วันศุกร์, สิงหาคม 15, 2568

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดรายวัน ทำอย่างไรให้ข้อตกลงหยุดยิงไทย-กัมพูชา ไม่ถูกละเมิด


บีบีซีไทย - BBC Thai
14 hours ago
·
"มันเป็นการกล่าวหากันไปกันมา คำถามคือถ้าไม่มีบุคคลที่สาม (Third party) มาช่วยสังเกตการณ์ข้อตกลงหยุดยิงตรงนี้ มันก็จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้เรื่อย ๆ" นักวิชาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศตั้งข้อสังเกตต่อการกล่าวหาการละเมิดหยุดยิงไทย-กัมพูชา มีข้อเสนอแนะใดอื่นอีกบ้าง อ่านได้ที่: https://bbc.in/4mfYWpy

https://www.facebook.com/photo?fbid=1283447167148778&set=a.627743042719197
.....
บีบีซีไทย

แม้ไทยและกัมพูชาบรรลุข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกันแล้วหลังการปะทะบริเวณชายแดนปะทุความรุนแรงขึ้นมาเมื่อปลายเดือน ก.ค. แต่ดูเหมือนว่าการหยุดยิงยังไม่สัมฤทธิ์ผลนัก

ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างทั้งสองประเทศเกิดขึ้นเมื่อ 28 ก.ค. ซึ่งเป็นข้อตกลง "หยุดยิงทันที และไม่มีเงื่อนไข" จากการประชุมนัดพิเศษที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเชีย ในฐานะประธานอาเชียน เป็นผู้ประสานงาน

นอกจากข้อตกลง "หยุดยิงทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข" ตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนของวันที่ 28 ก.ค. ไทยและกัมพูชายังเห็นพ้องให้จัดประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee - GBC) ระหว่างวันที่ 4-7 ส.ค. ก่อนที่ทั้งไทยและกัมพูชา ลงนามในข้อตกลงเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายยึดมั่นในข้อตกลงการหยุดยิงอย่างเคร่งครัด เมื่อ 7 ส.ค.

อย่างไรก็ตาม ยังมีรายงานจากทั้งทางการไทยและกัมพูชา ถึงความเคลื่อนไหวทางการทหารบริเวณชายแดนโดยทั้งสองประเทศต่างอ้างว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงก่อน

เกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากที่ประชุมคณะกรรมการจีบีซีของไทยและกัมพูชา บรรลุข้อตกลง "หยุดยิงอย่างเคร่งครัด" เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และมีปัจจัยใดบ้างที่นักวิชาการมองว่าสำคัญในการช่วยให้ทั้งสองคู่ขัดแย้งรักษาข้อตกลงหยุดยิงให้เป็นไปอย่างมั่นคงโดยไม่มีการละเมิด

ไทยระบุว่ากัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงหลังทหารไทยบาดเจ็บจากทุ่นระเบิด

ในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee - GBC) เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมา ไทยและกัมพูชาได้ร่วมลงนามในบันทึกผลการประชุม 13 ข้อ เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายยึดมั่นในข้อตกลงการหยุดยิง แต่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการแทน รมว.กระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่ายังมี 2 ประเด็นที่ไทยเสนอ แต่ทางกัมพูชายังไม่ตอบรับและขอนำไปหารือ คือ เรื่องความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด และความร่วมมือในการปราบปรามการพนันข้ามชาติ

พล.อ.ณัฐพล กล่าวในการแถลงหลังการประชุมจีบีซีด้วยว่า ฝ่ายไทยจะยึดมั่นให้ความร่วมมือรักษาข้อตกลงหยุดยิง และ "หวังว่ากัมพูชาจะปฏิบัติตามเช่นกัน"

ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาการแทนนายกรัฐมนตรี ก็ระบุถึงข้อตกลงดังกล่าวว่าเป็น "นิมิตหมายที่ดี"

