วันจันทร์, มีนาคม 18, 2562

มัวหมองกันแล้ว ‘ทั้งข้อง’ กกต. ชุ่ยซ้ำซาก ทั้งที่ผู้ออกเสียงตื่นตัวเป็นประวัติการณ์

อุ๊บ They did it again. ขออนุญาตดัดจริตใช้สำนวนฝรั่งอีกที ต่อความมั่วซั่ว ชุ่ยซ้ำซากของ กกต.ไทย ในการจัดเลือกตั้งล่วงหน้าและนอกภูมิลำเนา เมื่อ ๑๗ มีนา ๖๒ ทั้งที่เป็นประวัติการณ์ในครั้งนี้ว่า มีผู้ออกไปใช้สิทธิ์ลงคะแนนกันล้นหลาม

ตามรายงานเท่าที่ได้สัมผัสทางหน้าทวิตเตอร์ ที่เขตบางกะปิ @Rajprasong_News เผย “อะเมซซิ่ง มีคนไปออกเสียง ๖ หมื่น ก่อน ๕ โมงเย็นวันนี้ ครั้งที่แล้วโหวตสองวันแค่ ๓ หมื่น” ที่เชียงใหม่ @FaiSuluck แจ้งว่าอะเมซซิ่งเช่นกัน “คนแน่นมาก ๘๐% อายุในเกณฑ์ ๒๐-๓๐ ปี”

ที่ตราด หนังสือพิมพ์ข่าวสดรายงานว่า เมื่อเวลา ๑๗.๐๐ น. มีผู้ไปใช้สิทธิ์ถึง ๘๖.๗๕% ตั้งเป้าว่าในการเลือกตั้งวันที่ ๒๔ มีนาจะมีคนออกไปโหวตถึง ๘๐% ขณะที่ในท้องที่อื่นๆ ก็มีรายงานอย่าง ‘sensational’ ถึงความตื่นตัวผู้ใช้สิทธิ
ที่ปราจีนบุรี นักเรียนหญิงชั้น ม.๖ วัย ๑๘ ปีซึ่งได้ใช้สิทธิ์ครั้งแรก กระหืดกระหอบไปลงคะแนนเป็นคนสุดท้ายก่อนปิดคูหา เพราะวันนั้นต้องทำการสอบวิชาสามัญ ๙ วิชา ส่วนที่บางเขนชายวัย ๔๓ ปีผู้ไปใช้สิทธิ์คนหนึ่งต้องใส่วิกไปออกเสียง

เนื่องเพราะเขามีข้อหาฉ้อโกงติดตัวอยู่ ๒๐ คดี ซึ่งทางการตำรวจรู้เบาะแสดีจึงจัดกำลังคอยดักจับที่คูหาเลือกตั้ง ชายคนนั้นวิ่งหนีไปกระโดดลงน้ำในสระวัดพระศรีฯ เสียชีวิต ตำรวจเอาศพขึ้นมาได้ภายหลัง


เป็นปรากฏการณ์อัน ซึ้งชนิดที่ prajak kong @bkksnow  ทวี้ตว่า “เห็นคนหนุ่มสาวตื่นตัวออกมาโหวต เห็นคนยอมทนยืนตากแดดเข้าคิวเป็นชั่วโมงๆ เพื่อหย่อนบัตร – เป็นวันที่เราได้เห็นความสวยงามของประชาธิปไตย”

จนอยากจะยกประโยชน์ให้จำเลย กกต.อย่างที่ ยิ่งชีพ (เป๋า) เขียนไว้บนทวิตเตอร์ของเขา

การแจกบัตรเลือกตั้งผิดมากมายในวัน #เลือกตั้งล่วงหน้า ไม่ได้มาจากการจงใจทุจริตในระดับนโยบาย แต่เป็นความห่วย รีบร้อน และอีโก้สูง ของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติ ส่วนน้อย เท่านั้น ที่ #กกต ระดับบน หละหลวมในการอบรม มันจึงเกิดขึ้น”

แต่จากท่าทีและท่วงทำนองแบบ ปัดสวะพ้นตัว ของ กกต. บางคน คงต้องก่นด่าและสมน้ำหน้าที่องค์กรมัวหมองกันแล้ว ทั้งข้องดูจากคำพูดของรองเลขาธิการนั่นปะไร ตามรายงานของ จส.๑๐๐ “กกต. ยอมรับเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต มีรายงานกรรมการประจำหน่วยหยิบบัตรให้ผิดเขตหลายพื้นที่

แต่เป็นหน้าที่ของประชาชนที่ต้องรักษาสิทธิ์ของตนเอง” นายณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล แนะให้ผู้ใช้สิทธิ์ต้องคอยระแวงระวังกันเอง แทนที่จะเป็นในทางตรงข้ามที่ถูกที่ควร ทางการต้องเป็นฝ่ายเตรียมการและดูแลไม่ให้ประชาชนสับสนผิดพลาดได้

