
ก.ร.ตร.มีมติชี้มูลผิดวินัย ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีตผบ.ตร. พร้อมพวก 200 นาย ปมส่วยเว็บพนัน
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_9990563
Pavin Chachavalpongpun
14 hours ago
·
วันนี้มีข่าวใหญ่ไม่แพ้ข่าวกันจอมพลัง ที่สั่นสะเทือนวงการสีกากีอย่างแท้จริงค่ะ เมื่อคณะกรรมการที่ดูแลเรื่องร้องเรียนของตำรวจ (ก.ร.ตร.) ได้มีมติชี้มูลความผิดทางวินัยต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมกับตำรวจอีกกว่า 200 นาย ในข้อกล่าวหาที่ว่า "รับส่วยจากเว็บพนันออนไลน์" สิ่งที่ทำให้ข่าวนี้เป็นเรื่องใหญ่มากคือ ต่อศักดิ์ไม่ใช่แค่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ธรรมดา แต่เป็นอดีต ผบ.ตร. และที่สำคัญคือเป็นน้องชายของพลอากาศเอกสถิตย์พงษ์ สุขวิมล ซึ่งเป็นราชเลขานุการในพระองค์และเลขาธิการพระราชวัง ความใกล้ชิดกับศูนย์กลางอำนาจนี้เองที่ทำให้คดีนี้จะถูกจับตามองเป็นพิเศษทั้งในประเทศและต่างประเทศ
...มันเกิดอะไรขึ้น? เรื่องนี้เริ่มต้นจากทนายตั้ม (นายษิทรา เบี้ยบังเกิด) ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนเมื่อเดือนมีนาคม 2567 โดยกล่าวหาว่ามีการรับเงินจากขบวนการเว็บพนัน ซึ่งหลังจากการตรวจสอบนานกว่า 7 เดือน คณะกรรมการฯ ก็มีมติเมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมาว่ามี "มูลความผิดทางวินัย" จริง ขั้นตอนต่อไปคือการเปิดโอกาสให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และพวกชี้แจง ก่อนที่จะมีการพิจารณาโทษอย่างเป็นทางการ
...หลายคนอาจนึกย้อนไปถึงคดีของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ (อาของท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี) อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่ถูกตัดสินจำคุกฐานแอบอ้างเบื้องสูงและฟอกเงิน ซึ่งเป็นการล่มสลายของนายตำรวจใหญ่ที่เชื่อมโยงกับสถาบันฯ อย่างรุนแรง ทั้งสองกรณีคือการสะท้อนว่านายตำรวจระดับสูงที่ใกล้ชิดกับเครือข่ายอำนาจได้เข้าไปพัวพันกับการทุจริตหรือผลประโยชน์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ต่างกันที่ คดีของพงศ์พัฒน์มีศูนย์กลางที่การ "แอบอ้างเบื้องสูง" ซึ่งเป็นประเด็นที่อ่อนไหวและร้ายแรงที่สุดในเชิงความมั่นคง ส่วนคดีต่อศักดิ์ คือปัญหา "ส่วยและผลประโยชน์จากเว็บพนัน" ซึ่งเป็นปัญหาเชิงระบบที่กัดกินวงการตำรวจมานาน แต่ก็ไม่วายกระทบต่อชื่อเสียงของสถาบันกษัตริย์
...ข้อสรุปที่ต้องจับตามองนะคะ คือการที่ตำรวจกว่า 200 นายถูกชี้มูลความผิดพร้อมกันในครั้งนี้ เป็นการยืนยันว่าปัญหาการรับส่วยใน สตช. นั้น ฝังรากลึกและเป็นระบบ การดำเนินคดีกับอดีต ผบ.ตร. ที่มีสายสัมพันธ์ระดับสูงจึงเป็นเหมือนบททดสอบความจริงใจของรัฐบาลและองค์กรตำรวจเองว่าจะสามารถกวาดล้างและจัดการกับปัญหาการทุจริตได้อย่างเด็ดขาดและโปร่งใส โดยไม่ปล่อยให้ความสัมพันธ์ส่วนตัวหรืออำนาจทางการเมืองเข้ามาแทรกแซงได้หรือไม่ (ซึ่งดิชั้นตอบให้เลย - ไม่!) ซึ่งขั้นตอนการพิจารณาโทษหลังจากนี้จะเป็นสิ่งที่สังคมเฝ้าจับตามองอย่างไม่กะพริบตา
...อีกันจอมพลัง มึงอาจจะโชคดีที่มีคนมารับไม้ต่อแล้ว