แต่เพียงไม่กี่วันให้หลังการลงนามหยุดยิงของคณะกรรมการจีบีซีทั้งสองชาติ ปรากฏเหตุทหารฝ่ายไทยเหยียบกับระเบิดใน 2 เหตุการณ์ กำลังพลบาดเจ็บ 10 นาย ในจำนวนนี้สูญเสียขา 2 นาย

เมื่อวันที่ 9 ส.ค. กองทัพบกไทยระบุว่ามีรายงานกำลังพลของกองร้อยทหารราบที่ 111 จำนวน 3 ราย บาดเจ็บจากเหตุเหยียบกับระเบิด ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนเส้นทางในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์–บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 12 ส.ค. ทีมโฆษกกองทัพบก ระบุด้วยว่ากำลังพลกองร้อยทหารพรานที่ 2610 รวม 7 นาย ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ขณะทำการลาดตระเวนในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บและสูญเสียขา 1 นาย

กระทรวงการต่างประเทศของไทยออกแถลงการณ์วานนี้ (12 ส.ค.) ประณามการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของฝ่ายกัมพูชา "ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า" และเรียกการกระทำดังกล่าวว่า เป็นการขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ หลักการพื้นฐานของกฎบัตรสหประชาชาติ และเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา รวมถึงกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ



ทว่า พล.ท.หญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา ระบุในแถลงการณ์วันนี้ (13 ส.ค.) ปฏิเสธข้อกล่าวหาว่ากัมพูชาฝังทุ่นระเบิดใหม่ในฝั่งไทย โดยบอกว่า ข้อกล่าวหานี้ของไทย "ขาดหลักฐานที่ชัดเจนและไม่มีมูลความจริง" และทางการกัมพูชาปฏิเสธการมีส่วนเกี่ยวข้องกับการบาดเจ็บของทหารไทยจากเหตุระเบิดทุ่นระเบิดบริเวณปราสาทตาเมือนธม เมื่อวันที่ 12 ส.ค.

อย่างไรก็ตาม พล.ต. วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ระบุว่าจากการตรวจสอบของกองทัพไทยต่อเหตุการณ์ดังกล่าว พบว่าทุ่นระเบิดที่ใช้ในเหตุครั้งนี้เป็นชนิด PMN-2 ซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่พบในหลายพื้นที่ที่กัมพูชาลักลอบติดตั้งเพื่อทำร้ายกำลังพลไทยมาโดยตลอด

"ฝ่ายไทยยืนยันอย่างชัดเจนว่า กัมพูชายังคงมีทุ่นระเบิดอยู่ในครอบครองจำนวนมาก และได้ลักลอบนำมาวางในพื้นที่ต่าง ๆ ตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา เพื่อมุ่งทำร้ายฝ่ายไทย ทั้งที่กัมพูชาเป็นภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหาร" พล.ต.วินธัย ระบุในแถลงการณ์

ด้านนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าววานนี้ (12 ส.ค.) ว่าตนได้โทรศัพท์หารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่จะเป็นประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาในเดือน ธ.ค. นี้ เพื่อขอให้ใช้กลไกในกรอบอนุสัญญาออตตาวาไต่สวนการกระทำของกัมพูชา


ทั้งนี้ นายมาริษบอกด้วยว่าเขาได้มีการโทรศัพท์พูดคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย และสิงคโปร์เพื่อขอให้ใช้กลไกอาเซียนกดดันให้กัมพูชาร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิดอีกด้วย

กัมพูชาอ้างไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ยื่นหลักฐานต่อ UNSC

เมื่อวันที่ 8 ส.ค. สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกฯ กัมพูชา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวโดยอ้างว่า ทหารไทยบริเวณชายแดนได้ใช้หนังสติ๊กยิงยั่วยุมาฝั่งกัมพูชา พร้อมกล่าวด้วยว่า แม้นี่อาจฟังดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ "หากเราไม่ยับยั้งมัน มันจะเปลี่ยนจากการใช้หนังสติ๊กไปเป็นการใช้อาวุธทุกประเภท"

