เป็นอีกแรงส่งที่ทำให้ภาวะสงครามและความเกลียดชัง ระหว่างสองประเทศเอเซียอาคเนย์และอินโดจีนดำเนินต่อไป ท่ามกลางกระแสเชิดชู ‘ทหาร’ ที่ผลสำรวจนิด้าโพลล่าสุดให้ความพอใจกว่า ๗๐% และนักโหนสูงเสนอแนะ ต่ออายุราชการแม่ทัพภาค ๒ อีกสองปี
ทว่าข้อที่ Thanapol Eawsakul เสนอแนะ ในภาวะการณ์เช่นนี้ น่าจะช่วยเหนี่ยวรั้งอารมณ์โกรธร่วมของผู้คนได้บ้าง ว่าที่จริงเรามีทางเลือกอื่นๆ ที่จะไม่ทำให้เกิดภาวะ เหยียบกับระเบิด ซ้ำแล้วซ้ำอีกได้ ด้วยเทคโนโลยี่ทันสมัย
“การรีดไขมันกองทัพในสิ่งที่ไม่จำเป็น และไปลงทุนกับเทคโนโลยีความมั่นคง ที่ยกระดับความสามารถของกองกำลังชายแดนอย่างเร่งด่วน” เป็นประเด็นที่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เสนอไว้เมื่อไม่นานมานี้เอง และอาจทำให้กระแสสาธารณะเบี่ยงเบนจากการเข่นฆ่าได้บ้าง
ในบทความ “Blood of innocent children on your hands.” กล่าวถึง “UAV แบบ VTOL (vertical take-off and landing drones), AI-powered border surveillance system. (เรดาร์ตรวจการเคลื่อนไหว), Wearable tech (หมวกนิรภัยอัจฉริยะ),
Autonomous ground vehicles (AGVs) ในภารกิจเก็บกู้วัตถุระเบิด, ระบบ ‘Blue Force Tracking.’ แบบที่ NATO ใช้, Ground Penetrating Radar (GPR) แบบมือถือ และ หุ่นยนต์เก็บกู้ขนาดเล็ก (Mine clearance UGVs) เหล่านี้ ลดไขมันได้ดีกว่ารถถัง เครื่องบินขับไล่ และเรือดำน้ำ
ปะเหมาะพอดีกับที่ ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชนให้สัมภาษณ์ถึงแผนงานการทำหน้าที่ฝ่ายค้านจากนี้ไป เฉพาะหน้ากลางเดือนนี้ มีการพิจารณางบประมาณปี ๖๙ วาระ ๒ และ ๓ พรรคของเธอตั้งเป้า ตัดไขมัน ที่แทรกอยู่ในทุกกระทรวง
‘พี่ไหม’ ของพรรคใหญ่ฝ่ายค้านบอกว่าจากการอภิปรายวาระแรกพบว่า “งบที่มาขอแปรญัตติก็ไม่ได้เป็นแบบที่เราคาด” ไม่ได้เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือช่วยเหลือผู้ประกอบการ แต่กลับเป็นงบใช้จ่ายประจำในวงรัฐบาลที่ตั้งไว้ไม่เพียงพอ
สุดท้ายศิริกัญญาเตือนรัฐบาลให้ตรวจตรา รวบรวมเสียงข้างมากไว้ให้ดี อย่าให้เกิดอาการ ‘สภาล่ม’ เหมือนที่ชักจะเกิดบ่อยในช่วงนี้ เพราะถ้าขาดตกบกพร่อง “อย่าหวังน้ำบ่อหน้าจากเสียงของฝ่ายค้าน” ไม่สามารถโหวตรับให้ได้ ในเมื่อไม่ยอมปรับแก้ตามที่เรียกร้อง
(https://www.facebook.com/thestandardth/posts/DtpzehUvrof5, https://www.facebook.com/thanapol.eawsakul/posts/Qx7LUmHYFMug และ https://x.com/MorningNewsTV3/status/1955131960201973824)
