Phu Kradat
1d ·
สามารถพูดได้ว่า “คนอีสานโดยส่วนใหญ่เป็นผู้นิยมในระบอบประชาธิปไตย” ไม่ว่าในทางการเมืองหรือเศรษฐกิจหรือสังคมหรือศิลปวัฒนธรรม ปลดปล่อยตนเองให้เป็นอิสระ มีสิทธิเสรีภาพ ได้รับการอำนวยความยุติธรรมอย่างเสมอหน้า เป็นคนที่คิดเองได้ กระทำการเองเป็น
และเป็นที่ประจักษ์ไม่ว่าในประวัติศาสตร์ระยะไกลหรือระยะใกล้
หรือแม้แต่ผลการเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ (เลือกพรรค) ในปี 2023 ที่พบว่าราว 80% ของบัตรดี (ราว 11.61 ล้านใบ) ในภาคอีสานนั้นเลือกพรรคที่มีจุดยืนหรืออุดมการณ์ประชาธิปไตยในการชูหาเสียงรอบที่ผ่านมา
คนอีสานส่วนใหญ่เป็นของตายของระบอบประชาธิปไตยครับ
มิได้เป็นของตายของใครคนใดคนหนึ่งที่เห็นว่ามีประโยชน์เฉพาะฤดูกาลใดฤดูกาลหนึ่งเท่านั้น เลี้ยงไข้ไว้เพื่อเอาไว้ใช้ประโยชน์ในยามฤดูกาลใดฤดูกาลหนึ่งมาถึงเท่านั้น
หรือพูดอย่างสั้นว่าในทางการเมืองนั้น หลักๆ อย่างหนึ่ง — หากจะมีใครเป็นเจ้าของคนอีสานส่วนใหญ่ ใครพรรคนั้นก็คือพรรคที่ยืนอยู่บนอุดมการณ์ประชาธิปไตยนั่นเอง
พรรคที่เคยชูความเป็นประชาธิปไตยในอดีตอันใกล้ที่ผ่านมาอาจมีเพียงพรรคหลักพรรคเดียวคือพรรคเพื่อไทย (ที่เคยเป็นพรรคพลังประชาชนและไทยรักไทยมาก่อน)
ก่อนที่ในกาลต่อมา การเลือกตั้งปี 2019 และปี 2023 จะมีอีกพรรคในแนวทางเดียวกันกำเนิดขึ้นมาคือพรรคประชาชน (ที่เคยเป็นพรรคก้าวไกลและอนาคตใหม่มาก่อน)
ก่อนและระหว่างการเลือกตั้งปี 2023 นั้น พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน ต่างมีความชัดเจน ชูประเด็นหาเสียงอย่างหนึ่งคือการเป็นพรรคในแนวทางประชาธิปไตย ยืนตรงข้ามและห้ำหั่นหาเสียงอย่างถึงพริกถึงขิงกับพรรคสืบทอดอำนาจของคณะปกครองเผด็จการทหารชนชั้นนำ (ที่มาจากการรัฐประหารล่าสุดปี 2014 และปกครองประเทศมาจนปี 2023 เกือบ 10 ปี)
และผลเลือกตั้ง (คะแนนพรรค) ที่ออกมาในภาคอีสานราว 80% ของบัตรดีจึงเทให้กับสองพรรคคือเพื่อไทยและประชาชน เพื่อยืนยันว่าเป็นภูมิภาคที่นิยมในระบอบประชาธิปไตยมิเปลี่ยนแปลง เพียงแต่เทคะแนนให้พรรคใดมากกว่าหรือน้อยกว่านั้นมาจากนโยบายหาเสียงด้านอื่นและความเชื่อมั่นที่เคยมีมาเท่านั้น
อาจพูดได้อีกอย่างว่า ความปรารถนาของคนอีสานส่วนใหญ่นั้น อยากเห็นพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนได้จับมือกันตั้งรัฐบาล/ร่วมกันตั้งรัฐบาล เพราะเป็นพรรคที่มีจุดยืนทางประชาธิปไตย จะเลือกพรรคใดคะแนนย่อมไม่ตกน้ำ