ในเวลาต่อมานายภูมิธรรม เวชยชัย ระบุว่าตน "ไม่ทราบ" ว่าข้อกล่าวหาเรื่องการยิงหนังสติ๊กยั่วยุของทหารฝ่ายไทยเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ "ทุกฝ่ายต้องไปตรวจสอบคนของตัวเอง หากอะไรที่เป็นปัจจัยที่จะทำให้เกิดความไม่สบายใจต่อกันหรือเป็นเงื่อนไขก็ไม่ควรทำ แต่เราเข้มงวดคนของเราอยู่แล้ว"

ต่อมาเมื่อวันที่ 10 ส.ค. พล.ท. บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยระบุว่ามีฐานทหารกัมพูชาอยู่ใกล้และวางกำลังแน่นหนา บริเวณปราสาทตาควาย แต่ยืนยันว่าปราสาทตาควายเป็นของไทยและ "ต้องเร่งนำกลับคืนให้ได้"

ขณะที่วานนี้ (12 ส.ค.) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา ระบุว่าผู้บัญชาการทหารระดับสูงของไทยวางแผนอย่างเปิดเผยเพื่อยึดครองดินแดนกัมพูชา ซึ่งเป็น "หลักฐานที่ไม่อาจปฏิเสธได้" ในความพยายามยั่วยุและวางแผนไว้ล่วงหน้าเพื่อละเมิดอำนาจอธิปไตยของราชอาณาจักร และจะเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง



สำนักงานข่าว CambojaNews รายงานด้วยว่า นายชุม ซูนรี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา เปิดเผยว่า นายปรัก สุคน รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศของกัมพูชา ได้เขียนจดหมายสองฉบับ ถึงประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) และเลขาธิการสหประชาชาติ โดยระบุว่า ทหารไทยได้มีการรุกล้ำเข้ามาในดินแดนกัมพูชาหลายครั้ง แม้จะมีข้อตกลงหยุดยิงเมื่อวันที่ 28 ก.ค. และฝ่ายไทยได้วางลวดหนามและสร้างถนนอย่างผิดกฎหมายในหลายพื้นที่

"พวกเขา [ฝ่ายไทย] เริ่มตั้งแต่การวางลวดหนาม ไปจนถึงการทำลายบ้านเรือนชาวบ้านชาวกัมพูชา และใช้เครื่องจักรกลหนักสร้างป้อมปราการป้องกัน" ซูนรี กล่าว

อย่างไรก็ตาม นายมาริษ รมว.กระทรวงการต่างประเทศของไทย เปิดเผยวานนี้ (12 ส.ค.) ว่า ข้อกล่าวหาของฝ่ายกัมพูชาว่าฝ่ายไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิง "ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด" ต่างกับแต่ฝ่ายไทย ซึ่งมีข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับการยั่วยุของกัมพูชาและการวางทุ่นระเบิด

นักวิชาการ มธ. เสนอไทยควรเร่งการเข้ามาของผู้สังเกตการณ์การหยุดยิง

นักวิชาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศตั้งข้อสังเกตต่อการกล่าวหาการละเมิดหยุดยิงว่าควรต้องมีบุคคลที่สามเข้ามาสังเกตการณ์โดยเร็วที่สุด

"มันเป็นการกล่าวหากันไปกันมา คำถามคือถ้าไม่มีบุคคลที่สาม (Third party) มาช่วยสังเกตการณ์ข้อตกลงหยุดยิงตรงนี้ มันก็จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้เรื่อย ๆ แล้วก็กลัวว่ามันจะลามไปถึงการกลับมาของการยิงกันอย่างหนัก" ดร.ฟูอาดี้ พิศสุวรรณ อาจารย์ประจำสาขาวิชาการระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ระบุกับบีบีซีไทย

เกี่ยวกับคณะผู้สังเกตการณ์หยุดยิง พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ระบุเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (13 ส.ค.) ว่ากองบัญชาการกองทัพไทยจะนำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team - IOT) ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ในวันพรุ่งนี้ (14 ส.ค.) เพื่อสังเกตการณ์ผลกระทบต่าง ๆ ในพื้นที่

