วันพุธ, สิงหาคม 20, 2568

สุดรันทด ชาวบ้านชายแดนต้องหอบแม่ติดเตียงขาขาดหนีสงคราม ครอบครัวหญิงล้วนในหมู่บ้านกระสุนตก วอนหยุดปะทะ หวังสันติภาพเกิดขึ้นระหว่างสองประเทศ


ชาวบ้านชายแดนกระสุนตกวอนหยุดปะทะ เหตุต้องหอบแม่ติดเตียงขาขาดอพยพ

18 ส.ค. 2568
ข่าวสดออนไลน์

สุดรันทด ชาวบ้านชายแดนต้องหอบแม่ติดเตียงขาขาดหนีสงคราม ครอบครัวหญิงล้วนในหมู่บ้านกระสุนตก วอนหยุดปะทะ หวังสันติภาพเกิดขึ้นระหว่างสองประเทศ

เมื่อวันที่ 18 ส.ค.2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านภูมิซรอล ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ หมู่บ้านกระสุนตก ใกล้เขตชายแดนไทย–กัมพูชา ฝั่งเขาพระวิหาร ปรากฏว่า หลังมีกระแสข่าวลือหนาหูว่าอาจเกิดการปะทะทางทหารระหว่างไทยและกัมพูชา จนทำให้ก่อนหน้านี้ประชาชนบางส่วนอพยพออกจากพื้นที่ เริ่มทยอยกลับเข้ามายังบ้านพักอาศัยอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน ชาวบ้านบางส่วนที่ยังปักหลักอยู่ในหมู่บ้าน ซึ่งแม้จะอยู่ในพื้นที่เสี่ยงสูง โดย น.ส.ริญญา อายุ 49 ปี ซึ่งต้องดูแล นางถิง อายุ 87 ปี มารดา ที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง ประสบอุบัติเหตุขาขาด และมีโรครุมเร้าอยู่หลายโรค ประกอบกับครอบครัวมีแต่หญิงโสดทั้งหมด 6 คน เวลามีเหตุการณ์ปะทะระหว่างไทย–กัมพูชา ก็ต้องช่วยกันนำแม่ ใส่รถล้อลาก วิ่งเข้าไปหลบยังหลุมหลบภัยอย่างทุลักทุเล

แม้สถานการณ์ระหว่างไทย–กัมพูชาในขณะนี้ยังไม่มีการปะทะเกิดขึ้น แต่เจ้าตัวก็ได้จัดเตรียมสิ่งของต่าง ๆ ทั้งแพมเพอร์ส ผ้าห่ม เสบียงอาหาร และของจำเป็น ใส่ไว้ในรถเข็น เพื่อให้พร้อมอพยพได้ทันทีหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด

โดย น.ส.จริญญา อายุ 49 ปี เปิดเผยว่า วันแรกของการปะทะระหว่างไทย–กัมพูชา เมื่อเสียงปืนใหญ่ดังขึ้น ตนและญาติพี่น้องต้องช่วยกันนำร่างแม่ พร้อมด้วยสิ่งของ ขึ้นรถลากไปหลบยังหลุมหลบภัย ยอมรับว่าตอนนั้นรู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก หลังจากนั้น ตนและครอบครัวได้พากันอพยพไปอยู่ที่ศูนย์พักพิงในอำเภอเบญจลักษ์

เมื่อกลับมาอยู่บ้านในครั้งนี้ ก็ยังคงไม่มั่นใจในสถานการณ์ จึงต้องเตรียมสิ่งของใส่รถลากให้พร้อมอพยพตลอดเวลา อีกทั้งสมาชิกในบ้านมีแต่ผู้หญิง ไม่มีผู้ชายเลย มีเพียงเด็กชายวัย 4 ขวบเท่านั้น เมื่อต้องเผชิญเหตุปะทะ จึงต้องช่วยกันหอบแม่และพาเด็กไปหลบก่อน



จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก ไม่อยากให้เกิดการปะทะกันระหว่างสองประเทศ ถามว่าเราสูญเสียไหม เราก็สูญเสีย ถามว่าเขาสูญเสียไหม เขาก็สูญเสีย สงสารทั้งคนแก่และเด็กตาดำ ๆ เหนื่อยก็เหนื่อย ไม่มีเงินด้วย แม่ก็เป็นโรคไตระยะสุดท้าย ขาก็ประสบอุบัติเหตุต้นไม้ล้มใส่จนต้องตัดขา ชีวิตก็ไม่รู้จะตายวันไหน เพราะทุกคนเกิดมาก็ต้องตายอยู่แล้ว อยากให้บ้านเมืองสงบ จะได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม ครอบครัวของนางสาวจริญญา ได้ย้ายไปอาศัยอยู่บ้านญาติ ในพื้นที่ปลอดภัยอีกครั้ง เพราะไม่ต้องพาแม่ที่ชราเดินทางอพยพไปกลับไปมาแบบนี้อีก จนกว่าสถานการณ์ในพื้นที่จะเริ่มคลี่คลายต่อไป

https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_9899240