วันอังคาร, ตุลาคม 28, 2568

MoU ว่าด้วย Ciritical Minerals ระหว่างสหรัฐอเมริกากับไทยอาจนำไปสู่กลลวงกัมมันตรังสี : ถอดบทเรียนจากความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อมจากโรงงานแปรรูปแร่แรร์เอิร์ธของ Lynas ในมาเลเซีย


Tara Buakamsri 
Yesterday
·
*** MoU ว่าด้วย Ciritical Minerals ระหว่างสหรัฐอเมริกากับไทยอาจนำไปสู่กลลวงกัมมันตรังสี : ถอดบทเรียนจากความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อมจากโรงงานแปรรูปแร่แรร์เอิร์ธของ Lynas ในมาเลเซีย ***
ระหว่างปี 2567 ที่ผ่านมา ไทยนำเข้าโลหะแรร์เอิร์ท สแคนเดียม และอิตเทรียม(พิกัด 28053000) มากที่สุดในปริมาณ 239 ตันจากมาเลเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากบริษัท Lynas Malaysia Sdn. Bhd. (ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Lynas ในออสเตรเลีย หนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญของอุตสาหกรรมแรร์เอิร์ธนอกประเทศจีนซึ่งในเวลาต่อมาก็ถูกจีนควบรวมกิจการในออสเตรเลียไปเรียบร้อย) รองลงมาเป็นการนำเข้ามาจากประเทศจีนในปริมาณ 48.5 ตัน
ไทยมีโรงงาน “แปรรูปแรร์เอิร์ทที่ใช้ทำแม่เหล็กถาวร” ส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจในระดับโลกของบริษัทแม่ที่ชื่อ Neo ในแคนาดา และมีสำนักงานย่อยในสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ และจีน นอกจากโรงงานผลิตในไทย Neo มีหน่วยงานด้านการขาย การวิจัยและพัฒนาและการผลิตใน 10 ประเทศคือ ญี่ปุ่น จีน เอสโตเนีย สิงคโปร์ เยอรมนี สหราชอาณาจักร แคนาดา สหรัฐอเมริกา และเกาหลีใต้ บริษัท Neo ครอบคลุมการผลิตทางอุตสาหกรรมสามกลุ่มหลักคือ Magnequench, Chemicals & Oxides และ Rare Metals
ในปี 2568 จนถึงเดือนสิงหาคม ไทยส่งออกโลหะแรร์เอิร์ท สแคนเดียม และอิตเทรียม(พิกัด 28053000) มากที่สุดในปริมาณ 519 ตันไปยังญี่ปุ่น รองลงมาเป็นเวียดนาม(189 ตัน) จีน(5 ตัน) เอสโทเนีย (5 ตัน)
จากข้อมูลนำเข้า-ส่งออกโลหะแรร์เอิร์ท สแคนเดียม และอิตเทรียม(พิกัด 28053000) นี้ สรุปได้ว่า ไทยเป็นเพียงส่วนเสี้ยวหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานแรร์เอิร์ธอันสลับซับซ้อนที่มีจีนเป็นผู้เล่นรายใหญ่สุด
แต่ MoU ระหว่างสหรัฐ-ไทยดังกล่าวนี้ อาจเปิดโอกาสให้อุตสาหกรรมแรร์เอิร์ท(แบบเดียวกับ Lynas คือเป็น processing facility) จากสหรัฐอเมริกามาตั้งฐานการผลิตในไทยซึ่งหากรัฐบาลไทยไม่ดูตาม้าตาเรือ เราจะได้ “มลพิษกัมมันตรังสี” เป็นของแถมพ่วงมาด้วย แม้ว่าเราจะมีกฎหมายสิ่งแวดล้อมหลายฉบับ แต่เป็นเพียงเสือกระดาษและยังมีช่องว่างในเรื่องของมาตรฐานต่างระดับ
