากรรมแล้ว ต้องเตรียมรับมือกับปัญหา หนี้ครัวเรือนที่อาจเพิ่มขึ้นด้วย ถ้าหากสามารกำกับและควบคุมข้อเสียได้ดีละก็ คาสิโนทำให้รวยแน่
แต่ว่า แม้กระทั่งไม่มีคาสิโนบนดินภายใต้ชื่อฝรั่งเก๋ไก๋ ‘Entertainment Complex’ ที่ผ่านมาการจัดการปัญหาหนักๆ ดังกล่าวข้างต้น ก็ยังกระท่อนกระแท่น จึงได้มีจีนเทาเข้ามาเพิ่มไง ดูไปแล้วทั้งที่ตัวเลขสวย แต่ภาพลักษณ์ ‘Ugly’ น่ะ