https://www.facebook.com/pavinchachavalpongpun/posts/24228307493511019
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_9990563
Pavin Chachavalpongpun
14 hours ago
·
วันนี้มีข่าวใหญ่ไม่แพ้ข่าวกันจอมพลัง ที่สั่นสะเทือนวงการสีกากีอย่างแท้จริงค่ะ เมื่อคณะกรรมการที่ดูแลเรื่องร้องเรียนของตำรวจ (ก.ร.ตร.) ได้มีมติชี้มูลความผิดทางวินัยต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมกับตำรวจอีกกว่า 200 นาย ในข้อกล่าวหาที่ว่า "รับส่วยจากเว็บพนันออนไลน์" สิ่งที่ทำให้ข่าวนี้เป็นเรื่องใหญ่มากคือ ต่อศักดิ์ไม่ใช่แค่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ธรรมดา แต่เป็นอดีต ผบ.ตร. และที่สำคัญคือเป็นน้องชายของพลอากาศเอกสถิตย์พงษ์ สุขวิมล ซึ่งเป็นราชเลขานุการในพระองค์และเลขาธิการพระราชวัง ความใกล้ชิดกับศูนย์กลางอำนาจนี้เองที่ทำให้คดีนี้จะถูกจับตามองเป็นพิเศษทั้งในประเทศและต่างประเทศ
...มันเกิดอะไรขึ้น? เรื่องนี้เริ่มต้นจากทนายตั้ม (นายษิทรา เบี้ยบังเกิด) ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนเมื่อเดือนมีนาคม 2567 โดยกล่าวหาว่ามีการรับเงินจากขบวนการเว็บพนัน ซึ่งหลังจากการตรวจสอบนานกว่า 7 เดือน คณะกรรมการฯ ก็มีมติเมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมาว่ามี "มูลความผิดทางวินัย" จริง ขั้นตอนต่อไปคือการเปิดโอกาสให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และพวกชี้แจง ก่อนที่จะมีการพิจารณาโทษอย่างเป็นทางการ
...หลายคนอาจนึกย้อนไปถึงคดีของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ (อาของท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี) อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่ถูกตัดสินจำคุกฐานแอบอ้างเบื้องสูงและฟอกเงิน ซึ่งเป็นการล่มสลายของนายตำรวจใหญ่ที่เชื่อมโยงกับสถาบันฯ อย่างรุนแรง ทั้งสองกรณีคือการสะท้อนว่านายตำรวจระดับสูงที่ใกล้ชิดกับเครือข่ายอำนาจได้เข้าไปพัวพันกับการทุจริตหรือผลประโยชน์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ต่างกันที่ คดีของพงศ์พัฒน์มีศูนย์กลางที่การ "แอบอ้างเบื้องสูง" ซึ่งเป็นประเด็นที่อ่อนไหวและร้ายแรงที่สุดในเชิงความมั่นคง ส่วนคดีต่อศักดิ์ คือปัญหา "ส่วยและผลประโยชน์จากเว็บพนัน" ซึ่งเป็นปัญหาเชิงระบบที่กัดกินวงการตำรวจมานาน แต่ก็ไม่วายกระทบต่อชื่อเสียงของสถาบันกษัตริย์
...ข้อสรุปที่ต้องจับตามองนะคะ คือการที่ตำรวจกว่า 200 นายถูกชี้มูลความผิดพร้อมกันในครั้งนี้ เป็นการยืนยันว่าปัญหาการรับส่วยใน สตช. นั้น ฝังรากลึกและเป็นระบบ การดำเนินคดีกับอดีต ผบ.ตร. ที่มีสายสัมพันธ์ระดับสูงจึงเป็นเหมือนบททดสอบความจริงใจของรัฐบาลและองค์กรตำรวจเองว่าจะสามารถกวาดล้างและจัดการกับปัญหาการทุจริตได้อย่างเด็ดขาดและโปร่งใส โดยไม่ปล่อยให้ความสัมพันธ์ส่วนตัวหรืออำนาจทางการเมืองเข้ามาแทรกแซงได้หรือไม่ (ซึ่งดิชั้นตอบให้เลย - ไม่!) ซึ่งขั้นตอนการพิจารณาโทษหลังจากนี้จะเป็นสิ่งที่สังคมเฝ้าจับตามองอย่างไม่กะพริบตา
...อีกันจอมพลัง มึงอาจจะโชคดีที่มีคนมารับไม้ต่อแล้ว
https://www.facebook.com/pavinchachavalpongpun/posts/24228307493511019