ทั่วโลก การทำเหมืองและแปรรูปแรร์เอิร์ธมีความเสี่ยงสิ่งแวดล้อมสูง (การแพร่กระจายสารกัมมันตรังสี สารเคมีเป็นพิษ ความเป็นกรดของพื้นที่ลุ่มน้ำ) ก่อนหน้ากรณี Lynas มีกรณีตัวอย่าง ARE (Asian Rare Earth) ของ Mitsubishi Chemical ที่บูกิตเมอราห์ มาเลเซีย ซึ่งก่อมลพิษและผลกระทบต่อชุมชน แม้ Mitsubishi จ่าย 100 ล้านดอลลาร์เพื่อฟื้นฟู แต่จนถึงวันนี้กว่า 40 ปีหลังโรงงานปิด ของเสียกัมมันตรังสียังคงเป็นมรดกอันตราย
Lynas ก่อตั้งขึ้นในปี 1983 ภายใต้ชื่อ Yilgangi Gold NL ในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย และเปลี่ยนมาใช้ชื่อ Lynas ในปี 1985 บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย (ASX) ในปี 1986 ต่อมาในปี 2001 บริษัทได้ขายธุรกิจเหมืองทองคำและหันมาโฟกัสที่แร่แรร์เอิร์ธ (rare earths)
Lynas ก่อตั้งโดย Nicholas Curtis ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ในปี 2001 Lynas ได้รับใบอนุญาตดำเนินโรงงานแปรรูปแรร์เอิร์ธในออสเตรเลียจากการเทกโอเวอร์บริษัท Ashton ซึ่งก่อนหน้านั้นได้รับอนุญาตในปี 1992 ให้สร้างโรงงานแปรรูปดังกล่าวที่เมือง Meenaar ในออสเตรเลีย เดิมที Lynas มีใบอนุญาตแปรรูปในออสเตรเลียอยู่แล้ว แต่ด้วยเหตุผลด้านการลดต้นทุน จึงวางแผนจะย้ายกระบวนการแปรรูปไปจีน—ประเทศที่มีเงินลงทุนและต้นทุนดำเนินงานต่ำ มีทักษะสูงในอุตสาหกรรมแรร์เอิร์ธ และมีศักยภาพการแยกสกัดที่มีอยู่เดิม
ในเวลานั้น จีนต้องการใช้แรร์เอิร์ธของโลกถึง 50% โครงการ Lynas ได้ระดม 75 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) ผ่านการออกหุ้นกู้แปลงสภาพและหุ้น แนวคิดย้ายการผลิตไปจีนถูกยกเลิกในปี 2006 เนื่องจากความเป็นไปได้ที่จะถูกควบคุมการส่งออกและเก็บภาษีโดยรัฐบาลจีน เมื่อจีนกำหนดภาษีส่งออกและภาษีมูลค่าเพิ่มรูปแบบใหม่ Lynas จึงตัดสินใจย้ายไปมาเลเซียแทน ซึ่งได้รับการยกเว้นภาษีเป็นระยะเวลาสำคัญ Lynas บรรลุข้อตกลงกับรัฐบาลมาเลเซียในปี 2006 เพื่อสร้างโรงงานแปรรูปที่นั่น
ในปี 2007 Lynas ได้ข้อตกลงกับรัฐบาลมาเลเซียเพื่อสร้างโรงงานที่เมืองเคมามัน (Kemaman) ในรัฐตรังกานู ตามข้อมูลของบริษัท โรงงานที่เคมามันจะให้ประโยชน์ด้านภาษีอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ การยกเว้นภาษี 10 ปี และข้อได้เปรียบด้านรายได้ 27% เมื่อเทียบกับจีน ซึ่งจะต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม 17% และภาษีส่งออก 10% Lynas ให้ความเชื่อมั่นแก่ผู้ถือหุ้นและผู้ให้กู้ว่าจะเร่งรัดการผลิตขั้นตอนการแยกสกัดในมาเลเซียได้ราว 5,000 ตันต่อปี (tpa) ของ Rare Earths Oxide equivalent (REO) และผลิตเพิ่มอีก 5,000 ตัน/ปี REO ที่โรงงานของ “พันธมิตรเชิงกลยุทธ์”
