Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
1d ·
“นายพลนักล้วง วรรณกรรมแปลของบัณฑิต อาร์ณีญาญ์”
.
คุณเคยได้ยินเรื่องเล่าจากเม็กซิโกบ้างไหม?
.
ผมจะเล่าให้ฟัง
.
เซซิลิโอ เป็นคนอินเดียนพื้นเมืองในยุคล่าอาณานิคม เขาทำงานรับจ้างเป็นกรรมกรในเหมืองที่เจ้าของเหมืองเป็นคนขาว เมื่อคนขาวเข้าครอบครองเม็กซิโก ขูดรีดเอาทรัพยากรของคนพื้นเมืองป้อนให้กับประเทศเจ้าอาณานิคม ชาวอินเดียนดั้งเดิมส่วนมาก ใช้ชีวิตไม่ต่างจากเซซิลิโอ นั่นคือเป็นแรงงานที่รับผลตอบแทนอันน้อยนิด ทำงานให้กับคนขาวที่เข้ามาครอบครอง
.
เซซิลิโอไม่มีครอบครัว เขานำเงินเก็บจากการทำงานหนักในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายที่สะสมมาทั้งชีวิต ซื้อนาฬิกาข้อมือราคาแพงที่ทำจากนิกเกิลไว้เรือนหนึ่ง กล่าวได้ว่านาฬิกาเรือนนี้ เป็นทรัพย์สินที่มีค่าเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตเขา
.
การครอบครองนาฬิกาสมัยใหม่ ยกระดับสถานะของเขาในเหมือง เขามีความสำคัญมากขึ้น ทั้งคนงานและผู้คุมเหมืองมักถามเวลาจากเขาอยู่เป็นระยะ จากคนงานคนหนึ่งที่ไม่มีความสำคัญใดๆ เขากลายเป็นคนที่มีความสำคัญและมีคนเข้าหาตลอดเวลา เขาภูมิใจอย่างมากที่ได้เป็นเจ้าของนาฬิกาเรือนนี้
.
วันหนึ่ง เขาทำนาฬิกาหาย เซซิลิโอใช้เวลาหลายวันหานาฬิกาในทุกมุมของเหมือง แต่ก็หาไม่เจอ เขาทุกข์ร้อนมาก เมื่อหมดหนทางที่จะหานาฬิกาเจอ เขาจึงตัดสินใจเดินทางเข้าโบสถ์ ชาวอินเดียนจำนวนมากได้รับเชื่อในศาสนาคริสต์จากการเผยแผ่ศาสนาของคนขาว ที่เชื่อว่าศาสนาคริสต์จะทำให้คนพื้นเมืองเหล่านี้มีความศิวิไลซ์และเข้าถึงพระเจ้า
.
เมื่อถึงวันอาทิตย์ เขาเดินทางเข้าเมืองและมุ่งหน้าไปโบสถ์ ซื้อเทียนหนึ่งเล่ม จุดมันส่องสว่าง คุกเข่าหน้ารูปปั้นนักบุญซาน แอนโตนิโอ และทำเครื่องหมายไม้กางเขนด้วยความจงรักภักดี เขาภาวนา ไม่ได้ตามบทในหนังสือคำสวด เพราะเขาอ่านหนังสือไม่ออก แต่ภาวนาอย่างซื่อตรง ในฐานะลูกที่ซื่อสัตย์ของพระเจ้า ขอให้นักบุญช่วยตามหานาฬิกาของเขา
.
หลายสัปดาห์ผ่านไป เขายังหานาฬิกาไม่เจอ เขาจึงเดินทางเข้าเมือง ซื้อเทียนและคุกเข่าภาวนาต่อหน้ารูปปั้นนักบุญซาน แอนโตนิโอทุกสัปดาห์
.
จนถึงวันอาทิตย์หนึ่ง เขาเหลืออด ทนต่อไปไม่ไหว เขาต้องการนาฬิกาคืนในชาตินี้ ไม่ใช่ในชาติหน้า เซซิลิโอกล่าวคำภาวนาว่า
.
