1 ปี ปรากฏการณ์ “อนาคตใหม่” “ธนาธร” ผู้เกิดก่อนกาล แต่มาไกลเกินคาด
15 มี.ค.ปีที่แล้ว นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” และอาจารย์ด้านกฎหมายหัวก้าวหน้า “ปิยบุตร แสงกนกกุล” นำคณะแถลงข่าว เปิดตัวพรรคการเมืองที่มีชื่อว่า “พรรคอนาคตใหม่” พรรคทางเลือกที่นิยามตัวเอง เป็นพรรคของกลุ่มคนที่ไม่ยอมจำนนต่อความอยุติธรรม อยู่ตรงข้างคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. และจะเป็นพรรคแนวหน้าถือธงประชาธิปไตยบนแผ่นดินไทย
“พรรคอนาคตใหม่” เกิดจากความคิดริเริ่มของ “ธนาธร” นักธุรกิจหมื่นล้าน จากอาณาจักร ”ไทยซัมมิท” ผู้ผลิตชินส่วนรถยนต์เบอร์ต้นๆของโลก ผู้ได้รับฉายา “ไพร่หมื่นล้าน” ผู้ที่เก็บงำความอึดอัดกับสภาพแวดล้อมการเมืองไทยอย่างหนัก นับตั้งแต่ที่ “บิ๊กบัง” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ก่อรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549
“ธนาธร” ปรับทุกข์กับ “ปิยบุตร” อาจารย์กฎหมายชื่อดังจากธรรมศาสตร์ ผู้ที่กำลังไปได้สวยในแวดวงวิชาการ พวกเขาเห็นตรงกัน คือไม่เห็นด้วยกับรัฐประหาร เพราะไม่เชื่อว่าใช่ทางออก ทั้งคู่ตกผลึก ว่าเห็นทีจะต้องตั้งพรรค มาต่อสู้กับอำนาจอันไม่เป็นประชาธิปไตย สู้ในสนามเลือกตั้ง ที่ตอนนั้นถูกกำหนดว่า จะมีขึ้นในเดือน พ.ย. 2561 แม้มีหลายเสียงทักท้วงไม่ให้เสี่ยงในเกมนี้ เพราะระบบเลือกตั้ง กฎ กติกาอื่นๆ ล้วนไม่เอื้อต่อการตั้งพรรคเหมือนในอดีต
แต่เมื่อตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ทั้งคู่จึงไม่รอช้า
“ธนาธร” ถือไมโครโฟน พูดกับนักข่าวในวันเปิดตัวพรรค 15 มี.ค.61 ว่า “ผมคิดว่าผมได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ ที่จะเข้ามาทำงาน ถ้าถามว่ากลัวไหม ก็ต้องบอกว่าไม่กลัว และผมพร้อมต่อสู้ ยืนหยัดเพื่อประชาธิปไตยและผลประโยชน์ของประชาชน ผมอยากเห็นพรรคการเมืองที่ไม่กลัวการต่อสู้กับองค์กร ค่านิยมที่เป็นปฏิปักษ์ต่อประชาธิปไตย นั่นคือเหตุผลที่เรามาทำงานร่วมกันในวันนี้”
นั่นเป็นวันที่โซเชียลมีเดีย แห่พูดถึง “ธนาธร” และ “พรรคอนาคตใหม่” อย่างคึกคัก การเกิดพรรคการเมืองใหม่นี้สร้างความตื่นตัวทางการเมืองแก่วัยรุ่นหนุ่มสาวสมัยใหม่มาก คำพูด คลิป ภาพ ของ “ธนาธร” และ “ปิยบุตร” ถูกแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง #พรรคอนาคตใหม่ กลายเป็นอันดับหนึ่งที่คนไทยใช้มากที่สุดในทวิตเตอร์