นอกจากนี้ยังคาดว่าจะขยายกำลังการผลิตในมาเลเซียหลังเริ่มเดินเครื่องไม่นานเป็น 10,500 ตัน/ปี ในปี 2008 และ 20,000 ตัน/ปี ในปี 2010 จากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว Lynas คาดว่าต้นทุนเงินลงทุนจะ “เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ” แม้จะไม่ได้ให้ตัวเลขใหม่ ยกเว้นค่าเพิ่ม A$26 ล้านสำหรับผู้รับเหมาทำเหมืองที่โครงการ Mount Weld แม้ใบอนุญาตไซต์เคมามันจะถูกปฏิเสธ Lynas ก็ย้ายไปอีกพื้นที่ในมาเลเซีย—นิคมอุตสาหกรรมเกอเบง (Gebeng) ใกล้กวนตัน ดังนั้น ในฐานะองค์ประกอบสำคัญของการวางตำแหน่งในตลาดโลก Lynas จึงเริ่มผลิตแร่แรร์เอิร์ธที่โรงงานแปรรูปในมาเลเซียเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2012
โรงงานของ Lynas ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเกอเบง ห่างไปประมาณ 15 กม. ทางตอนเหนือของกวนตัน บนชายฝั่งตะวันออกของมาเลเซียคาบสมุทร โรงงานซึ่งเรียกอีกชื่อว่า LAMP (Lynas Advanced Materials Processing) ตั้งอยู่ในพื้นที่พรุซึ่งมีฝนตกชุก เพิ่มความเสี่ยงต่อการรั่วไหลและการชะละลาย มีหมู่บ้านขนาดเล็กหลายแห่งอยู่ใกล้เคียง โดยหมู่บ้านที่ใกล้ที่สุดคือบาลก์ (Balok) ที่ชาวบ้านทำประมงและเกษตรกรรม
จำนวนประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจาก Lynas Advanced Materials Processing มีมาก รวมถึงผู้อยู่อาศัยในหมู่บ้านรอบ ๆ และชาวกวนตัน เมืองเอกของรัฐปะหังซึ่งมีประชากรในเขตมหานครมากกว่าครึ่งล้าน Lynas Advanced Materials Processing ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำบาลก์ ห่างจากโรงกลั่นไปทางทิศตะวันออกเพียงประมาณ 3 กม. Lynas ปล่อยน้ำทิ้ง—330 ม³/ชั่วโมง ถึง 500 ม³/ชั่วโมง—ลงสู่แม่น้ำบาลก์ ซึ่งไหลผ่านป่าชายเลนลงสู่ทะเลจีนใต้และใกล้เขตอนุรักษ์เต่าที่เชราติง ปะหัง บริเวณหาดเชนดอร์ (Pantai Chendor) งานวิจัยในปี 2006 แสดงให้เห็นว่าแม่น้ำบาลก์และป่าชายเลนในพื้นที่ปล่อยน้ำทิ้งนี้เป็นระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์และสำคัญมาก แต่ก็เปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม
ก่อนจะถูกแปรรูปในมาเลเซีย แร่สำหรับ Lynas Advanced Materials Processing เริ่มต้นการเดินทางในออสเตรเลีย แร่จากเหมือง Mount Weld ของ Lynas จะถูกทำให้เข้มข้นที่โรงแต่งแร่ของ Lynas ในเมืองลาเวอร์ตัน (Laverton) รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ซึ่งอยู่ใกล้แหล่ง Mt Weld ใช้เทคนิคการลอย (flotation) เพื่อผลิตคอนเซนเทรตแรร์เอิร์ธที่เป้าหมายความเข้มข้นเทียบเท่า REO 40%
จากนั้นคอนเซนเทรตจะถูกบรรจุในถุงบรรทุกสองตัน ใส่ตู้คอนเทนเนอร์ที่ไซต์แล้วขนส่งด้วยรถบรรทุกไปยังท่าเรือฟรีแมนเทิล (Fremantle) ในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย เพื่อส่งทางเรือคอนเทนเนอร์ไปสิงคโปร์ และจากนั้นด้วยเรือสินค้าไปยังท่าเรือกวนตันในรัฐปะหัง มาเลเซีย จากท่าเรือไปโรงงาน Lynas Advanced Materials Processing มีระยะทางโดยถนนเพียง 5 กม.