“ณ บัดนี้ กระผมเหลือทนอย่างที่สุดต่อความขี้เกียจอย่างแสนระยำของท่าน นาฬิกาที่หายนั้นมีราคาเท่ากับเหรียญเปโซที่กระผมเก็บสะสมไว้ทั้งหมด ซึ่งผมต้องทำงานหนักอยู่ในนรกเพื่อให้ได้มันมา ขอให้ท่านอย่าคิดว่าท่านจะรอดพ้นไปจากความรับผิดชอบในเรื่องนี้ได้”
.
“กระผมไม่สามารถเดินทางมาที่นี่ทุกวันอาทิตย์ กระผมต้องเดินเท้าตลอดเส้นทาง และเดินภายใต้นรกแห่งดวงอาทิตย์ที่ร้อนจัดอีกด้วย นั่นไม่ใช่สิ่งที่น่ารื่นรมย์เอาเสียเลย ท่านยืนอยู่ ณ ที่นี่ ภายในโบสถ์ที่ร่มเย็น ท่านจึงไม่เข้าใจเรื่องนี้”
.
“นอกจากนั้น เทียนนั่นก็ต้องใช้เงินซื้อ กระผมไม่สามารถเก็บเงินตามท้องถนนได้ กระผมต้องทำงานอย่างทาสเพื่อเงิน กระผมไม่สามารถเพียงยืนอยู่ในโบสถ์เหมือนท่านโดยไม่ต้องทำอะไรนอกจากนับเทียนที่คนยากไร้นำมามอบแด่ท่าน และเฝ้านับเงินที่เขาเหล่านั้นใส่ไว้ในกล่องบริจาคว่ามีมากเท่าไหร่ กระผมขอบอกท่าน ว่าความเกียจคร้านของท่านต้องสิ้นทุดลง”
.
หลายสัปดาห์ผ่านไป เซซิลิโอก็ยังหานาฬิกาไม่พบ เขาภาวนาว่า “ดังนั้น เท่ากับว่าท่านช่วยเฉพาะแต่คนร่ำรวย และไม่เคยช่วยคนยากจนเลย”
.
เซซิลิโอภาวนาครั้งสุดท้าย และให้เวลานักบุญซานแอนโตนิโออีกหนึ่งสัปดาห์ ก่อนที่เขาจะยื่นคำขาดต่อนักบุญ ด้วยการขู่นักบุญว่าเขาจะลงโทษนักบุญอย่างไร
.
เรื่องราวของเซซิลิโอ คือหนึ่งในเรื่องสั้นที่รวมอยู่ในหนังสือ “นายพลนักล้วง” ซึ่งแปลมาจากภาษาสเปน หากใครต้องการรู้ตอนจบ ว่าเซซิลิโอขู่นักบุญว่าอย่างไร เขาจะหานาฬิกาเจอไหม และตอนจบ ความสัมพันธ์ของเขาและนักบุญเป็นอย่างไร สามารถซื้อหนังสือเล่มนี้เพื่อตามอ่านได้
.
บัณฑิต อาร์ณีญาญ์ -อาจเรียกเขาได้ว่า “ราษฎรบัณฑิต” หรือภูมิปัญญาและสัมปชัญญะของสามัญชน- เขาแต่งตัวมอซอเสมอ ไม่มีทรัพย์สินเงินทองติดตัวมากมาย แต่มีหัวใจที่ใหญ่โต บัณฑิตคือนักเขียน นักแปล ที่โดนคดี 112 มาแล้วถึง 4 ครั้ง ตั้งแต่ 2518 ยุคขวาพิฆาตซ้าย ถึง 2558 ยุคเผด็จการประยุทธ์ บัณฑิตไม่ได้ไม่รู้กฎหมาย แต่เขายืนหยัดในการแสดงความคิดเห็นในสิ่งที่เชื่อว่าถูกต้องและเป็นธรรม ทุกวันนี้ เขายังเดินทางไปไหนมาไหนพร้อมกระเป๋าผ้าที่เขียนว่า “ความเป็นธรรมย่อมอยู่เหนือทุกสถาบัน“ สัจธรรมที่แม้จะทำให้ผู้พูดต้องคดี แต่ยังคงจริงแท้เหนือกาลเวลา
.