มีหลักนิติรัฐ นิติธรรมที่ไหนในโลกของมนุษยชนที่เจริญแล้วบอกว่า ผลอันเกิดจากการกระทำผิดพลาดของรัฐ “อนุมานว่าได้ใช้สิทธิ์ไปแล้ว ไม่สามารถดึงบัตรกลับมาได้” แน่นอนว่าเปิดหีบเอาบัตรเสียออกมาไม่ได้ แต่ต้องแก้ไขด้วยการให้ลงคะแนนในเขตนั้นใหม่ด้วยบัตรดีจึงจะถูกต้อง

ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งไทยยุค คสช.จัดเลือกตั้ง โดยเป็นผู้กำกับควบคุมเองและลงแข่งขันด้วยตนเองนี่ ต้องเป็นผู้มีความสามารถมากมายเลยทีเดียว “เมื่อรับบัตรเลือกตั้งแล้ว ตรวจสอบด้วยว่าใช่เขตของบ้านเราหรือไม่ หัวบัตรจะมีเขียนไว้ ถ้าผิดให้แจ้งเจ้าหน้าที่ขอเปลี่ยน” ดังที่ ไอลอว์ ให้คำแนะนำไว้

เขายังแนะอีกว่าไม่เฉพาะตรวจตราการลงคะแนนของตนเองให้ถูกต้องตามระเบียบ อย่าให้คนกำกับดิ้นได้เท่านั้น ควรทำอย่างฝรั่ง “See something, Say something.” เห็นอะไรไม่ชอบมาพากลให้รายงานทันที ถ้าเจ้าหน้าที่รัฐไม่รู้ไม่ชี้ ให้แจ้งไปที่ไอลอว์
 
ปรากฏมีพลเมืองผู้หวงแหนสิทธิของตนมากหลายราย ที่แจ้งวิธีการโกงและเอาเปรียบต่างๆ ของพรรคการเมืองที่สนับสนุน คสช. ไว้ทางโซเชียลมีเดีย ดังเช่นมีคนส่งรูปไปให้เพจ CSI LAเป็นทหารเกณฑ์เข้าแถวรอหย่อนบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าที่พิษณุโลก

นอกจากนี้ยังมีแช็ตอ้างว่า เป็นการพูดคุยกันระหว่างทหารเกณฑ์คนหนึ่งกับเพื่อน บอกว่า ไปเลือกตั้ง บังคับให้กาเบอร์ 5 ไม่งั้นจะงดพักกลับบ้าน เดือน เม.ษ.ก็ไม่ได้กลับบ้าน” จนมีการเรียกร้องให้ กกต.เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเขตเลือกตั้งอำเภอวังทองนั้น

วันเดียวกันปรากฏข่าวคลิปฉาวอีกรายกระหึ่มทางสื่อสังคมเช่นกัน ถ่ายจากการปราศรัยหาเสียงในพื้นที่เดชอุดม จังหวัดอุบล ของผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐ ผู้โพสต์คลิประบุว่า “เมื่อจบการปราศรัยบุคคลในรูปที่เราวงกลมไว้ ได้เดินเข้าแถวมารับเงิน”

คลิปดังกล่าวความยาว ๔๓ วินาฑี ที่ผู้โพสต์บอกว่า “อันนี้คลิปแรกนะคะ (๒) จากนั้นได้ทวิตคลิปที่สอง ความยาว ๕๙ วินาที ระบุข้อความว่า “อันนี้คลิปที่ ๒ นะคะ ตอนท้ายคลิปจะมีลุงเสื้อเขียวพูดสำทับเรื่องเบอร์ไว้ชัดเจนเลยคะ (๓)
 
และสุดท้ายผู้ใช้ทวิตเตอร์ว่า ท้องฟ้าของเค้า ได้โพสต์รูปส่งท้ายและระบุข้อความในรูปถ่ายไว้ว่า “คนนี้คือผู้จ่ายเงิน แล้วคือเขาติดตามไปหาเสียงพร้อมกับผู้สมัครทุกที่เลยค่ะ” แต่แล้วปฏิกิริยาจากเจ้าหน้าที่ กกต. ยิ่งกว่า เหลือเชื่อ

พ.ต.ท.เรืองยศ มีแก้ว ผอ.กกต.อุบลราชธานี บอก “ได้ทำการสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องเบื้องต้นไปแล้ว แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ ต้องขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานอีกสักระยะเพื่อความเป็นธรรม” ให้กับใครไม่ชัดแจ้งนักละ

แต่แน่ๆ ทั่นรองเลขาฯ แถว่า “ยังไม่กล้าระบุให้ชัดเจนว่าคลิปที่อ้างว่ามีการแจกเงินนั้นเป็นของพรรคใด” เจริญพวง

(https://www.matichon.co.th/politics/news_1411145, https://twitter.com/nompqxtr/status/1106851522443239429 และ https://www.khaosod.co.th/election-2019/news_2317089)