ภาพจากประชาไท
"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
8 hours ago
·
คนนอกอาจไม่เข้าใจระบบราชการไทย(not all)ว่าเมื่อไหร่ที่มีคำสั่งลงมาถึงผู้ใต้บังคับบัญชา
- ‘ขอความร่วมมือ’ ไม่ได้แปลว่าร่วมมือก็ได้ ไม่ร่วมก็ได้ เพราะถ้า ‘ไม่ร่วม’ อาจถูกเพ่งเล็ง เรียกไปคุย หักคะแนนที่หักได้ในด้านแนวจิตพิสัย ฯลฯ
- ‘จิตอาสา’ บางแห่งอาจไม่ได้แปลว่าแล้วแต่จะอาสา แต่คือ ‘ต้องอาสา ต้องบังคับหาโควต้าให้ครบตามกำหนด’ ถ้าไม่ร่วมจะถูกมองแรงมองบนหรือโดนตัดแต้ม
- “พิจารณาตามความเหมาะสม / แล้วแต่วิจารณญาณ” ไม่ได้หมายความว่าวิจารณญาณของเราที่คิดว่าดีแล้วจะปลอดภัย เพราะ ‘ความเหมาะสมของเราอาจไม่เท่าของหัวหน้า วิจารณญาณของหัวหน้าอาจไม่เท่ากับผู้บังคับบัญชาที่สูงกว่า’
====
ดังนั้นถ้าโครงสร้างองค์กรที่มี ‘ความกลัว’ , ได้รับคำสั่งที่มีคำว่า "แล้วแต่วิจารณญาณ , ตามความเหมาะสม"
ถ้าหัวหน้าองค์กรที่เพลย์เซฟจะเลือก Bar บนๆไว้ก่อน คือเข้มงวดไว้ก่อน เพื่อความปลอดภัย
แล้วนั่นก็จะเกิดปัญหาในสายตาคนนอกว่า
อ่าวไหนบอกแล้วแต่วิจารณญาณ ไหนบอกตามความเหมาะสม แล้วทำไมบางที่เคร่ง ทำไมบางที่ปล่อย
แล้วทำไมเข้มงวดตรงนั้น มาห้ามตรงนี้ ทำไมมีหลายมาตรฐาน
นั่นก็เพราะการขาด ‘คำสั่งรูปธรรม’จากคนบนๆ แล้วปล่อยให้คนระดับล่างๆลงมาจัดการกันเอง บางคนกลัว บางคนเอาหน้า บางคนเคร่ง ฯลฯ
จนสุดท้ายพอมีปัญหา
มันก็คือระบบแบบที่ปล่อยให้ระดับคนใต้บังคับบัญชาหรือคนรับคำสั่งก็มาทะเลาะกันเอง มาแซะกันเอง ไล่ล่ากันเอง
"ทำไมแค่นี้ไม่รู้กาละเทศะ"
"แล้วทำไมแกต้องมาบังคับชั้นให้ทำเหมือนแก"
"แล้วทำไมที่โน่นทำได้"
ฯลฯ
======
คำสั่งแนวนามธรรม แนวกว้างๆไม่ระบุเจาะจงชัด เช่น แล้วแต่ความเหมาะสม/แล้วแต่วิจารณญาณ ฯลฯ จริงๆมีข้อดีคือเปิดกว้าง + ระดับผู้ออกคำสั่งก็จะไม่ดูแย่ว่าบังคับ
เพราะเป็นฟีลว่า ‘คุณเลือกได้นะ’
แต่ถ้าจริงๆคือมีความกดดันในตัว มีความกลัวมาเกี่ยว เลือกพลาดก็เสี่ยงโดนเรียกคุย
มันก็จะเป็นคำสั่งที่เป็นปัญหาได้ง่ายกว่า เป็นคำสั่งที่สร้างความทะเลาะกันได้ง่ายกว่า คำสั่งแบบ 'รูปธรรม' เช่นให้ทำอะไรได้บ้าง ให้ทำกี่วัน ฯลฯ
=====
ยิ่งสังคมไทยค่อนไปในทาง Collectivism มายาวนานแต่ก่อนแรงกดดันสังคมก็จะทำให้ยอมทำตามกันได้ง่ายกว่า ข้อดีคือเราจะเห็นความ 'น้ำหนึ่งใจเดียวกัน' ได้ง่าย
แต่พอโลกและคน gen ใหม่ๆแสวงหาความ individualism มากขึ้น และพื้นที่โซเชียลใหญ่ขึ้น
เสียงขัดแย้งจะก็ยิ่งเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ
แต่ในข้อดีคือเราก็จะเห็นความ 'ใจเขา ใจเรา' มากขึ้นว่าในมุมคนอื่น มิติอื่น มีคนที่ต่างจากเรายังไงบ้าง
สังคมก็น่าจะอยู่ขึ้น ถ้าสังคมใจกว้างที่จะรับฟัง
https://www.facebook.com/IbehindYou/posts/1354687396028217
.....
