วันพฤหัสบดี, ตุลาคม 02, 2568

“ไผ่ จตุภัทร์” เปิดเผยว่าถูกข่มขู่จากผู้คุม หลังประท้วงในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เหตุไม่ย้ายแดน หลังครบกักตัว 5 วัน


ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
13 hours ago
·

“ไผ่ จตุภัทร์” เปิดเผยว่าถูกข่มขู่จากผู้คุม หลังประท้วงในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เหตุไม่ย้ายแดน หลังครบกักตัว 5 วัน
.
.
วันที่ 30 ก.ย. 2568 ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทนายความเข้าเยี่ยม “ไผ่” จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา ซึ่งถูกส่งตัวจากเรือนจำอำเภอภูเขียว จ.ชัยภูมิ มายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ พร้อมกับ “ครูใหญ่” อรรถพล บัวพัฒน์ เพื่อเข้าร่วมการสืบพยานที่ศาลอาญาระหว่างวันที่ 24-26 ก.ย. 2568 ในคดีที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร
.
ไผ่ได้แจ้งผ่านทนายความว่า เขายังคงอยู่ถูกคุมขังอยู่ในแดน 2 ซึ่งเป็นแดนแรกรับทั้งที่ครบกำหนดกักตัวตามกำหนด 5 วันแล้ว เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 2568 และเพื่อนผู้ต้องขังในแดนซึ่งถูกคุมขังในห้องอื่นได้ถูกจำแนกตัวไปยังแดนต่าง ๆ แล้ว ทำให้ไผ่รู้สึกว่าถูกกลั่นแกล้ง จึงทำการประท้วงโดยนำผ้าไปปิดกล้องวงจรปิดในห้องนอน
.
“ผมเข้ามาเรือนจำวันที่ 23 ก.ย. เมื่อวาน (29 ก.ย.) ครบกำหนดกักตัวห้าวัน ต้องย้ายแดนแต่เขา (ผู้คุม) ไม่ย้าย ผมเลยนำผ้าไปปิดกล้อง ทำให้ผู้คุมที่ชื่อ พิพัฒน์ชล หินสุข ไม่พอใจ เขาได้นำตัวผมไปใส่กุญแจมือไขว้หลัง และให้มีคนประกบผมซ้ายขวาสี่คน ทั้งที่ผมไม่ได้ขัดขืนหรือใช้ความรุนแรงอะไร ขนาดตำรวจยังไม่เคยใส่กุญแจมือไขว้หลังเลย เขาก็เรียกผมไปด่าและข่มขู่ และทำบันทึกแต่ผมไม่ได้ลงชื่อ”
.
นอกจากนี้ ไผ่ได้เปิดเผยว่า “ไบรท์ ชินวัตร” ซึ่งอยู่ในแดนเดียวกัน ได้มายืนดูเขาที่กำลังถูกนำตัวไป ไบรท์ยังต้องถูกให้ทำบันทึกว่ามีการกระด้างกระเดื่องไปด้วย ไผ่มองว่าการกระทำของผู้คุมเป็นการใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ โดยยังมีการประกาศเสียงตามสายด้วบถ้อยคำหยาบคาย ให้นำตัวคนที่ปิดกล้องวงจรปิดมาด้วย
.
ในวันถัดมา (30 ก.ย.) สันติ ป้องนพ ผู้คุมอีกคนหนึ่ง ได้เข้ามาตรวจในห้องกักและพบข้อความ ‘ปฏิรูปสถาบัน Reform the Monarchy’ บนผนังกำแพงเขียนด้วยกาแฟ ผู้คุมจึงขู่ว่าจะย้ายเขาไปแดน 8 เพื่อฝึกวินัย
.
“ที่ผมว่าเกินไป คือเขาเอาผู้ต้องขังในห้องเดียวกับผมไปสอบทีละสองคนและย้ายไปห้องอื่นด้วย เดิมห้องผมมี 12 คน ย้ายออกไป 4 คน แต่เขาต้องย้ายไปห้องอื่นที่มีคนมากกว่าห้องผมและต้องกักตัวเพิ่ม มันเป็นการใช้อำนาจเกินกว่าเหตุหรือเปล่า ผมมองว่าเขาพยายามกลั่นแกล้งทุกวิถีทาง”
.
ทนายได้แจ้งกับไผ่ว่าจะทำหนังสือถึงเรือนจำเพื่อให้ตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น และคุยเรื่องกิจกรรม #Run2free ให้ไผ่ฟัง พร้อมทั้งเล่าถึงกิจกรรม #ConThai คารวานรณรงค์ร่างรัฐธรรมนูญ 77 จังหวัดที่ประกาศวันในการทำกิจกรรมในพื้นที่ภาคอีสาน ไผ่บอกว่าเขาคาดหวังว่าหากเขาต้องอยู่ในเรือนจำ กิจกรรมรณรงค์ร่างรัฐธรรมนูญที่เขาทำก่อนหน้าเข้าเรือนจำ ก็ยังสามารถดำเนินต่อไปได้ และฝากคนด้านนอกสนับสนุน #ConThai ด้วย
.
ในวันนี้ (1 ต.ค. 2568) ทางทนายความได้ยื่นหนังสือต่อผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ขอให้ตรวจสอบการกระทำของเจ้าหน้าที่ว่าเกินสมควรแก่เหตุหรือไม่ และขอให้ย้ายตัวจตุภัทร์ พร้อมอรรถพล ไปยังแดน 4 เพื่อลดความขัดแย้งภายในเรือนจำต่อไป

.

ปัจจุบัน ไผ่ถูกคุมขังพร้อมกับครูใหญ่ในคดีมาตรา 112 จากการปราศรัยประเด็นปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ในการชุมนุมหน้าโรงเรียนภูเขียวและ สภ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564 ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเรียกร้องให้ตำรวจ สภ.ภูเขียว ขอโทษ กรณีไปคุกคามนักเรียนที่บ้าน โดยในวันที่ 3 ก.ย. 2568
.
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ได้มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำคุกคนละ 3 ปี เพิ่มโทษจำเลยที่ 1 (ไผ่) กึ่งหนึ่ง เนื่องจากเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก และได้กระทำผิดซ้ำภายใน 3 ปี นับแต่วันพ้นโทษ เป็นจำคุก 4 ปี 6 เดือน ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี 12 เดือน
.
ภายหลังศาลอุทธรณ์พิพากษา ไผ่และครูใหญ่ได้ยื่นขอประกันตัวรวม 3 ครั้งแล้ว แต่ศาลฎีกาไม่อนุญาต โดยอ้างเหตุว่า “หากปล่อยชั่วคราวมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 อาจจะหลบหนี”
.
อย่างไรก็ตาม ไผ่และครูใหญ่ได้ไปตามนัดหมายตลอดตั้งแต่ชั้นสอบสวนจนกระทั่งวันฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ผ่านมา โดยไม่เคยมีพฤติการณ์หลบหนีแต่อย่างใด
.
.
อ่านทั้งหมดบนเว็บไซต์ในลิงค์
https://tlhr2014.com/archives/78911

https://www.facebook.com/photo/?fbid=1206920131278455&set=a.656922399611567