เมื่อบ่ายวันนี้ (๑๒ พ.ย.) โฆษก กมธ.พิจารณาร่าง รธน.แถลงว่าที่ประชุมได้ข้อยุติแล้ว ให้มีกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ๓๕ คน ที่มาจากการเลือกตั้งทางอ้อม แทนการมี สสร. ส่วนสภาที่ปรึกษาการร่าง รธน. ตามพิมพ์เขียวของพรรคประชาชนเช่นกัน
แต่ใช้การเลือกตั้งทางตรง นั้น ต้องตกไป ทั้งนี้โดยให้มีคณะกรรมการที่รัฐสภาแต่งตั้งจำนวน ๓๕ คนมาแทน ทำหน้าที่รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนมาใช้ประกอบในการร่าง โดยทั้งสองกรณีตั้งอยู่บนฐานความคิดที่ว่า เพื่อป้องกันการใช้เสียงข้างมากลากไป
ดังจะเห็นได้จากการได้มาซึ่งกรรมาธิการยกร่างฯ ๓๕ คนนั้น ให้ สส.และ สว.รวมกันเป็นกลุ่มๆ กลุ่มละ ๒๐ คนเสนอชื่อผู้ร่างรัฐธรรมนูญ ๑ คน ให้ประชาชนคัดมาจำนวน ๗๐ คน แล้วรัฐสภามากรองอีกครั้งให้เหลือ ๓๕ คน ทำอย่างนี้จะตัดเสียงข้างมากลากไปได้
รายงานข่าวระบุว่ามติของกรรมาธิการ ให้มี กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญอย่างเดียว ไม่มี สสร. เห็นด้วย ๒๒ คน ไม่เห็นด้วย ๘ ซึ่งเป็นกรรมาธิการจากพรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย และ สว. “ขณะที่เสียงข้างน้อยเป็น กมธ.ของพรรคเพื่อไทยและแนวร่วม”
นรเศรษฐ์ ปรัชญากร สว. ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการฯ แจ้งว่าการใช้วิธีเลือกตั้งทางอ้อมเพื่อให้ได้มาซึ่งกรรมาธิการยกร่าง รธน.นั้นเป็นการพยายามให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการมากที่สุด ท่ามกลางข้อจำกัดที่ ตลก.รธน.แสนรู้สั่งการไว้
ส่วนการที่ต้องเปลี่ยนจากสภาที่ปรึกษาฯ ซึ่งจะมาจากการเลือกตั้งโดยตรง เป็นคณะกรรมการรับฟังความคิดเห็น ที่แต่งตั้งโดยรัฐสภา (เสียง ๒๒ ต่อ ๙) นั้น น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ สส.ปากน้ำ พรรคประชาชน โฆษกฯ อีกคน เผยว่า
ก็เพราะกรรมาฯ ส่วนใหญ่มีความหวาดกลัว ว่าจะไปขัดกับคำสั่ง ตลก.รธน.ที่ห้ามประชาชนเลือกผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยตรง แล้วมีคนไปร้อง ก็จะทำให้กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญต้องยืดออกไป เกิดความล่าช้า ยกร่างฯ เสร็จไม่ทันปีใหม่
(https://www.matichon.co.th/politics/news_5453368, https://www.facebook.com/thai.udd.news/posts/36xSPjCk3k และ https://www.facebook.com/thai.udd.news/posts/qS12WCxFLRg)
