
Pavin Chachavalpongpun
12 hours ago
·
อ่านข่าวนี้แล้วดูเหมือนว่า นโยบายด้านประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมืองที่ รมว ศึกษากำลังผลักดันนั้น มุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมประวัติศาสตร์แบบที่รัฐสนับสนุน (state-sponsored version) ซึ่งมักจะมุ่งเน้นไปที่การสร้างชาตินิยม คือนฤมลพูดว่า "อยากให้เด็กได้รู้จักรากเหง้าของระบอบประชาธิปไตยและประวัติศาสตร์ไทยเชิงลึกแบบถูกต้อง ทั้งนี้จะเริ่มในปีการศึกษาไหนนั้น ตนขอหารือกับ สพฐ. เพื่อดูระยะเวลาและความพร้อมของแต่ละโรงเรียนก่อน" และ "ประวัติศาสตร์ชาติไทยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะประวัติศาสตร์ไทยของเราไม่เหมือนกับชาติใดในโลก"
...อ่านแค่นี้ก็เดาได้เลยว่า นี่จะชี้เป็นประวัติศาสตร์ที่ไม่เน้นเชิงวิพากษ์ (critical history) แต่จะเป็นประวัติศาสตร์ที่ถูกกำหนดโดยรัฐ เพื่อเน้นย้ำถึงบทบาทของสถาบันหลักและสร้างความรู้สึกภาคภูมิใจในชาติแบบเฉพาะเจาะจง การใช้คำว่า "แบบถูกต้อง" ยังสะท้อนถึงการมีชุดความจริงชุดเดียวที่ต้องการให้เด็กเรียนรู้ ซึ่งตรงข้ามกับการศึกษาประวัติศาสตร์เชิงวิพากษ์ที่ส่งเสริมการตั้งคำถามและวิเคราะห์จากหลายมุมมองค่ะ
...อีกเรื่องคือวิชาหน้าที่พลเมือง ที่ต้องนำไปใช้เป็นสัดส่วนในการสอบเข้าเรียนต่อในระดับ ม.1 และ ม.4 นี่แสดงถึงความพยายามที่จะยกระดับวิชาเหล่านี้ให้มีความสำคัญเทียบเท่ากับวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ซึ่งเป็นการบังคับให้นักเรียนให้ความสำคัญกับวิชาเหล่านี้ นี่ไม่เพียงแต่เน้นย้ำความสำคัญของเนื้อหา แต่ยังเป็นการใช้ระบบการสอบเป็นเครื่องมือในการปลูกฝังแนวคิด "บางอย่าง" ลงไปในตัวนักเรียนตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งอาจกลายเป็นเครื่องมือในการผลิตซ้ำชาตินิยมมากกว่าการส่งเสริมการคิดเชิงวิเคราะห์และการเป็นพลเมืองที่ตื่นตัวอย่างแท้จริงในระบอบประชาธิปไตย คือในหลายประเทศที่พัฒนาแล้วนะคะ ไม่มีใครสอนหน้าที่พลเมืองค่ะ หน้าที่หลักของพลเมืองคือจ่ายภาษีค่ะ ที่เหลือรัฐต้องบริหารจัดการเองค่ะ
...นี่แอบคิดเล่นๆ ถ้าเราจะศึกษาเรื่องประวัติศาสตร์ไทยเชิงลึกจริงๆ เราต้องกล้าพูดเรื่องการสวรรคตของรัชกาลที่ 8 เชื่อดิชั้นสิคะ เรือยังไม่ทันออกจากอ่าว ก็ล่มแล้ว เอเมน
https://www.facebook.com/photo?fbid=9890906917677649&set=a.104469196321519
Pavin Chachavalpongpun
doonpsStre61iu1786lthgfa9a6ht78026t11l68hh33g33lmf69m73fflta ·
เหรียญมีสองด้าน เช่นเดียวกับประวัติศาสตร์ มันขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นผู้เขียน ที่เมืองฮิโรชิม่า พิพิธภัณฑ์สันติภาพ Peace Museum นั้น ญี่ปุ่นสร้างขึ้นมาเพื่อเล่าถึงโศกนาฏกรรมที่เกิดจากสงครามนิวเคลียร์ และญี่ปุ่นถูกทำลายล้างมากเพียงใด ดิชั้นเข้าใจสิ่งที่ญี่ปุ่นต้องการถ่ายทอด ใครที่เคยไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คงรู้สึกได้ว่ามันเศร้าใจเพียงใด
...แต่เมื่อดิชั้นได้มีโอกาสพานักศึกษาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ นักศึกษาหลายคนมองว่า ญี่ปุ่นไม่ได้เล่าถึงที่มาของการถูกบอมด้วยระเบิด นั่นคือ การที่ญี่ปุ่นรุกรานประเทศอื่นๆ รวมถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งต่างก็ได้รับผลกระทบจากการรุกรานนั้น สำหรับนักศึกษาเหล่านี้ นี่คือการเขียนประวัติศาสตร์ด้านเดียวของญี่ปุ่น
...ดิชั้นอยากให้นักศึกษาไทย คนไทย มองประวัติศาสตร์ 2 ด้านในช่วงที่เรามีความขัดแย้งกับกัมพูชา เรามักจะมองจากมุมมองไทยแต่อย่างเดียว เหมือนกับที่แบบเรียนประวัติศาสตร์ของเราพูดแต่เรื่องอยุธยาถูกพม่าเผา แต่ไม่เคยพูดเรื่องเราเผาอังกอร์ ถ้าเรามองประวัติศาสตร์ 2 ด้าน เราจะลดอคติไปได้มาก ความรักชาติหรือชาตินิยมไม่จำเป็นต้องจบด้วยสงคราม เรารักชาติเรา พร้อมๆ กับกับความเข้าใจเพื่อนบ้านด้วยก็ได้
...ไม่อยากให้สุดท้ายแล้วไทยต้องมาสร้างพิพิธภัณฑ์สันติภาพแบบที่ฮิโรชิม่า เมื่อสงครามมันได้ทำลายความเป็นมนุษย์ส่วนหนึ่งของเราไปแล้ว
https://www.facebook.com/pavinchachavalpongpun/posts/9889257221175952