ปัจจุบันไทยและกัมพูชาได้มีการตกลงจัดตั้งคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว ซึ่งประกอบไปด้วยผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารของประเทศสมาชิกอาเซียนที่ประจำการในกัมพูชาหรือไทย โดยจะนำโดยผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารมาเลเซีย โดยคณะทำงานฯ จะถูกเชิญจากประเทศเจ้าภาพที่ต้องการให้ตรวจสอบพื้นที่ของตน โดยจะมีการหารือกับมาเลเซียก่อนที่จะดำเนินการ

แต่ในทัศนะของ ดร.ฟูอาดี้ มองว่าประเทศไทยควรมีการทำงานเชิงรุกมากยิ่งขึ้น

"ตอนนี้ขึ้นอยู่กับทางการไทย กัมพูชา และมาเลเซียแล้วว่าจะดำเนินการส่งคณะสังเกตการณ์ของประเทศอาเซียนได้เร็วแค่ไหน และมีองค์ประกอบอะไรบ้าง อยากให้ไทยกระตือรือร้นในเรื่องนี้ ช่วยออกแบบช่วยเสนอแบบต่าง ๆ ซึ่งเราสามารถทำได้เลยไม่ต้องรอกัมพูชา... เพื่อให้การหยุดยิงดำเนินการต่อไปได้ ไม่อย่างนั้นมันเสี่ยงมากที่จะล่ม" ดร.ฟูอาดี้ กล่าว


คณะผู้แทนนักการทูตจาก 11 ประเทศ พร้อมด้วยตัวแทนจากหน่วยงานสหประชาชาติ 15 แห่ง เดินทางไปเยี่ยมค่ายผู้ลี้ภัยบริเวณชายแดนกัมพูชา เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68

อีกหนึ่งประเด็นที่อาจารย์จากคณะรัฐศาสตร์ มธ. มองว่าประเด็นที่อาจเป็นอุปสรรคในการทำงานกับคณะผู้สังเกตการณ์หรือกับองค์กรนานาชาติคือ "ความกลัว" การทำให้ปัญหากลายเป็นเรื่องในระดับสากล (internationalization) ซึ่งอาจทำให้ไทยเสียเปรียบกัมพูชา

"พอกัมพูชาเล่นเกมนั้น [การดึงนานาชาติมาในปัญหาชายแดน] สิ่งที่เราทำได้คือไม่ควรกลัว ควรเล่นกับมันอย่างมีชั้นเชิงมากกว่า คือมันถูกทำให้เป็นสากลแล้ว อะไรที่เรามี จังหวะที่ดีกว่า เราก็เล่นเกมนี้ได้ แต่ไทยเองมีความกลัวและมีมรดกทางความคิดในเรื่องของการไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใคร ทำให้เรากลัวการทำให้การขัดแย้งเป็นเรื่องสากล" ดร.ฟูอาดี้ ระบุ

นักวิชาการผู้นี้บอกด้วยว่า ทางการไทยย้ำหลายครั้งว่าต้องการแก้ปัญหาด้วยสันติวิธีในระดับทวิภาคี ควบคู่ไปกับการฟ้องร้องต่อองค์กรนานาชาติ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำได้ แต่ "ไม่ควรตามหลังเกมของกัมพูชาในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ"

ผู้นำหลายระดับของทั้งสองประเทศควรมี "สายตรง" (hotline) ติดต่อกัน


ดร.ฟูอาดี้ เสนอว่า ผู้นำในหลายระดับของทั้งสองประเทศควรมีสายตรงติดต่อกันเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าการเกิดการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

"เราไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่า แม่ทัพทั้งสองประเทศหรือว่ารัฐมนตรีกลาโหมของทั้งสองฝ่ายมีสายตรง (hotline) ถึงกันไหม มายกหูโทรหากันเลยได้ไหม ซึ่งตรงนี้สำคัญ" ดร.ฟูอาดี้ กล่าว พร้อมระบุถึงสาเหตุที่การมีสายตรงติดต่อกันระหว่างบุคคลในหลายระดับของสองประเทศไว้ 4 อย่าง คือ เพื่อลดความรุนแรง ลดความไม่เข้าใจ สร้างความมั่นใจซึ่งกันและกัน และแก้ปัญหาเฉพาะกาล