เขาไม่มีรายได้ประจำ ในความเข้าใจของผม เขาอยู่อย่างอัตคัตเสียด้วยซ้ำ ผมเจอเขาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เขายื่นหนังสือเล่มนี้ให้กับผม ผมอ่านจบ ได้แต่คิดว่า เขาเป็นคนเจียมเนื้อเจียมตัวเกินไป ทักษะการแปลถือว่าดี แปลออกมาได้ไม่ติดขัด จริตของภาษาตรงกับเนื้อความของเรื่อง แต่เขากลับพิมพ์ออกมาแค่ 500 เล่ม ราคาปกเล่มละ 150 บาท ซึ่งคงจะสร้างรายได้ให้เขาได้ไม่มากเท่าไหร่ หากปรับหน้าปกรูปเล่ม จัดหน้าและทำการตลาดให้ดี คงขายได้เยอะกว่านี้ ในราคาปกที่สูงกว่านี้
.
ผมอ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว ความรู้สึกใกล้เคียงกับตอนที่อ่าน “ฟ้าบ่กั้น” ครั้งแรก กล่าวคือ มันเป็นเสียงของผู้ถูกเอารัดเอาเปรียบที่ส่งถึงชนชั้นสูง มันเป็นเสียงที่กระตุกให้ผู้คนตระหนักถึงความทุกข์ยากของเพื่อนร่วมโลก มันเป็นเสียงเรียกร้องความเป็นธรรม
.
สังคมไทยไม่มีงานวรรณกรรมจากเม็กซิโกมากนัก ใครสนใจวรรณกรรมแนวนี้ อุดหนุนลุงบัณฑิตได้ที่ร้านหนังสือนายอินทร์ ซีเอ็ด และเคล็ดไทย รวมถึงในช่องทางแอปพลิเคชั่นชอปปิ้งออนไลน์ทั่วไปครับ
“นายพลนักล้วง วรรณกรรมแปลของบัณฑิต อาร์ณีญาญ์”
.
คุณเคยได้ยินเรื่องเล่าจากเม็กซิโกบ้างไหม?
.
ผมจะเล่าให้ฟัง
.
เซซิลิโอ เป็นคนอินเดียนพื้นเมืองในยุคล่าอาณานิคม เขาทำงานรับจ้างเป็นกรรมกรในเหมืองที่เจ้าของเหมืองเป็นคนขาว เมื่อคนขาวเข้าครอบครองเม็กซิโก ขูดรีดเอาทรัพยากรของคนพื้นเมืองป้อนให้กับประเทศเจ้าอาณานิคม ชาวอินเดียนดั้งเดิมส่วนมาก ใช้ชีวิตไม่ต่างจากเซซิลิโอ นั่นคือเป็นแรงงานที่รับผลตอบแทนอันน้อยนิด ทำงานให้กับคนขาวที่เข้ามาครอบครอง
.
เซซิลิโอไม่มีครอบครัว เขานำเงินเก็บจากการทำงานหนักในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายที่สะสมมาทั้งชีวิต ซื้อนาฬิกาข้อมือราคาแพงที่ทำจากนิกเกิลไว้เรือนหนึ่ง กล่าวได้ว่านาฬิกาเรือนนี้ เป็นทรัพย์สินที่มีค่าเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตเขา
.
การครอบครองนาฬิกาสมัยใหม่ ยกระดับสถานะของเขาในเหมือง เขามีความสำคัญมากขึ้น ทั้งคนงานและผู้คุมเหมืองมักถามเวลาจากเขาอยู่เป็นระยะ จากคนงานคนหนึ่งที่ไม่มีความสำคัญใดๆ เขากลายเป็นคนที่มีความสำคัญและมีคนเข้าหาตลอดเวลา เขาภูมิใจอย่างมากที่ได้เป็นเจ้าของนาฬิกาเรือนนี้
.