พรรคอนาคตใหม่ประชุมใหญ่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 พ.ค.2561 ที่ประชุมได้เลือก “ธนาธร” เป็นหัวหน้าพรรค “ปิยบุตร” เป็นเลขาธิการพรรค มีกรรมการบริหารพรรคอาทิ ชำนาญ จันทร์เรือง , พล.ท.พงศกร รอดชมภู , กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ ฯลฯ และกระแสพรรคอนาคตใหม่ เป็นผลให้พรรคอื่นๆต้องหันมาสนใจกลุ่มวัยรุ่น ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งครั้งแรกที่มีมากถึง 7 ล้านคนมากขึ้น เมื่อพรรคอนาคตใหม่ดังเปรี้ยงในชั่วข้ามคืน พรรคอื่นจึงต้องงัดกลยุทธ์หวังแย้งคะแนนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในขณะที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ยังไม่รับรองความเป็นพรรคการเมือง “ธนาธร” นำชาวคณะ เดินสายลงไปยังจังหวัดต่างๆ เพื่อพบปะประชาชน รับฟังความคิดเห็น และหาแนวร่วม พวกเขาใช้สื่อออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ เกือบทุกกิจกรรมที่ “ธนาธร” และแกนนำพรรคมีส่วนร่วม จะถูกนำเสนอต่อแฟนเพจพรรค ไม่รูปแบบใดก็รูปแบบหนึ่ง
ทางการเมือง “พรรคอนาคตใหม่” เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ทั้งฉบับ , ล้มล้างผลพวงรัฐประหาร , เอาคณะรัฐประหารขึ้นศาล ,ปฏิรูปกองทัพ , ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ,ปฏิรูประบบราชการล้าหลัง ฯลฯ ข้อเสนอส่วนใหญ่ล้วนได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี หลายข้อเสนอถูกหยิบยกมาถกเถียงกันอย่างคึกคัก
แม้กระนั้น “ธนาธร” ก็ถูกมองเป็นพวกหัวรุนแรง คิดล้มล้างขนบธรรมเนียมอันดีงาม แม้ข้อเสนอหลายอย่างจะเป็นความคิดที่ก้าวหน้าไปไกล แต่บางกลุ่มยังเห็นว่าไม่เหมาะกับสังคมไทยเอาเสียเลย
พรรคอนาคตใหม่จัดงานระดมทุนที่ฉีกกรอบเดิมๆ โดยจัดเป็นมหกรรมดนตรีและศิลปะ ชื่องาน Future Fest มีวงดนตรีอินดี้ร่วมงานอย่าง Polycat, Solitude is Bliss, Srirajah Rockers, Bomb At Track, จระเข้บัว, Tontrakul Project, The Ginkz feat. Rap Ake, Toyo KQ และ จินตะ เรียกว่าได้ใจวัยรุ่นไปเต็มๆ
หลังสร้างแนวร่วมมาพอสมควร พรรคอนาคตใหม่ได้ฤกษ์เปิดเวทีปราศรัย ในเดือน ม.ค.62 หลังจากที่ คสช.ปลดล็อกการเมืองแล้ว พวกเขาเปิดเวทีย่อมๆกันที่สวนครูองุ่น มาลิก ซอยทองหล่อ มีคนมาฟังจำนวนหนึ่ง ไม่มากนัก เพราะทางพรรคห้ามมีการเกณฑ์คนมาฟัง โดยต้องการแค่คนที่อยากฟังจริงๆเท่านั้น หลังจากนั้นพวกเขาก็เดินสายหาเสียงเต็มรูปแบบ จัดเต็มทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด
กระแสพรรคอนาคตใหม่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ “ธนาธร” และ “ปิยบุตร” ต่างวิจารณ์ คสช.อย่างหนัก ส่งผลให้พวกเขาถูกจับตามองจากผู้มีอำนาจเป็นพิเศษ “ธนาธร” ถูก คสช. แจ้งความดำเนินคดีต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) กรณีวิจารณ์พลังดูดของ คสช. ต่อมาก็มีการแจ้งความดำเนินคดีกับ “ธนาธร” อย่างต่อเนื่อง
ในงานบอลประเพณี จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ครั้ง 73 “ธนาธร” เดินทางไปร่วมงานเหมือนกับศิษย์เก่าคนอื่นๆ ระหว่างเดินผ่านกลุ่มนักศึกษาที่กำลังร้องเพลงเชียร์อย่างเมามันส์ ทันใดที่นักศึกษาคนหนึ่งเห็น “ธนาธร” จึงร้องขึ้นว่า “ฟ้ารักพ่อ” ฟ้ารักพ่อนะคะ” ซึ่ง “ธนาธร” เองก็งง