โรงงานแปรรูปคอนเซนเทรตผ่านสองขั้นตอนหลัก: (1) การแคร็กและการแยกสกัด และ (2) การทำผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย ขั้นแรก คอนเซนเทรตจะถูกเผาร่วมกับกรดซัลฟิวริกในเตาเผาหมุนที่อุณหภูมิสูงเพื่อให้ได้สารละลายกรด จากนั้นล้างด้วยน้ำและสารเคมีอื่น ๆ เพื่อได้สารละลายซัลเฟตของแรร์เอิร์ธ ขั้นตอนที่สอง สารละลายจะผ่านระบบสกัดด้วยตัวทำละลายหลายชุดเพื่อให้ได้สารละลายแรร์เอิร์ธที่นำไปแยกและทำให้บริสุทธิ์ต่อจนเป็นผลิตภัณฑ์ REE ที่จำหน่ายได้ในขั้นผลิตภัณฑ์สำเร็จ
มลพิษที่เป็นภัยคุกคามจาก Lynas คือการจัดการและกำจัดกากของแข็งที่มีของเสียกัมมันตรังสีปริมาณมาก มลพิษที่ประกอบด้วยสารกัมมันตรังสีและโลหะหนัก การเก็บกากในบ่อเปิดที่อาจไม่ปลอดภัย ความเสี่ยงจากน้ำท่วมและพายุที่อาจทำลายระบบกักเก็บกาก การปนเปื้อนน้ำใต้ดินและฝุ่นฟุ้งกระจายจากกองกาก ในช่วง 20 ปี Lynas จะผลิตของเสียกว่า 6 ล้านตัน อาจสร้างสต็อกกากกัมมันตรังสีจำนวนมหาศาลและโยนภาระการจัดการระยะยาวให้มาเลเซีย โรงงานกวนตันจึงอาจเป็นภัยต่อผู้คนและระบบนิเวศ
***ความเสี่ยงสิ่งแวดล้อมทั่วไปของ REE***
การทำเหมืองเหลือวัสดุส่วนเกิน >90% ที่ต้องกำจัด ซึ่งมักปนเปื้อนสารพิษ ก่อผลกระทบต่ออากาศ ดิน ผิวน้ำ ใต้ดิน ฝุ่นฟุ้งจากบ่อกาก น้ำผิวดินจากฝน/น้ำล้นเขื่อน และกรณีเลวร้ายคือเขื่อนเก็บตะกอนพัง (เช่น “โคลนแดง” ในฮังการี ปี 2010) ปล่อยทอเรียม ยูเรเนียม โลหะหนัก กรด ฟลูออไรด์จำนวนมาก ประวัติศาสตร์บอกว่าโรงงาน REE หลายแห่งต้องปิดด้วยเหตุสิ่งแวดล้อม เช่น เหมือง Mountain Pass สหรัฐฯ ปี 1998 จากการรั่วของน้ำเสียปนทอเรียม ~600,000 แกลลอน
จีนเองเริ่มเข้มงวดมาตรฐานสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ปี 2009 เนื่องจากปัญหาใหญ่ที่เหมืองและโรงแยก เช่น Baotou มองโกเลียใน ซึ่งมีบ่อกากขนาดใหญ่เสี่ยงปนเปื้อนสู่แม่น้ำเหลือง มีรายงานปัญหาสุขภาพรุนแรงในชุมชนรอบ ๆ
***ประวัติอันเจ็บปวดของมาเลเซีย กรณีบูกิตเมอราห์ (ARE) ของ Mitsubishi Chemical***
ตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1970–1990 โดยไม่มี EIA และไม่มีสถานที่กักเก็บกากถาวร ชาวบ้านฟ้องร้อง มีคำสั่งศาลให้หยุดดำเนินการช่วงหนึ่ง และมีรายงานผลกระทบสุขภาพ (แท้ง/ทารกเสียชีวิตสูง เลือดผิดปกติ เด็กเสี่ยงติดเชื้อสูง มะเร็งเม็ดเลือดขาวสูงผิดปกติ) แม้ภายหลังโรงงานยุติการดำเนินงาน (เหตุผลด้านเศรษฐกิจและการแข่งขัน) แต่ประชาชนไม่ได้รับชดเชย และของเสียยังคงเป็นปัญหาระยะยาว มาเลเซียจึงควรเรียนรู้บทเรียนนี้และปฏิเสธใบอนุญาตเดินเครื่องถาวรของ Lynas จนกว่าจะมีทางออกที่ยอมรับได้