วันหนึ่ง เขาทำนาฬิกาหาย เซซิลิโอใช้เวลาหลายวันหานาฬิกาในทุกมุมของเหมือง แต่ก็หาไม่เจอ เขาทุกข์ร้อนมาก เมื่อหมดหนทางที่จะหานาฬิกาเจอ เขาจึงตัดสินใจเดินทางเข้าโบสถ์ ชาวอินเดียนจำนวนมากได้รับเชื่อในศาสนาคริสต์จากการเผยแผ่ศาสนาของคนขาว ที่เชื่อว่าศาสนาคริสต์จะทำให้คนพื้นเมืองเหล่านี้มีความศิวิไลซ์และเข้าถึงพระเจ้า
.
เมื่อถึงวันอาทิตย์ เขาเดินทางเข้าเมืองและมุ่งหน้าไปโบสถ์ ซื้อเทียนหนึ่งเล่ม จุดมันส่องสว่าง คุกเข่าหน้ารูปปั้นนักบุญซาน แอนโตนิโอ และทำเครื่องหมายไม้กางเขนด้วยความจงรักภักดี เขาภาวนา ไม่ได้ตามบทในหนังสือคำสวด เพราะเขาอ่านหนังสือไม่ออก แต่ภาวนาอย่างซื่อตรง ในฐานะลูกที่ซื่อสัตย์ของพระเจ้า ขอให้นักบุญช่วยตามหานาฬิกาของเขา
.
หลายสัปดาห์ผ่านไป เขายังหานาฬิกาไม่เจอ เขาจึงเดินทางเข้าเมือง ซื้อเทียนและคุกเข่าภาวนาต่อหน้ารูปปั้นนักบุญซาน แอนโตนิโอทุกสัปดาห์
.
จนถึงวันอาทิตย์หนึ่ง เขาเหลืออด ทนต่อไปไม่ไหว เขาต้องการนาฬิกาคืนในชาตินี้ ไม่ใช่ในชาติหน้า เซซิลิโอกล่าวคำภาวนาว่า
.
“ณ บัดนี้ กระผมเหลือทนอย่างที่สุดต่อความขี้เกียจอย่างแสนระยำของท่าน นาฬิกาที่หายนั้นมีราคาเท่ากับเหรียญเปโซที่กระผมเก็บสะสมไว้ทั้งหมด ซึ่งผมต้องทำงานหนักอยู่ในนรกเพื่อให้ได้มันมา ขอให้ท่านอย่าคิดว่าท่านจะรอดพ้นไปจากความรับผิดชอบในเรื่องนี้ได้”
.
“กระผมไม่สามารถเดินทางมาที่นี่ทุกวันอาทิตย์ กระผมต้องเดินเท้าตลอดเส้นทาง และเดินภายใต้นรกแห่งดวงอาทิตย์ที่ร้อนจัดอีกด้วย นั่นไม่ใช่สิ่งที่น่ารื่นรมย์เอาเสียเลย ท่านยืนอยู่ ณ ที่นี่ ภายในโบสถ์ที่ร่มเย็น ท่านจึงไม่เข้าใจเรื่องนี้”
.
“นอกจากนั้น เทียนนั่นก็ต้องใช้เงินซื้อ กระผมไม่สามารถเก็บเงินตามท้องถนนได้ กระผมต้องทำงานอย่างทาสเพื่อเงิน กระผมไม่สามารถเพียงยืนอยู่ในโบสถ์เหมือนท่านโดยไม่ต้องทำอะไรนอกจากนับเทียนที่คนยากไร้นำมามอบแด่ท่าน และเฝ้านับเงินที่เขาเหล่านั้นใส่ไว้ในกล่องบริจาคว่ามีมากเท่าไหร่ กระผมขอบอกท่าน ว่าความเกียจคร้านของท่านต้องสิ้นทุดลง”
.
หลายสัปดาห์ผ่านไป เซซิลิโอก็ยังหานาฬิกาไม่พบ เขาภาวนาว่า “ดังนั้น เท่ากับว่าท่านช่วยเฉพาะแต่คนร่ำรวย และไม่เคยช่วยคนยากจนเลย”
.
