วันศุกร์, สิงหาคม 15, 2568

การขัดกันทางอาวุธล่าสุดระหว่าง #ไทยกัมพูชา ไม่ได้เกิดจากกระแสชาตินิยม หรือไม่ได้เกี่ยวกับข้อพิพาทเรื่องดินแดน แต่เกิดจากความพยายามของชนชั้นนำทั้งสองประเทศที่ต้องการแก้ปัญหาความชอบธรรมที่ลดน้อยลงของพวกตน (ระบอบฮุนเซน กลุ่มอนุรักษ์นิยม-รอยัลลิสต์และทหาร) - บทวิเคราะห์จากนักวิชาการอเมริกัน


Atukkit Sawangsuk
15 hours ago
·
Pipob Udomittipong
16 hours
·
บทความจาก Jacobin magazine ของ Michael G. Vann 58 ปี นักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกันแย้งว่า การขัดกันทางอาวุธล่าสุดระหว่าง #ไทยกัมพูชา ไม่ได้เกิดจากกระแสชาตินิยม หรือไม่ได้เกี่ยวกับข้อพิพาทเรื่องดินแดน แต่เกิดจากความพยายามของชนชั้นนำทั้งสองประเทศที่ต้องการแก้ปัญหาความชอบธรรมที่ลดน้อยลงของพวกตน
ศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย เมืองซาคราเมนโตบอกว่า ชนชั้นปกครองของไทยและกัมพูชาต่างเผชิญกับวิกฤตความชอบธรรมภายในประเทศ และหันไปพึ่งลัทธิชาตินิยม ซึ่งเป็นสิ่งที่ใช้กันมาแต่โบราณ เพื่อรวบรวมการสนับสนุนและเบี่ยงเบนความสนใจจากความล้มเหลวของพวกเขา
ในประเทศไทย กลุ่มอนุรักษ์นิยม-รอยัลลิสต์และฝายทหารยังคงมีสถานะที่เปราะบาง ยังคงมีการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยและท้าทายต่อโครงสร้างอำนาจที่ฝังรากลึกของพวกเขา
ในกัมพูชา นายกฯ ฮุน มาเนต ได้รับมรดกเป็นระบอบเผด็จการอันแข็งแกร่งจากฮุน เซน บิดาของเขา ระบอบซึ่งเต็มไปด้วยการแย่งชิงที่ดินจากชาวบ้าน ระบบทุนนิยมที่เอื้อพวกพ้อง และการกดขี่ปราบปราม ระบอบการปกครองทั้งของพ่อและลูกต่างไม่มีความชอบธรรม การปลุกกระแสชาตินิยมจึงเป็นทางออกที่มีประโยชน์กับพวกเขา
ประวัติศาสตร์จึงไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เกิดสงครามแย่งชิงปราสาทครั้งนี้ มากเท่ากับวิกฤตการณ์ทางการเมือง ชนชั้นนำของไทยและกัมพูชาต่างใช้ตำนานเรื่องเล่าขานเป็นอาวุธ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากการทุจริต ความไม่เท่าเทียม และการกดขี่ปราบปราม เมื่อความชอบธรรมเริ่มสั่นคลอน พวกเขาจะเริ่มพูดถึงเรื่องธงชาติ พรมแดน และซากปรักหักพัง
การนองเลือดครั้งนี้ช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้ระบอบปกครองทั้งสองประเทศ Paul Chambers นักรัฐศาสตร์ ได้แสดงให้เห็นว่าในกรุงเทพฯ กองทัพไทยกำลังใช้วิกฤตการณ์นี้เพื่อเสริมกำลังของกองทัพเหนืออำนาจการปกครองของพลเรือน
ดังที่เบเนดิกต์ แอนเดอร์สัน ได้เตือนเราว่า ประเทศชาติคือชุมชนจินตกรรม แต่กระบวนการแห่งจินตนาการนั้นไม่ได้ส่งผลดี ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยุคหลังอาณานิคม กระบวนการนี้มักถูกใช้เป็นเครื่องมือในการครอบงำ ไม่ใช่การปลดปล่อย มีเส้นแบ่งที่บางมากระหว่างความภาคภูมิใจทางวัฒนธรรม และความรุนแรงจากลัทธิชาตินิยม
คนที่ต้องจ่ายให้กับการข้ามเส้นแบ่งนี้กลับเป็นคนชนบทที่ยากจน ไม่ใช่นายพล ชนชั้นปกครอง หรือข้าราชการที่ส่งพวกเขาไปตาย นี่ไม่ใช่ความขัดแย้งเรื่องปราสาท แต่มันคือการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจ ความทรงจำ และบทบาทของคนที่นิยามความเป็นชาติ
https://jacobin.com/.../08/thailand-cambodia-war-elite-power


https://www.facebook.com/photo/?fbid=10162934700256649&set=a.10150096728651649