แต่ไม่นานหลังจากคลิปดังกล่าวแพร่ระบาด กระแส “ฟ้ารักพ่อ” ก็ดังกระหึ่มโซเชียล หลายคนโพสต์ภาพ “ธนาธร” พร้อม #ฟ้ารักพ่อ ส่งผลให้ #ฟ้ารักพ่อ ขึ้นอันดับหนึ่งในทวิตเตอร์อย่างรวดเร็ว กระแส “ฟ้ารักพ่อ” ส่งผลให้ความนิยมในตัว “ธนาธร” และ “พรรคอนาคตใหม่” ทวีคูณ โซเชียลมีเดียพยายามขุดภาพ “ธนาธร” ในอิริยาบถต่างๆ การแชร์ ภาพและคลิป “ธนาธร” ผุดขึ้นเต็มฟีดเฟซบุ๊ก
จากนั้น ไม่ว่า “ธนาธร” จะไปหาเสียงที่ใด ก็จะมีวัยรุ่น นักศึกษามาให้กำลังใจล้นหลาม
20 ก.พ.ปรากฎภาพวัยรุ่นจำนวนมากแห่ล้อมขอถ่ายภาพเซลฟี่กับ “ธนาธร” ระหว่างเดินหาเสียงที่สยาม ต่อมาเวทีปราศรัยของพรรคอนาคตใหม่ ก็มีความคึกคักมากขึ้น มีบรรดาแฟนคลับมารอฟังการปราศรัยมากขึ้นตามลำดับ
8 มี.ค.62 เวทีปราศรัยของพรรคอนาคตใหม่ที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งไม่มีการเกณฑ์คนมา แต่มีผู้สนับสนุนพรรคมาฟังการปราศรัยถึง 2,000 คน 13 มี.ค.พรรคอนาคตใหม่ ไปปราศรัยที่ จ.อุบลราชธานี มีคนมาฟังประมาณ 3,000 คน ส่งผลให้เก้าอี้ที่เตรียมไว้ไม่เพียงพอ
ด้วยกระแสดีวันดีคืน ทำให้คอการเมืองทั้งหลายต้องเปลี่ยนความคิด จากเดิมที่เริ่มแรกเมื่อตั้งพรรค นักวิเคราะห์มองว่าพรรคอนาคตใหม่ หากได้ ส.ส. 2 คน คือ “ธนาธร” และ “ปิยบุตร” ก็นับว่าเก่งแล้ว แต่ตอนนี้มีการประเมินกันใหม่ว่า พรรคอนาคตใหม่อาจจะได้ ส.ส.ไม่ต่ำว่า 15 ที่นั่ง ขณะที่พรรคประเมินเองว่าน่าจะได้ถึง 50-60 ที่นั่ง ยิ่งพรรคไทยรักษาชาติ(ทษช.) ถูกยุบ ยิ่งต้องประเมินสูงไว้
เหตุผลที่พรรคอนาคตใหม่ได้ความสนใจ น่าจะมาจากทั้งรูปแบบและเนื้อหาการนำเสนอ ในแง่รูปแบบ พวกเขาเป็นพรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่ ความคิดใหม่ ที่ไม่ยึดติดกับกรอบเดิมๆ ดังจะเห็นจากการกล้านำเสนอบุคลากรของพรรคเป็นต้น
ส่วนเนื้อหาการเสนอนั้น หนักแน่น ตรงไปตรงมา ยิ่งผนวกกับแวดล้อมการเมืองไทยในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งถูกปิดตาย ขาดหายจากการเลือกตั้งจริงนานถึง 8 ปี ด้วยเหตุนี้ เมื่อมีทางเลือกใหม่ ย่อมสร้างความสนใจได้เป็นอย่างดี
แต่ “พรรคอนาคตใหม่” จะไปได้ไกล แค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับการเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค. แต่ในเวลา 1 ปี ที่ผ่านมา พรรคอนาคตใหม่ถือว่า สร้างกระแสฟรีเวอร์ได้ไม่หยุดหย่อน
“มาร่วมกันเขย่าประเทศไทย ดิสรัปการเมืองไทย ด้วยหวัง ว่าเมื่อการเมืองตกตะกอนครั้งนี้ คนไทยทุกคน จะได้เห็นว่าอุปสรรคของการพัฒนาประเทศคือทำรัฐประหาร คือโครงสร้างรัฐราชการที่แข็งทื่อและไม่ยอมปรับตัว คือคนกลุ่มน้อยที่ไม่เคยสนใจประชาชน” ธนาธร กล่าว
ที่มา FB