***มลพิษที่เป็นภัยคุกคามจากโรงงาน Lynas ในมาเลเซีย***
อันตรายต่อสุขภาพมนุษย์และทำลายระบบนิเวศที่เปราะบาง เช่น ป่าชายเลน เขตเต่า และพื้นที่พรุ Lynas ใช้สารเคมีปริมาณมาก (กรดซัลฟิวริก กรดไฮโดรคลอริก แมกนีเซียมออกไซด์ เคโรซีน และตัวทำละลายเฉพาะเช่นไตรคลอโรเอทิลีน)
ประเด็นสำคัญคือกากของแข็งที่มีของเสียกัมมันตรังสีจำนวนมากกักเก็บในบ่อเปิด พื้นที่โรงงานอยู่ในเขตป่าพรุและเกิดน้ำท่วมเป็นระยะ มีน้ำท่วมสองครั้งนับตั้งแต่เริ่มผลิต (ครั้งรุนแรง ธ.ค. 2013) Malaysian Atomic Energy Licensing Board (AELB) ระบุว่าไม่มีการปนเปื้อน แต่ชุมชนกังวลว่าเหตุอากาศสุดขั้วในอนาคตอาจทำให้กากแพร่กระจาย เครือข่ายสารพิษแห่งชาติออสเตรเลีย (NTN) ปี 2012 ประเมินว่า Lynas น่าจะมีการปล่อยสารพิษและนิวไคลด์กัมมันตรังสีสู่บรรยากาศ ดิน และน้ำ และมีแนวโน้มปนเปื้อนน้ำใต้ดินภายในไม่กี่เดือนจากสภาพแวดล้อมฝนมากระเหยน้อย รวมทั้งกังวลว่ามาตรฐานคุณภาพน้ำทิ้งต่ำกว่าดีที่สุดสากล Oeko-Institut ชี้ว่าการออกแบบบ่อเก็บไม่เป็นไปตามมาตรฐานสมัยใหม่ อาจเกิดการรั่วซึมได้แม้สภาวะปกติ และความจุไม่พอสำหรับ water leach purification ก่อนมี permanent disposal facility
ยังมีข้อห่วงใยด้านการเสื่อมของสครับเบอร์ก๊าซ (SOx, HF, NOx) และประเด็น “คราบสะสม” (scale enrichment) ของเรเดียมบนผิวอุปกรณ์ที่ทำให้ขนาดรับรังสีเพิ่มขึ้น ต้องคุมงานและกำจัดอย่างเข้มงวด
ปัญหาแผนกำจัด/เก็บ/รีไซเคิลกากกัมมันตรังสี: ปริมาณกากสูงมาก (ประมาณ 300,000 ตัน/ปี น้ำหนักแห้ง) รวม 20 ปีราว 6 ล้านตัน วัตถุดิบมอนาไซต์มีทอเรียมและร่องรอยยูเรเนียม ความเข้มข้น Th-232 ในคอนเซนเทรต ~0.13–0.16% และ U-238 ~0.0021–0.0029% กิจกรรมรังสีของ water leach purification รวมลูกหลานสลายตัว ~62.29 Bq/g ซึ่งสูงกว่าพื้นหลังธรรมชาติในพื้นที่อย่างมาก ทำให้เพิ่มขนาดรับรังสีแก่แรงงานและประชาชนโดยรอบ ประเด็น PM2.5 ก็สำคัญเพราะอนุภาคเล็กอาจฝังในปอดได้ IAEA แนะนำให้ water leach purification อยู่ใน permanent disposal facility และต้องวัดจริงเพื่อชี้ขาดว่ากากอื่น ๆ ต้องเก็บในสถานที่ปลอดภัยหรือไม่