ดร.ฟูอาดี้ กล่าวด้วยว่าการมีสายตรงติดต่อถึงกันจะช่วยในการทำให้ทั้งสองฝ่ายกลับมารักษาข้อตกลงหยุดยิงได้เร็วขึ้น

"การมีสายตรงหากันไม่ใช่แค่เรื่องการละเมิดหรือไม่ละเมิดหยุดยิงอย่างเดียว มันจะสามารถช่วยให้การรักษาข้อตกลงหยุดยิงกลับมาอย่างรวดเร็วขึ้น กลับมาที่โต๊ะเจรจาเร็วขึ้น เป็นหนึ่งในกลไกที่ช่วยให้ข้อตกลงหยุดยิงคงอยู่ได้ ถ้ามีเหตุการณ์อะไร ท่านภูมิธรรมก็สามารถยกหูถึงฮุน มาเนตได้เลย" เขาอธิบาย

แผนการตอบโต้กลับต้องได้สัดส่วนและถูกจุด

หลังเกิดเหตุกำลังพลของกองทัพไทยเหยียบทุ่นระเบิดบาดเจ็บเมื่อต้นเดือน ส.ค. 2 ครั้ง หลังการบรรลุการหยุดยิงของคณะกรรมการจีบีซี กองทัพบกไทยได้ออกแถลงการณ์ถึงความพร้อมในการใช้สิทธิ์ในป้องกันตนเอง

"ที่ผ่านมากองทัพบกได้ยึดมั่นในแนวทางสันติวิธีมาโดยตลอดและไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่หากสถานการณ์บีบบังคับก็อาจจำเป็นต้องใช้สิทธิ์ในป้องกันตนเองภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศในการคลี่คลายสถานการณ์ที่ทำให้ฝ่ายไทยต้องสูญเสียกำลังพลอย่างต่อเนื่อง" พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ระบุ

ดร.ฟูอาดี้ แสดงทัศนะต่อประเด็นนี้กับบีบีซีไทยว่าหากกองทัพต้องการป้องกันตนหรือตอบโต้กลับก็ควรพิจารณาถึงขอบเขตการตอบโต้กลับอย่างถี่ถ้วนว่า "เราจะตอบโต้ตรงไหน เยอะขนาดไหน เพราะเรื่องทุ่นระเบิดนี้"

"ถ้าเราจะใช้สิทธิ์ในการตอบโต้ มันเป็นวีธีทางออกที่ดีที่สุดแล้วหรือเปล่า เพราะมันก็จะมีการโต้ตอบ (retaliate) กลับมา" พร้อมเสริมด้วยว่า ปัจจุบันกระแสสังคมกำลังสนับสนุนให้ฝ่ายไทยโต้ตอบกลับต่อกัมพูชา แต่นั่นอาจเป็นการเกาไม่ถูกจุด

"ตอนนี้ทุ่นระเบิดมันถูกเหยียบตรงปราสาทตาเมืองธม แต่ว่ากระแสในสังคมของเรา บอกว่าต้องมายึดปราสาทตาควาย ไม่แน่ใจว่านี่เป็นการแก้ปัญหาถูกจุดหรือเปล่า" ดร.ฟูอาดี้ กล่าว

อย่างไรก็ตาม อาจาร์ยประจำคณะรัฐศาสตร์ มธ. กล่าวด้วยว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ที่รัฐบาลไทยควรมุ่งเน้นคือการลดความเสียหาย

"ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดคือการลดความสูญเสียไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ไม่ว่าทุ่นระเบิดจะเป็นอันใหม่ ไม่ว่าพื้นที่นั้นจะเป็นอธิปไตยของไทยหรือไม่ การลดความสูญเสียเป็นเรื่องที่ต้องถูกดำเนินการอย่างเร่งด่วน" เขากล่าวสรุป

https://www.bbc.com/thai/articles/cp89jp2qlq5o