ทว่าการจัดตั้งรัฐบาลในปี 2023 นั้น กลับไม่ได้เป็นไปตามที่ปรารถนาไว้ เมื่อมีความพยายามอยู่เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่ง สั้นๆ ที่ทั้งสองพรรคจะตั้งรัฐบาลร่วมกัน แต่ล้มเหลว และในท้ายที่สุดพรรคเพื่อไทย (โดยการให้เหตุผลในทางสาธารณะว่าเป็นยุทธวิธี วิธีการสู้ในแบบฉบับของเพื่อไทย) จะไปจับมือกับพรรคการเมืองสืบทอดอำนาจฯ ตั้งรัฐบาลและบริหารประเทศมาจนปัจจุบัน
ในสิ่งที่ปรากฏขึ้นและดำรงอยู่นี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนอีสานส่วนใหญ่ที่ยึดมั่นในแนวทางประชาธิปไตยด้วยกันนั้นมีทั้งเห็นด้วย/สนับสนุน/ยอมรับได้และไม่เห็นด้วย/ไม่สนับสนุน/ยอมรับไม่ได้ โดยต่างก็มีเหตุผลของตนเองและเคารพซึ่งกันและกัน
กระนั้น โดยส่วนตัวแล้ว ผมก็มีความเชื่อลึกๆ ว่าคนอีสานส่วนใหญ่ที่ยึดมั่นในแนวทางประชาธิปไตยจำนวนมากนั้น “มิอาจจะยอมรับได้” ในสิ่งที่เกิดขึ้นนี้
และ(โดยไม่ได้หมายความว่าจะตลอดไปแต่อย่างใด หากมีพรรคในแนวทางประชาธิปไตยเกิดขึ้นมาอีก มีแนวนโยบายที่โดนใจ ย่อมเปลี่ยนแปลงไปได้อีกเสมอๆ อำนาจในการเลือกและการตัดสินใจและนิยมในระบอบยังมั่นคงอยู่) ได้มีการตัดสินใจเลือกที่เด็ดขาดไปเรียบร้อยแล้วในการเลือกตั้งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้
หรือไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งท้องถิ่นหรือระดับชาตินับต่อแต่นี้ไป คนอีสานส่วนใหญ่จำนวนมากที่เคยเลือกพรรคเพื่อไทยได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วว่าจะเลือกพรรคประชาชน ต่อให้จะไม่ชนะการเลือกตั้งก็ตาม (ซึ่งก็มีโอกาสชนะเลือกตั้งได้เช่นเดียวกัน).
.....
Atukkit Sawangsuk
19h ·
ส่องเฟสเสื้อแดงที่รักทักษิณรักเพื่อไทยแน่วแน่
มีจำนวนหนึ่งนะ ที่เขาแทบไม่พูดถึง ไม่ด่า ไม่โจมตีพรรคประชาชนเลย
มีหลุดบ้าง รู้ละไม่ชอบไม่เอาไม่เลือก
แต่ต่างจากพวกอึ่งแบก ที่ต้องด่าต้องแซะปลุกเกลียดชังพร้อมยกก้นเพื่อไทยทุกวัน
:
อันนี้สันนิษฐานนะ
ในกลุ่มคนเสื้อแดงที่มีความรักความผูกพันกัน
มันมีทั้งคนยังรักเพื่อไทยและคนที่ข้ามไปเป็นส้ม
ซึ่งแม้แต่คนที่เป็นส้ม จำนวนหนึ่งก็เก็บปากเก็บคำ ไม่อยากทะเลาะกัน
ยังรักษาพื้นที่สำหรับคนผูกพันกันมา
:
คนรุ่นหลังอาจไม่เข้าใจ
คนเสื้อแดงที่ผ่านเหตุการณ์ตั้งแต่ปี 49 ปี 53
เขาเกาะกันเป็นกลุ่มๆ มาเกือบ 20 ปี ทั้งในจังหวัดเดียวกันหรือข้ามจังหวัด
เป็นยิ่งกว่าเพื่อน เป็นผู้ร่วมชะตากรรม
อยู่ด้วยกันกลางม็อบ กลางกระสุนจริง
สิบกว่าปีที่ผ่านยุครัฐประหาร ก็สื่อสารกัน ช่วยเหลือกัน
แจ้งข่าวคราว งานบวชงานศพ หรือไปเที่ยวด้วยกัน
:
ไม่ว่าจะเห็นด้วยเห็นต่าง มันเป็นความสัมพันธ์ล้ำค่า
เหมือนพวกออกป่านั่นแหละ
เวลาเจอกันงานศพหรืองานอนุสรณ์สถานก็เก็บปากเก็บคำ