แผนจัดการของเสียปี 2011 ของ Lynas ระบุว่ากาก Flue Gas Desulphurization residue (FGD) และ Neutralization underflow residue (NUF) มีกิจกรรมรวมราว 0.47–0.52 Bq/g ส่วน water leach purification ~62.29 Bq/g น้ำทิ้งทั้งหมดจะบำบัดและระบายลงแม่น้ำบาลก์ ก๊าซผ่านสครับเบอร์และปล่อยผ่านปล่อง 34 ม. Oeko-Institut คำนวณว่าการ “ปล่อยกาก” สู่สาธารณะ (เช่น ผสมทำวัสดุก่อสร้าง/ถนน) มีความเสี่ยงเกินเกณฑ์คุ้มครองสากลโดยเฉพาะ water leach purification ที่สูงกว่าระดับ Beyond Regulatory Concern มากกว่า 1,000 เท่า แม้ผสมยิปซัม 1:100 ก็ยังสูงเกิน จึงสรุปว่ากาก ~1.2 ล้านตันของ water leach purification ต้องกำจัดใน permanent disposal facility เท่านั้น
สำหรับการเก็บระยะยาว ควรเป็นไปตามแนวทาง IAEA ที่มักใช้อายุการควบคุมในเชิงสถาบันระยะยาวยาว (เช่น 300 ปี) Lynas วางแผนความจุเก็บในไซต์ระยะแรก ~1.5 ปี และระยะสองเพิ่ม ~3.5 ปี แล้วขนย้ายไปยั permanent disposal facility แต่ไม่เปิดเผยที่ตั้ง ซึ่งขัดกับข้อเรียกร้องของรัฐบาลมาเลเซียที่ไม่ต้องการให้มีของเสียอยู่ในประเทศ ระหว่างนี้ Lynas ผลักดันแนวคิด “เชิงพาณิชย์” กาก Flue Gas Desulphurization residue (FGD)/ Neutralization underflow residue (NUF) เป็นยิปซัม ซีเมนต์ ถนน ปุ๋ยแมกนีเซียม และทดลองนำ water leach purification ไปใช้ แต่จากประสบการณ์ที่อื่นโอกาสสำเร็จต่ำ เช่น “โคลนแดง” ในออสเตรเลียที่อิฐกัมมันตรังสีเกินมาตรฐานจนห้ามใช้
ยังมีแนวทางเชื่อมโยงเหมืองในมาลาวีเพื่อแปรรูปที่มาเลเซีย ซึ่งยิ่งเพิ่มภาระกากในมาเลเซีย หรืออาจหาที่กำจัดในมาลาวีเอง ซึ่งก็ไม่น่าพึงประสงค์ อีกทั้งสิทธิในเหมืองยังมีข้อพิพาทและการพัฒนาถูกพักไว้
โดยสรุป : Lynas มีประวัติการย้ายฐานการแปรรูปจากออสเตรเลีย (เคยคิดจะไปจีน) แต่มาลงที่มาเลเซีย ด้วยแรงจูงใจด้านต้นทุนและภาษี แต่ต้องเผชิญการคัดค้านของสาธารณะ การทบทวนโดย IAEA พร้อมข้อเสนอแนะจำนวนมาก ปัญหาความล่าช้า ต้นทุนบานปลาย ผลิตต่ำกว่าคาด และความเสี่ยงสิ่งแวดล้อม/สุขภาพที่ร้ายแรง โดยเฉพาะจากกาก water leach purification ที่ต้องการสถานกำจัดถาวรที่ปลอดภัยและโปร่งใส ก่อนจะพิจารณาใบอนุญาตถาวรอย่างมีความรับผิดชอบต่อคนและธรรมชาติในระยะยาว

https://www.facebook.com/taragraphies/posts/25429768729961071