สมชาย แซ่จิว
18 hours ago
·
ผลจาก คำสั่งเกินเหตุ
ของ รมต. บิ๊กอาย
พรรคธรรมนัส
เด็กๆ อุตส่าห์ซ้อม
อุตส่าห์เตรียมงาน
ผู้บริหาร รร ก็
เซฟ แอส
·
คนนอกอาจไม่เข้าใจระบบราชการไทย(not all)ว่าเมื่อไหร่ที่มีคำสั่งลงมาถึงผู้ใต้บังคับบัญชา
- ‘ขอความร่วมมือ’ ไม่ได้แปลว่าร่วมมือก็ได้ ไม่ร่วมก็ได้ เพราะถ้า ‘ไม่ร่วม’ อาจถูกเพ่งเล็ง เรียกไปคุย หักคะแนนที่หักได้ในด้านแนวจิตพิสัย ฯลฯ
- ‘จิตอาสา’ บางแห่งอาจไม่ได้แปลว่าแล้วแต่จะอาสา แต่คือ ‘ต้องอาสา ต้องบังคับหาโควต้าให้ครบตามกำหนด’ ถ้าไม่ร่วมจะถูกมองแรงมองบนหรือโดนตัดแต้ม
- “พิจารณาตามความเหมาะสม / แล้วแต่วิจารณญาณ” ไม่ได้หมายความว่าวิจารณญาณของเราที่คิดว่าดีแล้วจะปลอดภัย เพราะ ‘ความเหมาะสมของเราอาจไม่เท่าของหัวหน้า วิจารณญาณของหัวหน้าอาจไม่เท่ากับผู้บังคับบัญชาที่สูงกว่า’
====
ดังนั้นถ้าโครงสร้างองค์กรที่มี ‘ความกลัว’ , ได้รับคำสั่งที่มีคำว่า "แล้วแต่วิจารณญาณ , ตามความเหมาะสม"
ถ้าหัวหน้าองค์กรที่เพลย์เซฟจะเลือก Bar บนๆไว้ก่อน คือเข้มงวดไว้ก่อน เพื่อความปลอดภัย
แล้วนั่นก็จะเกิดปัญหาในสายตาคนนอกว่า
อ่าวไหนบอกแล้วแต่วิจารณญาณ ไหนบอกตามความเหมาะสม แล้วทำไมบางที่เคร่ง ทำไมบางที่ปล่อย
แล้วทำไมเข้มงวดตรงนั้น มาห้ามตรงนี้ ทำไมมีหลายมาตรฐาน
นั่นก็เพราะการขาด ‘คำสั่งรูปธรรม’จากคนบนๆ แล้วปล่อยให้คนระดับล่างๆลงมาจัดการกันเอง บางคนกลัว บางคนเอาหน้า บางคนเคร่ง ฯลฯ
จนสุดท้ายพอมีปัญหา
มันก็คือระบบแบบที่ปล่อยให้ระดับคนใต้บังคับบัญชาหรือคนรับคำสั่งก็มาทะเลาะกันเอง มาแซะกันเอง ไล่ล่ากันเอง
"ทำไมแค่นี้ไม่รู้กาละเทศะ"
"แล้วทำไมแกต้องมาบังคับชั้นให้ทำเหมือนแก"
"แล้วทำไมที่โน่นทำได้"
ฯลฯ
======
คำสั่งแนวนามธรรม แนวกว้างๆไม่ระบุเจาะจงชัด เช่น แล้วแต่ความเหมาะสม/แล้วแต่วิจารณญาณ ฯลฯ จริงๆมีข้อดีคือเปิดกว้าง + ระดับผู้ออกคำสั่งก็จะไม่ดูแย่ว่าบังคับ
เพราะเป็นฟีลว่า ‘คุณเลือกได้นะ’
แต่ถ้าจริงๆคือมีความกดดันในตัว มีความกลัวมาเกี่ยว เลือกพลาดก็เสี่ยงโดนเรียกคุย
มันก็จะเป็นคำสั่งที่เป็นปัญหาได้ง่ายกว่า เป็นคำสั่งที่สร้างความทะเลาะกันได้ง่ายกว่า คำสั่งแบบ 'รูปธรรม' เช่นให้ทำอะไรได้บ้าง ให้ทำกี่วัน ฯลฯ
=====
ยิ่งสังคมไทยค่อนไปในทาง Collectivism มายาวนานแต่ก่อนแรงกดดันสังคมก็จะทำให้ยอมทำตามกันได้ง่ายกว่า ข้อดีคือเราจะเห็นความ 'น้ำหนึ่งใจเดียวกัน' ได้ง่าย
แต่พอโลกและคน gen ใหม่ๆแสวงหาความ individualism มากขึ้น และพื้นที่โซเชียลใหญ่ขึ้น
เสียงขัดแย้งจะก็ยิ่งเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ
แต่ในข้อดีคือเราก็จะเห็นความ 'ใจเขา ใจเรา' มากขึ้นว่าในมุมคนอื่น มิติอื่น มีคนที่ต่างจากเรายังไงบ้าง
สังคมก็น่าจะอยู่ขึ้น ถ้าสังคมใจกว้างที่จะรับฟัง
https://www.facebook.com/IbehindYou/posts/1354687396028217
.....
สมชาย แซ่จิว
18 hours ago
·
ผลจาก คำสั่งเกินเหตุ
ของ รมต. บิ๊กอาย
พรรคธรรมนัส
เด็กๆ อุตส่าห์ซ้อม
อุตส่าห์เตรียมงาน
ผู้บริหาร รร ก็
เซฟ แอส
