ล่าสุด ราชินีเรเนียแห่งจอร์แดน ให้สัมภาษณ์ คริสเตียน อามันปูร์ แห่ง ซีเอ็นเอ็น ซึ่ง ยาสชาร์ อาลิ บอกว่าไม่เคยเห็นพระองค์ทรงพระอาการอึดอัดขัดข้องมากเท่าครั้งนี้ “พระองค์ทรงวิพากษ์ชาติตะวันตกที่ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในกาซา”
ราชินีเรเนียเรียกอิสรเอลว่า ‘อะพาร์ไตด์ รีจีม’ หรือรัฐบาลที่กดขี่ด้านเชื้อชาติ (แบบเดียวกับอาฟริกาใต้ก่อนสมัย ‘แมนเดล่า’) “ความขัดแย้งไม่ได้เพิ่งเกิดเมื่อ ๗ ตุลาคม สำหรับชาวปาเลสไตน์ สงครามไม่เคยจากไป มันเป็น ๗๕ ปีแห่งความตายและถูกไล่ที่”
ราชินีตรัส “ปัญหามันเกิดมาก่อนมีฮามัส...ดูเหมือนมันเป็นมาตรฐานซ้อนในเรื่องนี้...มีการบอกเราว่าการใช้ปืนจ่อหัวฆ่าทั้งครอบครัว (ที่ฮามัสทำกับยิว) เป็นเรื่องผิด แต่โอเคถ้ายิงจรวดถล่มตายทั้งเมือง (กรณีระเบิดกาซา)”
ถามว่าพระองค์รู้สึกอย่างไรเมื่อฮามัสบุกเข้าไปฆ่าชาวยิว ทรงตอบว่า “แน่ละฉันช็อค เราประณามการเข่นฆ่าพลเรือน แล้วทำไมตอนนี้ไม่มีการประณามเหมือนกันบ้างล่ะ (กับการเข่นฆ่าชาวปาเลสไตน์)” อามันปูร์ถามอีก “เขาว่าฮามัสเป็นผู้ชักศึกเข้ากาซา”
ทรงตอบอีกว่า “ทุกประเทศมีสิทธิป้องกันตนเอง (เมื่ออิสรเอลทำเรียกอย่างนั้น) แต่พอปาเลสไตน์ทำบ้างกลายเป็นก่อการร้ายไป...ตอน ๗ ตุลา ว่านั่นเป็นการกระทำโหดเหี้ยมป่าเถื่อน ทำไมเราไม่เห็นการฆ่าล้างโคตรชาวปาเลสไตน์เป็นอย่างนั้นบ้าง”
ทุกชีวิตของมนุษย์มีคุณค่าเท่าเทียมกัน และมันจะไปสุดที่ระบบสองรัฐ ปาเลสไตน์กับอิสรเอลแบ่งแผ่นดินและสันติภาพ ต่อกันและกัน ‘จากแม่น้ำถึงฝั่งทะเล’ (วลีเรียกขวัญประโลมใจชาติเชื้อปาเลสไตน์ ว่าแผ่นดินแม่ตั้งแต่แม่น้ำจอร์แดนจรดทะเลเมดิเตอเรเนียน)
อีกด้านหนึ่ง รัฐมนตรีต่างประเทศของคาตาร์ ก็โจมตีชุมชนนานาชาติเช่นกันว่า แสดงปฏิกิริยาต่อการระดมยิงจรวดถล่มกาซา (จนขณะนี้ทั้งเมืองสภาพเหมือนโดนระเบิดปรมาณู) อย่างสองมาตรฐาน อับดุลราห์มาน อัล ธานิ กล่าวว่า
“ทำไมการตัดขาดเสบียงอาหารและน้ำในยูเครนเป็นอาชญากรรมสงคราม แต่การกระทำแบบเดียวกันต่อกาซาไม่ใช่”
(https://twitter.com/SkyNews/status/1717201853631307984 และ https://twitter.com/yashar/status/1716983169214501191)