เซซิลิโอภาวนาครั้งสุดท้าย และให้เวลานักบุญซานแอนโตนิโออีกหนึ่งสัปดาห์ ก่อนที่เขาจะยื่นคำขาดต่อนักบุญ ด้วยการขู่นักบุญว่าเขาจะลงโทษนักบุญอย่างไร
.
เรื่องราวของเซซิลิโอ คือหนึ่งในเรื่องสั้นที่รวมอยู่ในหนังสือ “นายพลนักล้วง” ซึ่งแปลมาจากภาษาสเปน หากใครต้องการรู้ตอนจบ ว่าเซซิลิโอขู่นักบุญว่าอย่างไร เขาจะหานาฬิกาเจอไหม และตอนจบ ความสัมพันธ์ของเขาและนักบุญเป็นอย่างไร สามารถซื้อหนังสือเล่มนี้เพื่อตามอ่านได้
.
บัณฑิต อาร์ณีญาญ์ -อาจเรียกเขาได้ว่า “ราษฎรบัณฑิต” หรือภูมิปัญญาและสัมปชัญญะของสามัญชน- เขาแต่งตัวมอซอเสมอ ไม่มีทรัพย์สินเงินทองติดตัวมากมาย แต่มีหัวใจที่ใหญ่โต บัณฑิตคือนักเขียน นักแปล ที่โดนคดี 112 มาแล้วถึง 4 ครั้ง ตั้งแต่ 2518 ยุคขวาพิฆาตซ้าย ถึง 2558 ยุคเผด็จการประยุทธ์ บัณฑิตไม่ได้ไม่รู้กฎหมาย แต่เขายืนหยัดในการแสดงความคิดเห็นในสิ่งที่เชื่อว่าถูกต้องและเป็นธรรม ทุกวันนี้ เขายังเดินทางไปไหนมาไหนพร้อมกระเป๋าผ้าที่เขียนว่า “ความเป็นธรรมย่อมอยู่เหนือทุกสถาบัน“ สัจธรรมที่แม้จะทำให้ผู้พูดต้องคดี แต่ยังคงจริงแท้เหนือกาลเวลา
.
เขาไม่มีรายได้ประจำ ในความเข้าใจของผม เขาอยู่อย่างอัตคัตเสียด้วยซ้ำ ผมเจอเขาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เขายื่นหนังสือเล่มนี้ให้กับผม ผมอ่านจบ ได้แต่คิดว่า เขาเป็นคนเจียมเนื้อเจียมตัวเกินไป ทักษะการแปลถือว่าดี แปลออกมาได้ไม่ติดขัด จริตของภาษาตรงกับเนื้อความของเรื่อง แต่เขากลับพิมพ์ออกมาแค่ 500 เล่ม ราคาปกเล่มละ 150 บาท ซึ่งคงจะสร้างรายได้ให้เขาได้ไม่มากเท่าไหร่ หากปรับหน้าปกรูปเล่ม จัดหน้าและทำการตลาดให้ดี คงขายได้เยอะกว่านี้ ในราคาปกที่สูงกว่านี้
.
ผมอ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว ความรู้สึกใกล้เคียงกับตอนที่อ่าน “ฟ้าบ่กั้น” ครั้งแรก กล่าวคือ มันเป็นเสียงของผู้ถูกเอารัดเอาเปรียบที่ส่งถึงชนชั้นสูง มันเป็นเสียงที่กระตุกให้ผู้คนตระหนักถึงความทุกข์ยากของเพื่อนร่วมโลก มันเป็นเสียงเรียกร้องความเป็นธรรม
.
สังคมไทยไม่มีงานวรรณกรรมจากเม็กซิโกมากนัก ใครสนใจวรรณกรรมแนวนี้ อุดหนุนลุงบัณฑิตได้ที่ร้านหนังสือนายอินทร์ ซีเอ็ด และเคล็ดไทย รวมถึงในช่องทางแอปพลิเคชั่นชอปปิ้งออนไลน์ทั่วไปครับ